“ภรรยาชายกระโดดตึกศาลอาญา หลังฟังคำพิพากษา เปิดเผย หลักฐานกว่าพันหน้า ทั้งภาพจากวงจรปิด มัดตัวคู่กรณี เชื่อคดีฆ่าลูกชายหลุด เพราะคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพล ใกล้ชิดตำรวจพื้นที่”

จากกรณี นายศุภชัย ทัฬหสุนทร กระโดดลงมาจากชั้น 8 ศาลอาญารัชดา จนเสียชีวิตเมื่อวานนี้ (23 ก.ค.) เนื่องจากเกิดความเครียด และผิดหวัง หลังศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง คดีที่นายธนิต ทัฬหสุนทร ลูกชาย ถูกคนร้ายแทงเสียชีวิต เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2559 ที่ผ่านมา

ล่าสุดเวลา 15.00 น. ที่ ศาลา 2 วัดกุนนทีรุทธาราม แขวงห้วยขวาง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ทางญาติ ได้นำศพ นายศุภชัย มาที่วัดเพื่อทำพิธีรดน้ำศพ ในเวลา 17.00 น. โดย นางเรวดี ทัฬหสุนทร ภรรยานายศุภชัย เปิดใจกับข่าวสดออนไลน์ว่า น้องเต้เสียตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. พ.ศ.2559 หลังจากนั้นคุณพ่อ ก็ตามเรื่อง คือตามเรื่องอยู่คนเดียว ขณะตามเรื่องก็ไม่ค่อยมีคนให้ความร่วมมือ มีคนที่เห็นเหตุการณ์เยอะ แต่คนร้ายที่ฆ่าลูกตนจริงๆ มีแค่ 2 คน ซึ่งหลังจากนั้นตน และสามีก็เคยเจอผู้ต้องหา โดย 1 ใน 2 คน เคยเจอที่ศาลเยาวชน เขาก็ยอมรับกับจริงๆ ว่าเป็นคนทำร้ายน้องเต้เอง ด้วยการนำสนับมือฟาด

ส่วนเรื่องกล้องสามีเป็นคนติดตาม และเป็นคนไปหามา ก็จะได้แค่จับภาพตอนน้องเต้เดินไปเดินมาก่อนถึงจุดที่โดนทำร้าย ส่วนจุดที่โดนทำร้ายมีคนบอกว่ากล้องเสีย หลังจากนั้นสามีตนก็เอาหลักฐานทุกอย่างให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนคำซัดทอดของผู้ต้องหาอีกคน ที่บอกว่าใครเป็นคนแทงน้องเต้ เมื่อตนกับสามีได้ฟังคนพิพากษาเมื่อวานนี้ ตนและสามีถึงได้ผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก

นางเรวดี กล่าวต่ออีกว่า “หลังจากนี้ก็จะต้องดำเนินต่อไป อยากจะขอความเป็นธรรม อยากจะขอให้คนที่มีอำนาจลงมาดูแลเรื่องนี้ ให้เห็นแก่ผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วถึง 2 คน ตนเองไม่มีกำลังจะต่อสู้อะไรแล้ว ตนเองก็ไม่ได้มีความรู้อะไร เมื่อตนเสียสามีไปแล้ว ตนก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงอีกแล้ว”

“ส่วนพยานปากสำคัญก็ได้ไปบอกต่อศาลแล้วว่า เขามีสภาวะไม่ปกติทางจิต ทั้งที่พยานปากนี้เคยไปพูดต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สน.ดินแดง แล้วว่า ใครฆ่าน้องเต้” คุณแม่น้องเต้ กล่าวด้วยความโศกสลด

นางเรวดี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า พยานที่ตำรวจระบุว่า สติไม่สมประกอบ ก่อนหน้านี้ก็ปกติดีทุกอย่าง แต่พอเกิดเรื่องก็กลับไม่สามารถใช้เป็นพยานได้ ตนก็รู้สึกผิดปกติเหมือนกัน แต่ทำอะไรไม่ได้

นายวิรุฬห์ ทัฬหสุนทร หรือ ต้า ลูกชายของผู้เสียชีวิต ได้นำแฟ้มเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ 2 แฟ้ม จำนวนเกือบ 1,000 หน้า ซึ่งเป็นเอกสาร และข้อมูลที่นายศุภชัย เก็บรวบรวมไว้ เพื่อใช้ประกอบคดี

นายวิรุฬห์ เปิดเผยว่า คุณพ่อเป็นคนเก็บรวบรวมเองทั้งหมด เพราะ ตำรวจบอกว่าให้ไปหาหลักฐานมาดำเนินคดีเอง ตนก็ไม่เข้าใจที่ตำรวจแจ้งแบบนั้น จนทำให้รู้แย่กับการทำงานของตำรวจ เพราะ ไม่ช่วยเหลือผู้เสียหายเลย กว่าคุณพ่อจะได้เอกสารมาก็ใช้เวลาเป็นเดือนๆ บางครั้งต้องลางานเพื่อไปหาข้อมูล ซึ่งก็มอบข้อมูลทั้งหมดที่มีให้กับตำรวจเจ้าของคดี ซึ่งตลอดมาคุณพ่อก็เชื่อ และมั่นใจว่า หลักฐานที่มีสามารถดำเนินคดีกับคู่กรณีได้อย่างแน่นอน

นายวิรุฬห์ เปิดเผยว่า จนช่วงเช้าของเมื่อวาน (24 ก.ค.) ขณะนั้นตนอยู่ที่บ้าน ได้ทราบข่าวว่าคุณพ่อกระโดดตึกฆ่าตัวตาย หลังจากศาลอ่านคำพิพากษา ก็รู้สึกตกใจมาก เพราะ คืนก่อนหน้าคุณพ่อยังยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่มีอาการเครียดปรากฏให้เห็น แต่ระหว่างที่รวบรวมหลักฐาน หลายครั้งคุณพ่อมีอาการเครียด และอยากตาย เพราะหลังพี่ชายเสียชีวิต ก็มีปัญหารุมเร้ามากมาย หลังจากทราบคำตัดสินของศาล ตนก็รู้สึกข้องใจ เพราะ หลักฐานที่มีมันชัดเจนมากว่าพี่ชายถูกคู่กรณีทำร้ายจนเสียชีวิต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน