สนช. จบแก้พ.ร.ป.กกต. งดร่วมเตะบอล-สมศักดิ์วืด ตู่แจงปมป้อมพ้นกุนซือคตช. ป๊อก ปัด

ลูกชายพันโรงไฟฟ้า “เทือก”ท้าชนปปช.คดี 396 สภ.

สนช. – 36 สนช.ถอยแล้ว ยอมถอนร่างแก้พ.ร.ป.กกต. ประเด็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง “บิ๊กเจี๊ยบ”ชิ่งร่วมเตะบอลกับทีมสามมิตรปชป.เย้ยช็อปปิ้งอดีตส.ส.ได้ไม่ถึง 10 คน เพื่อไทยอัด”บิ๊กป้อม”สีข้างเข้าถู ไม่ฟันข้อหาชุมนุมเกิน 5 คน “บิ๊กตู่”แจงคตช.ชุดใหม่ไร้ชื่อ”บิ๊กป้อม” ไม่เกี่ยวปมนาฬิกาหรู “บิ๊กป๊อก”โต้ลั่นลูกชายไม่เกี่ยวธุรกิจโรงไฟฟ้าขยะ และไม่เคยเข้าพบผู้ว่าฯภูเก็ต “บิ๊กป้อม”ลุยอีสาน แก้หนี้นอกระบบ คืนโฉนดที่ดินให้ลูกหนี้อีกล็อต อดีตพุทธะอิสระป่วยหลังพ้นคุก ขอเลื่อนศาลสอบคำให้การคดีทำร้ายตำรวจ ทนายเผยอาจกลับมาบวชใหม่ “สุเทพ”ฉุนป.ป.ช.ฟันคดี 396 โรงพัก โวย ตั้งธงเอาเข้าคุก ท้าประชันหลักฐานให้ประชาชนตัดสิน

“บิ๊กตู่”แจงปรับ”บิ๊กป้อม”พ้นคตช.

เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีออกคําสั่งคสช.ที่ 3/2561 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ซึ่งมีการปรับรายชื่อพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาประธานกรรมการว่า ไม่มีอะไร แค่แบ่งงานท่านออกมาบ้าง และพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีชื่อเป็นรองประธานยังไม่ได้รับผิดชอบ จึงแบ่งงานของพล.อ. ประวิตร ออกมาเท่านั้นเอง ไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น อย่าไปคิดให้เป็นอย่างอื่น ไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงเหตุผลการปรับโครงสร้างคตช.ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เป็นการปรับให้พล.อ.ฉัตรชัยมารับผิดชอบ เพราะคณะต่างๆ ต้องแบ่งงานของพล.อ.ประวิตร ออกมาบ้าง ซึ่งมีตั้ง 50 คณะ คตช.จะได้ประชุมบ่อยครั้งขึ้น ไม่เช่นนั้น พล.อ.ประวิตรจะติดประชุมเยอะหลายคณะ

ยันไม่เกี่ยวปมนาฬิกาหรู

ต่อข้อถามว่า การปรับพล.อ.ประวิตรออก เกี่ยวกับเรื่องนาฬิกาหรูหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่เกี่ยว ผมไม่สนใจ เรื่องไหนใครตรวจสอบก็รับไปสิ เขาตรวจสอบว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น ผมไปเกี่ยวอะไรเล่า ไม่เกี่ยว แล้วทำไมเธอไม่ถามล่ะ คุณต่อตระกูล ยมนาค ทำไมยังอยู่ ผมเอาออกหรือเปล่า ก็ว่าโน้นว่านี่อยู่บ่อยๆ ก็ยังอยู่เหมือนเดิมในคณะ ผมไม่ได้ตั้งแบบนี้” ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลที่ปรับเพื่อภาพลักษณ์รัฐบาลด้วยหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ปฏิเสธตอบคำถามก่อนเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที พร้อมส่ายหัวเล็กน้อย








Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายต่อตระกูล ยมนาค หนึ่งในคณะกรรมการ คตช. เคยออกมาตั้งข้อสังเกตถึงการดำเนินการที่ล่าช้าในการตรวจสอบกรณีนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิตร และเคยทำหนังสือถึงพล.อ. ประยุทธ์ ในฐานะประธานคตช. โดยเนื้อหาในหนังสือดังกล่าว แสดงความกังวลต่อบทบาทของพล.อ.ประวิตร ที่กำลังถูกตรวจสอบเรื่องที่มาของนาฬิกาหรู

“บิ๊กป้อม”คืนโฉนดชาวบ้านอีกล็อต

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สนามทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานพิธีมอบคืนโฉนดที่ดินให้แก่ประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบในพื้นที่ภาคอีสาน 1,778 คน เป็นโฉนดที่ดิน 1,523 ฉบับ รวม 6,309 ไร่ และมอบนโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบ โดยมีพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. ร่วมคณะ และมีข้าราชการ ประชาชนจาก 12 จังหวัดภาคอีสานมาต้อนรับเกือบ 1 หมื่นคน

พล.อ.ประวิตรกล่าวมอบนโยบายว่า การแก้ปัญหาลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน และการเอารัดเอาเปรียบของกลุ่มพ่อค้าที่หวังยึดที่ดินทำกินของชาวบ้าน ถือเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาและคืนความยุติธรรมให้กับชาวบ้าน ก่อนหน้านี้เราดำเนินการที่จ.ขอนแก่น สามารถคืนโฉนดที่ดินให้กับชาวบ้านได้ 43 ราย จากนั้นมีชาวบ้านร้องเรียนเข้ามาอีกเรื่อยๆ จนขยายผลมาที่จ.อุดรธานี ที่มีจำนวนผู้เสียหายมากสุดคือ 346 ราย กาฬสินธุ์ 5 ราย นครพนม 151 ราย บึงกาฬ 11 ราย มหาสารคาม 5 ราย มุกดาหาร 3 ราย ร้อยเอ็ด 40 ราย เลย 7 ราย สกลนคร 15 ราย หนองคาย 65 ราย และหนองบัวลำภู 89 ราย รวมวันนี้จะมีการคืนโฉนดที่ดิน รวม 780 ราย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.8 พันล้านบาท

เผยยึดจากเจ้าหนี้รวม 3 พันล.

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า จากการสำรวจและรับแจ้งจากประชาชน พบว่าประชาชนในภาคอีสาน มีสถานะเป็นลูกหนี้นอกระบบ 560,000 คน หรือกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เป็นหนี้นอกระบบทั้งประเทศ จำนวนกว่า 9 แสนคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนและเกษตรกรที่มีรายได้น้อย โดยไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้ จึงกู้หรือหยิบยืมผ่านนายทุนนอกระบบ ที่ทำสัญญาเอารัดเอาเปรียบ ไม่เป็นธรรม ถูกติดตามทวงหนี้ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการข่มขู่ การใช้ความรุนแรง หรือทำให้อับอาย

จากรายงานความคืบหน้าการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบทั้งประเทศ สามารถร่วมเจรจาไกล่เกลี่ย ทำข้อตกลงประนอมและปรับโครงสร้างหนี้กับทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้แล้วรวม 209,538 ราย ขณะเดียวกันได้ใช้มาตรการทางกฎหมายกับเจ้าหนี้นอกระบบ ผ่านศูนย์ปฏิบัติการป้องกันปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชน โดยปัจจุบันได้ร่วมกันดำเนินการและสามารถนำทรัพย์สินของประชาชน 2,287 คน กลับคืนมาจากสัญญาที่ไม่เป็นธรรม เป็นโฉนดที่ดินกว่า 7,000 ไร่ และรถยนต์จำนวนมาก มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท

กกต.นัดหารือ”วิษณุ” 20 ส.ค.

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. และนายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการกกต. ได้ตรวจดูความพร้อมของสถานที่ที่จะใช้ในพิธีรับสนองพระราชโอง การโปรดเกล้าฯ ประธานและกกต.ใหม่ทั้ง 5 คน ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 17 ส.ค. โดยใช้ห้อง 201 ชั้น 2

นายกฤชเปิดเผยว่า เวลา 09.00 น. ประธานและกกต.อีก 4 คน จะสักการะพระพรหม เจ้าที่ของศูนย์ราชการ จากนั้นเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดปกติขาว เพื่อทำพิธีรับสนองพระราชโองการ ในเวลา 11.44 น. และเวลา 13.00 น. กกต.ชุดเก่าและชุดใหม่จะมาพบพูดคุยกันที่ห้องรับรองชั้น 9

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่าย นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. และนายปกรณ์ มหรรณพ กกต. ได้เดินทางมาที่สำนักงาน กกต. เป็นการส่วนตัว เพื่อเตรียมความพร้อมในพิธีรับสนองพระราชโองการที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 ส.ค. รวมทั้งได้มาดูห้องทำงาน และพูดคุยกับเลขาธิการกกต. ถึงกำหนดการต่างๆ และจะมีการหารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมาสำนักงาน กกต. ในเวลา 13.00 น. วันที่ 20 ส.ค.

นายวิษณุให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ได้นัดวันหารือกับกกต.อย่างเป็นทางการ แต่กำหนดไว้คร่าวๆ ว่าเป็นสัปดาห์หน้า โดยจะหารือกันทุกเรื่องที่ยังไม่ชัดเจน ทั้งไพรมารีโหวต การแบ่งเขตเลือกตั้ง และประเด็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง ไม่รู้ว่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมดหรือไม่ แต่ถ้ายังไม่ได้ข้อสรุปทั้งหมดก็ต้องนัดหารืออีกครั้ง

“พรเพชร”ชี้วิปมีอำนาจแก้กม.กกต.

ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) แถลงว่า ได้รับการแสดงเจตจำนงของ 36 สมาชิก สนช. ในการเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ 3 ประเด็น 1.ความถูกต้องของผู้เข้าชื่อ 2.วินิจฉัยว่ามีลักษณะเป็นกฎหมายการเงินหรือไม่ และ 3.การรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ แต่ปรากฏว่ามีเสียงวิจารณ์ว่าสนช.พิจารณากฎหมายไม่รอบคอบ และพยายามเสนอกฎหมายเพื่อให้กระทบกับโรดแม็ปเลือกตั้ง ซึ่งไม่เป็นความจริง เนื่องจากเรื่องนี้อยู่แค่กระบวนการตรวจสอบ อีกทั้ง หากดำเนินการตามกระบวนการเสร็จสิ้นแล้ว ยังต้องผ่านการกลั่นกรองของวิปสนช. อีกด้วย

“ขณะนี้เมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ กกต. 5 คนแล้ว การถอนหรือไม่ถอนร่าง คณะผู้เสนอจะตัดสินใจ ถ้าเขาไม่ถอน กระบวนการก็เดินหน้าต่อไป และเข้าสู่ ที่ประชุมคณะกรรมาธิการกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) ซึ่งวิปสนช.อาจจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ได้ เป็นธรรมเนียมการพิจารณาของสภา” นายพรเพชรกล่าว

36 สนช.ถอย-อ้างฟังเสียงสังคม

นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกสนช. เปิดเผยว่า ได้ประชุมกับสนช. 36 คนที่ร่วมลงชื่อแล้วได้ข้อสรุปเป็นมติเอกฉันท์ว่า หลังจากโปรดเกล้าฯ กกต.ใหม่ 5 คนแล้ว ควรให้เป็นหน้าที่ของกกต.ใหม่คัดเลือกและตรวจสอบผู้ตรวจการเลือกตั้ง 616 คน เพื่อแก้ไขปัญหากันเอง จึงหมดความจำเป็นที่จะเสนอแก้ไขกฎหมายกกต.ต่อไป จึงไปถอนเรื่องการเสนอแก้ไขกฎหมายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าเจตนาการเสนอแก้ไขกฎหมาย เพื่อให้การเลือกตั้งสุจริต ยุติธรรม ไม่มีวัตถุประสงค์ยื้อโรดแม็ปเลือกตั้ง

“เหตุผลที่เห็นว่าสมควรถอย ไม่ได้เพราะมีเสียงคัดค้านนับแสนจากเว็บไซต์ของรัฐสภาที่เปิดให้แสดงความคิดเห็นต่อร่างแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. เพราะคะแนนเหล่านั้นมาจากการจัดตั้ง วัดไม่ได้ แต่ประเมินจากเสียงของเพื่อนสนช.หลายคนที่ไม่เห็นด้วย ตลอดจนผู้ใหญ่และกระแสสังคมบางส่วนที่คัดค้านว่ากฎหมายยังไม่ทันได้บังคับใช้ เหตุใดจึงรีบแก้ไข และเกรงว่าหากให้แก้ไขกฎหมายลูกกันง่ายๆ อาจเป็นช่องทางให้แก้กฎหมายลูกอื่นๆ ได้ในอนาคต การถอยครั้งนี้ไม่คิดว่าเสียหน้า เพราะเรารับฟังเสียงสังคม ถ้ารู้ว่าเดินหน้าแล้วสังคมไม่ตอบรับ ก็ไม่ควรทำ และหากจะแก้ไขกฎหมายกกต. จะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลสมัยหน้า” นาย กิตติศักดิ์กล่าว

นายสมชาย แสวงการ เลขานุการวิปสนช. กล่าวว่า นายมหรรณพ ได้ประสานมาแล้วว่าขอถอนร่างแก้ไขพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต.โดยขั้นตอนหลังจากนี้ ทางสำนักเลขาธิการวุฒิสภาจะดึงเรื่องดังกล่าวออกจากสารบบของรัฐสภา

“มาร์ค”แนะกกต.ใหม่เร่งทำงาน

ที่อาคารวิจัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงกกต.ชุดใหม่จำเป็นต้องรื้อรายชื่อผู้ตรวจการเลือกตั้งหรือไม่ว่า ถ้าเรื่องผู้ตรวจการเลือกตั้งไม่มีปัญหา ไม่ถูกร้องเรียนเรื่องความเป็น กลาง หรือมีการส่งข้อมูลที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตนคิดว่าควรเดินหน้าต่อไป แต่ถ้ามีการส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามา กกต.ก็พิจารณา ถ้าพบว่าตรงไหนมีปัญหา ก็แก้ไขกันไป ตนจึงไม่เข้าใจเหตุผลที่สนช.จะแก้ไขกฎหมายที่ตัวเองเขียนขึ้นมา ซึ่งสะท้อนมาตรฐานการทำกฎหมายของสนช.ชุดนี้

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงท่าทีของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ที่อาจลงเล่นการเมืองและยังเดินหน้าลงพื้นที่ แต่นักการเมืองและพรรคยังไม่สามารถทำกิจกรรมได้ว่า พวกตนปฏิบัติตามกฎหมาย ส่วนกกต.ต้องเป็นกลางและต้องดูด้วย ขณะที่สังคมไม่ควรยอมรับการกระทำที่หลีกเลี่ยงกฎหมาย เพราะเราทุกคนต้องการการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม เพื่อความเชื่อมั่นของประเทศ

เหน็บหมดเวลาไดโนเสาร์

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอบคุณสนช.ที่รับฟังกระแสของสังคม เป็นนิมิตหมายที่ดีที่รับฟังกัน ต้องไม่ลืมว่าสังคมมีเจตนาที่ดีให้ ผู้มีอำนาจเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่ว่าสนช. คสช. กกต.ต้องฟัง เพราะพลังโซเชี่ยลมีเดียมีผลในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างมาก ต้องช่วยสกัดกั้นการใส่ความ ใส่ร้าย เพื่อสนามเลือกตั้งจะได้ใสสะอาด

อีกเรื่องสำคัญคือ กกต.ชุดใหม่ ต้องสุจริตโปร่งใส กล้าหาญปราศจากอคติ ซึ่งในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้จะมีการใช้โซเชี่ยลมีเดียทำลายหรือสร้างข่าวเท็จ สร้างกระแสที่ไม่ถูกต้องมาก หวังว่า กกต.ชุดใหม่จะตระหนักและเตรียมแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังทันท่วงที ขอเตือนพวกที่ชอบฝืนกระแสว่า อย่าทำตัวเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี

ชี้ถ้าทำต่อโรดแม็ปยืด 4 เดือน

ด้านนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้วันนี้ สนช.จะไม่เดินหน้าเสนอแก้ไขกฎหมายกกต.ต่อแล้ว แต่ต้องดูความชัดเจนอีกที เพราะตราบใดที่ร่างกฎหมายยังอยู่ในสนช. ยังไม่ถอนร่างออกไป ถือว่ายังเดินหน้าต่อได้ ในทางปฏิบัติ กกต.ชุดเก่าดำเนินการมาตั้งแต่เดือนเม.ย.2561 ตามที่กฎหมายกกต.บัญญัติไว้ซึ่งเป็นกฎหมายที่สนช.เป็นผู้ทำคลอดออกมา โดยออกระเบียบการสรรหาผู้ตรวจการเลือกตั้งและพิจารณาตามระเบียบ จนได้รายชื่อมาแล้ว 616 ชื่อ ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาความเหมาะสม ดังนั้น เมื่อมี กกต.ชุดใหม่แล้ว ก็ควรเดินหน้าต่อไปตามนี้ หากเห็นว่าระเบียบควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไร กกต.ชุดใหม่ สามารถดำเนินการได้ ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นแก้กฎหมาย

ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าจะกระทบโรดแม็ป การเลือกตั้งหรือไม่ นายองอาจกล่าวว่า ยังไม่กระทบทันที แต่จะกระทบโรดแม็ปต่อเมื่อ สนช.ยืนยันจะเดินหน้าแก้ไขกฎหมายต่อไป โดยดูจากร่างแก้ไข พบว่าจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา ซึ่งระยะเวลาที่ชุดเก่าทำคลอดผู้ตรวจการเลือกตั้งตั้งแต่เดือนเม.ย.เป็นเวลา 4 เดือน หากเอาเวลาขณะนี้เป็นหลัก โรดแม็ป ก็อาจต้องเขยิบไปอีก 4 เดือน

โวยสามมิตรใช้ตรรกะบิดเบี้ยว

นายองอาจกล่าวถึงกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ระบุหากอยากทำกิจกรรมเดินสายรับฟังปัญหาประชาชนแบบกลุ่มสามมิตรก็ให้ลาออกจากสมาชิกพรรคว่า ถ้าใช้ตรรกะนี้ก็ต้องระวัง เดี๋ยวจะมีกลุ่มการเมืองอื่นๆ ที่อยากทำกิจกรรมแล้วใช้ตรรกะนี้มาทำกิจกรรมทางการเมือง เรื่องนี้เราตรงไปตรงมาดีกว่า ทุกคนก็รู้ว่ากลุ่มสามมิตรเป็น กลุ่มการเมืองที่พร้อมแปรสภาพเป็นพรรค และประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ แม้พล.อ.ประยุทธ์จะบอกว่าไม่รู้จักก็ตาม กลุ่มสามมิตรอาจจะยังไม่เข้าข่ายกฎหมายพรรคการเมือง เพราะยังไม่ได้เป็นพรรค แต่คำสั่งห้ามของ คสช. ไม่ได้มีแค่พรรค แต่ห้ามบุคคลใดก็ตามที่ชุมนุมเกิน 5 คน ทำกิจกรรมทางการเมืองด้วย

“การที่กลุ่มสามมิตรไปหานักการเมืองเก่าๆ ในหลายจังหวัด โดยสามัญสำนึกของคนทั่วไปรู้สึกว่าเขาไปช็อปปิ้งหรือไปทำกิจกรรมส่วนตัว ผมคิดว่าใครก็มองออกว่าไปทำกิจกรรมทางการเมืองรูปแบบหนึ่ง ไปเชิญชวนคนมาเข้ากลุ่มของตัวเอง ภาษาปัจจุบันเรียกว่าไปดูด จึงควรตรงไปตรงมา อย่าใช้ตรรกะที่บิดเบี้ยว เพราะเมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันจะผิดไปเรื่อยๆ จนเป็นงูกินหาง แล้วจะเกิดผลเสียหายกับผู้มีอำนาจเอง” นายองอาจกล่าว

เชื่อช็อปปิ้งอดีตส.ส.ไม่ถึง 10 คน

นายวิทยา แก้วภราดัย อดีตส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องระมัดระวัง เพราะเป็นเรื่องบอบบาง จะมาตีความว่ากลุ่มสามมิตรไม่ใช่พรรค เพราะเขาไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคนั้นถูกหรือไม่ เพราะขณะนี้ ตนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคใดแล้วตนจะเคลื่อนไหวทางการเมืองบ้างได้หรือไม่ ส่วนที่เดินสายชักชวนคนเข้าร่วมพรรคแล้วตีความว่าไม่เข้าข่ายชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนนั้น ถ้าไม่คุมกรอบให้ดี จะมีคนอาศัยแนวคิดนี้ไปทำบ้างก็จะเกิดปัญหา เป็นช่องทางให้เกิดผลประโยชน์ต่อคนบางกลุ่มและไม่เป็นธรรมกับคนบางกลุ่ม

กลุ่มสามมิตรเคลื่อนไปชักชวนคนจำนวนไม่มากแต่เป็นกระแสใหญ่ เป็นการตั้งความหวังมากไป ดูแล้วอาจมีไม่ถึง 10 คน เพราะไปภาคอีสานก็บอกว่าดูดคนได้ทั้งภาค หรือไปภาคใต้ก็บอกได้ทั้งภาคเช่นกัน ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องโม้ ราคาคุย เรื่องแบบนี้ใครก็โม้ได้ แต่ผลจะเป็นอย่างไรเมื่อปี่กลองเลือกตั้งเริ่มขึ้นค่อยมาดูกัน

พท.อัด”บิ๊กป้อม”-3 มิตรตีสองหน้า

นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย(พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ระบุกลุ่มสามมิตรเดินสายพบประชาชนได้เพราะไม่ใช่พรรคการเมืองว่า คนเขารู้ทั้งประเทศว่าคือกลุ่มการเมือง ไปเตรียมผู้สมัคร เป็นการพูดแบบเอาสีข้างเข้าถู หาเหตุจะเจาะช่องทางให้คนที่พยักหน้าให้กันทำกิจกรรมได้โดยไม่ต้องสนใจคำสั่งคสช. ที่กลุ่มตนเองออกไว้ และมีหลายแห่งที่กลุ่มสามมิตรประชุมโดยใช้สถานที่ราชการโดยอ้างไปฟังความเดือดร้อนประชาชน และไม่ใช่พรรค ถือเป็นการทำบังหน้า

“คนกลุ่มอื่นที่เรียกร้องการเลือกตั้ง ทำไมบอกว่าชุมนุมเกิน 5 คน ใส่คดีให้เขา นักวิชาการบางแห่งจะประชุมกันยังถูกห้ามว่าเกิน 5 คน ผมไม่ได้หวังว่าคนมีอำนาจจะห้ามพวกนี้ แต่อยากบอกประชาชนให้ดูว่าเวลาคนมีอำนาจพูดหรือทำอะไรไว้ และที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ระบุใครอยากทำแบบเขาให้ลาออกจากสมาชิกพรรค ก็ทำได้ ผมไม่ทำแบบนั้นเพราะพวกผมตีสองหน้าไม่เป็น” นายสมคิดกล่าว

ซัดไม่ฟันข้อหาชุมนุมเกิน 5 คน

นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีนายสมศักดิ์ ระบุหากอยากทำกิจกรรมแบบกลุ่มสามมิตรก็ให้ลาออกจากสมาชิกพรรคว่า นายสมศักดิ์ อาจจะลืมเรื่องการห้ามมิให้ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คนขึ้นไป เวลากลุ่มดังกล่าวลงพื้นที่ก็เกิน 5 คนทั้งนั้น และตนไม่เชื่อว่าจะพูดคุยเรื่องอื่นนอกจากเรื่องการเมือง ขณะที่นักกิจกรรมหรือกลุ่มเคลื่อนไหวออกมาทำอะไร ก็ถูกยัดข้อหาขัดคำสั่ง คสช. ชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไป ซึ่งการอ้างกฎหมายว่ายังไม่เป็นพรรคนั้น ยังพอกล้อมแกล้มได้ แต่ชุมนุมเกิน 5 คนขึ้นไป ทำไมไม่ดำเนินคดี เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน ซึ่งประชาชนดูออก เอาเปรียบได้เรื่อยๆ แต่เมื่อถึงเวลาปลดล็อก ตามดูแล้วกันว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แกนนำกลุ่ม วังบัวบาน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสมศักดิ์ ระบุจะมีเซอร์ไพรส์ใหญ่เนื่องจากทาบทามอดีตส.ส.เหนือมาได้ว่า เข้าใจว่าไม่มีคนใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เราไม่ใช้แล้ว หรือไม่ใช่ตัวหลักที่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ที่เราเซอร์ไพรส์มากกว่า คือกลุ่มสามมิตรเคยเป็นคนของประชาชน แต่วันนี้กลับเดินไปจากประชาชน โดยไม่รู้ว่าอะไรบังตาให้ทำเช่นนั้น และหากยังทำแบบนี้ต่อไป เชื่อว่ากลุ่มสามมิตรจะไม่มีวันเดินกลับสู่ใจของประชาชนอีกเลย อยากให้กลุ่มสามมิตรระบุให้ชัดว่ามั่นใจจะชนะในจังหวัดไหนบ้าง เขียนแปะข้างฝาเอาไว้เลย หลังเลือกตั้งมาดูกันว่าจะชนะได้จริงหรือไม่ มาพิสูจน์กัน

เย้ยแค่เผาหลอก-ไม่เชื่อเลือกตั้ง 62

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกลุ่มสามมิตรเคลื่อนไหวดูด อดีตส.ส.และนปช.ว่า ไม่มีผลใดๆ ความจริงเรื่องนี้เป็นความเสียหายของระบบการเมือง คนของนปช.ใครจะเข้ามาคุยก็ได้ เพราะเราเป็นนักประชาธิปไตย แต่ท้ายที่สุดจะรู้กันในวันเลือกตั้ง ส่วนคนที่ไปก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นแกนนำ จึงไม่มีอะไรที่น่าวิตก ในทางการเมืองถ้าคิดแบบนักเลือกตั้งจะเห็นว่าไม่มีผล แต่คิดในฐานะนักประชาธิปไตยจะเห็นว่าจะนำพาความเสื่อม ซ้ายเสื่อมขวาเสื่อม คนมันจะไม่มีทางออก

“แทนที่พรรคจะทำตัวเป็นที่พึ่ง แต่ก็ละเลงกันจนเละเป็นส่วนใหญ่ และละเลงได้อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเร็วขนาดนั้น ทั้งที่พอถามทุกคนว่าเลือกตั้งวันไหนก็ไม่มีใครรู้ จะรีบเละกันไปทำไม ที่เดินสารพัด ลองถามดูว่าจะได้ผู้แทนกี่คน เรื่องคะแนนไม่ใช่สาระสำคัญ แต่การหยิบยกประเด็นเหล่านี้มาใช้อธิบายเวลาที่ต้องการทำอะไรขึ้นมา เป็นเรื่องสำคัญกว่า เป็นการแต่งตัวที่นำไปสู่สิ่งที่เราไม่ปรารถนา นั่นเป็นเรื่องใหญ่กว่า” นายจตุพร กล่าว

เมื่อถามว่าเชื่อว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปตามโรดแม็ปในปี 2562 หรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ไม่มีใครตอบได้ ไม่มีพรรคไหนคิดว่าจะมีด้วยซ้ำ ที่เดินอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่เผาหลอกทั้งนั้น ส่วนกลุ่มสามมิตรก็ทำเหมือนขึงขังแต่พอไปดูในแก่นแท้มันไม่ใช่ ในสายตาของคนที่อยู่ในสนามการเลือกตั้งจะเห็นว่าไม่มีอะไรเลย การขยับอะไรเราก็รู้กันหมดว่ามันไม่ใช่

โฆษก 3 มิตรสวนเพื่อไทย

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวตอบโต้นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ว่า กลุ่มสามมิตรไม่ได้ตีสองหน้า ถ้าการเดินสายเป็นคนกลางไปรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อส่งต่อให้รัฐบาลหาทางช่วยเหลือแก้ไข เรียกว่าการตีสองหน้า คงดีกว่าเล่นการเมืองแบบตีหน้าเดียว มองเห็นแค่ประโยชน์ของพวกพ้องตัวเอง โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชนแต่จะสนใจเฉพาะเวลาที่จะให้เข้าคูหากาคะแนนให้เท่านั้น ที่สำคัญ หากไม่คิดจะทำ ก็ไม่ควรมาขวางคนอื่น

“การที่กลุ่มสามมิตรไปรับฟังปัญหาของประชาชนในแต่ละพื้นที่นั้น ดำเนินการตามกฎหมาย ตามระเบียบกฎเกณฑ์ทุกอย่าง ไม่ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไปสร้างความวุ่นวายให้กับประเทศ และพร้อมให้คสช.และกกต.ตรวจสอบ ยืนยันว่าเรามีเจตนาบริสุทธิ์ และจะลงพื้นที่รับฟังปัญหาและช่วยเหลือชาวบ้านต่อไป ขณะนี้พี่น้องคนยากจน คนชนบท ได้ประสานงานมายังกลุ่มสามมิตรจำนวนมากจากหลายจังหวัด เพื่อขอให้ไปรับฟังปัญหาและนำข้อเสนอของชาวบ้านส่งให้ถึงมือรัฐบาล” นายธนกรกล่าว

“ภิรมย์”ขอโทษถ้าผิดใจคู่แข่ง

นายภิรมย์ พลวิเศษ เลขาฯกลุ่มสามมิตร ให้สัมภาษณ์ถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ระบุว่าจะมีเซอร์ไพรส์ โดยอาจทาบทาม อดีตส.ส.ภาคเหนือ มาร่วมงานด้วย ว่า ครั้งนี้จะเซอร์ไพรส์กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และเป็นการกระทำที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่หากผิดใจคู่แข่งทางการเมืองก็ขอโทษด้วย ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่ากลุ่มสามมิตรเดินสายพูดคุยเป็นการท้าทายพรรคการเมืองนั้น ขอถามว่า ท้าทายอะไร กลุ่มสามมิตรไม่ใช่พรรคการ เมือง เราท้าทายแต่ทางความคิด ความดี และนโยบาย เพื่อมาแข่งขันกันให้ประชาชนได้ประโยชน์เท่านั้น

เมื่อถามว่ากลุ่มสามมิตรยืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่ตั้งพรรคการเมือง นายภิรมย์กล่าวว่า ไม่ตั้งพรรคการเมืองอย่างแน่นอน เพราะแค่เป็นกลุ่มการเมืองยังจะถูกจับติดคุก ถ้าตั้งพรรคการเมืองจะขนาดไหน

มท.1 แนะคสช.ฟันถ้าผิดกม.

ที่โรงแรมเอสดี อเวนิว เขตบางพลัด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าใครจะเคลื่อนไหวอะไร ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ตนยังยืนยันแบบนี้ ซึ่งในส่วนของกลุ่มสามมิตรหากมีการเคลื่อนไหวหรือชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน เท่ากับเป็นการขัดคำสั่งคสช. ซึ่งคสช.ต้องดำเนินการเอาผิดกับคนกลุ่มนี้ ถ้าถามตนตอนนี้ คสช.ก็ต้องดำเนินการ เพื่อความสงบเรียบร้อย

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าแม้กลุ่มสามมิตรยังไม่ใช่พรรค แต่การเดินสายก็เข้าข่ายฝ่าฝืนคำสั่งคสช.ที่ห้ามชุมนุมเกิน 5 คน ว่า เป็นเรื่องของ คสช. ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่กำลังขอข้อเท็จจริงในเรื่อง ดังกล่าวมาดู เพราะเห็นมีหลายกลุ่มร้องผ่านสื่อ แต่ไม่ได้ร้องมาที่ตน ส่วนจะดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น ไม่สามารถตอบได้ ต้องขอดูข้อเท็จจริงก่อน

“บิ๊กเจี๊ยบ”ชิ่งเตะบอลฒ.สามมิตร

ที่สนามฟุตบอลหน้ากองบัญชาการกองทัพบก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ได้เดินทางมากำลังใจทีม ฒ.สามมิตร ซึ่งลงแข่งขันฟุตบอลกับทีมวีไอพี ทบ. ที่สนามหญ้าหน้าบก.ทบ. กรุงเทพฯ โดยพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ผู้เล่นในทีมวีไอพี ทบ.ไม่ได้ลงสนาม เนื่องจากติดภารกิจลงพื้นที่จ.อุดรธานี กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม และเดินทางกลับมาถึงกรุงเทพฯช่วงบ่าย จากนั้นติดภารกิจต่อเนื่อง ท่ามกลางกระแสข่าววิจารณ์คสช.ปล่อยให้กลุ่มสามมิตรเดินสายดูดอดีตส.ส.ได้

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ทราบว่า การเตะบอลในวันนี้ตนไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า แต่ทีมฒ.สามมิตรเป็นคนนัดหมาย ตนเป็นเพียงสมาชิกคนหนึ่งเท่านั้น ที่ผ่านมาตนก็เตะฟุตบอลเป็นประจำทุกสัปดาห์อยู่แล้ว และเคยเตะฟุตบอลกับพล.อ.เฉลิมชัย สมัยเป็นผู้ช่วยผบ.ทบ.ก่อนขึ้นตำแหน่งผบ.ทบ.เพียง 1 เดือนที่สนามกีฬากองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต เพราะรู้จักกันเนื่องจากต่างคนต่างเป็นนักฟุตบอลอาวุโส จึงรวมกลุ่มกันมาเล่นกีฬา และจากนั้นไม่ได้เตะบอลร่วมกันอีกเลยจนมาถึงตอนนี้ที่พล.อ.เฉลิมชัยใกล้เกษียณอายุราชการ ส่วนตนเพิ่งผ่าตัดข้อเท้ามาเมื่อ 7 เดือนก่อนยังมีอาการบวมอยู่ เลยไม่ได้ลงเตะด้วยในวันนี้

ผู้จัดการทีมยันเชื่อมสามัคคี

นายสมชาติ จิตอดุลย์กาญ ผู้จัดการทีม ฒ.สามมิตร บอกว่า สมาชิกในทีมวีไอพี ทบ.ที่รู้จักกันมานาน ได้พูดคุยกับตนว่าควรจะมีการเตะฟุตบอลกระชับมิตรร่วมกัน จึงนัดกันที่สนามหญ้าหน้าบก.ทบ. ทีมฒ.สามมิตร มีสมาชิกมากจากหลากหลายสาขาอาชีพ ทั้งทหาร ตำรวจ นักการเมือง อัยการ ผู้พิพากษา โดยมีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งทีมได้ก่อตั้งมาประมาณ 20 ปีแล้วใช้ชื่อเดิมว่า ฒ.หัวหมาก

ที่ผ่านมาตนเคยเป็นผู้จัดการทีมวีไอพีไทยรักไทย นปช. วีไอพีตำรวจ และตนยังสนิทกับ นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตแกนนำ นปช. และเคยทำทีมกับท่านมาก่อน แต่จากนั้นนายวีระ โลว์โปรไฟล์ไป ตนก็มาทำทีมกับนายสมศักดิ์ เลยเปลี่ยนชื่อมาเป็น ฒ.สามมิตร ซึ่งเป้าหมายการทำทีม คือการทำความรู้จัก เชื่อมความสามัคคีกับทุกกลุ่มทุกพวกในสังคม

เผยทีมวีไอพี ทบ.ฟาดแข้งบ่อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมวีไอพี ทบ. จะแข่งขันกระชับมิตรกับทุกทีมที่ติดต่อเข้ามา และหากพล.อ.เฉลิมชัย ไม่ติดภารกิจ จะลงแข่งขันด้วย เช่น เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แข่งขันกับทีมเพื่อนสาธิต นำโดย นายสาธิต ปิตุเดชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายนราพัฒน์ แก้วทอง อดีตส.ส.พิจิตร นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. นายธนญ ตันติสุนทร อดีตนักการเมือง

ต้นเดือนก.ค.2560 เคยแข่งขันกับทีมนักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข หรือหลักสูตร 4 ส. ของสถาบันพระปกเกล้า นำโดย นายวีระ สมความคิด อดีตกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด นักเคลื่อนไหวและนักกิจกรรมทางการเมือง และนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน ด้วย

“สุเทพ”มึน-ป.ป.ช.ฟันคดีโรงพัก

วันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และอดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแจ้งข้อกล่าวหาตนเองและพวกรวม 17 คน ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ กรณีสร้างแฟลตตำรวจ 163 แห่งและโรงพักทดแทน 396 แห่ง ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) โดยให้เข้าชี้แจงข้อกล่าวหาภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ว่า ตนเพิ่งทราบข่าว รู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่มติออกมาเช่นนี้ เพราะตนให้ทนายนัดเข้าให้ถ้อยคำด้วยวาจาต่อป.ป.ช.ชุดใหญ่ในวันที่ 20 ส.ค.นี้ และที่ผ่านมาเคยเข้าชี้แจงไปแล้ว 2 ครั้ง

“ผมไม่อยากทะเลาะกับใคร ที่ผ่านมาเคยชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดไปแล้ว เมื่อป.ป.ช.มีมติอย่างนี้ ผมก็พร้อมไปชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาตามที่นัดไว้ด้วยตัวเอง และไม่หนักใจ เนื่องจากยืนยันมาตลอดว่าไม่ได้ทำผิดอะไร โดยจะนำหลักฐานและพยานทั้งหมดที่มีไปชี้แจงต่อ ป.ป.ช.ในครั้งนี้ด้วย” นายสุเทพกล่าว

โวยตั้งธงเข้าคุก-ลุยเปิดหลักฐานเอง

นายสุเทพไลฟ์สดผ่านเพจเฟซบุ๊กว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวร้ายแรงมาก เพราะผิดฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มีโทษถึงประหารชีวิต ความจริงเรื่องนี้มีกระบวนการตั้งข้อกล่าวหาถึง 7 ปี โดยสมุนทรราชทั้งจากของนักการเมือง พรรค ข้าราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และข้าราชการกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)

ตนอดทนมาตลอด 7 ปี เพราะเห็นว่าเมื่อคดีถึงป.ป.ช.ต้องทำความจริงให้ปรากฏ และแถลงข้อเท็จจริงให้สาธารณชนทราบ เมื่อป.ป.ช.ทำบันทึกข้อกล่าวหา เมื่อวันที่ 14 พ.ค.2558 ตนได้รวบรวมเอกสารหลักฐานเสนอต่ออนุกรรมการไต่สวนของป.ป.ช. คิดว่าสมบูรณ์ที่สุด สมควรที่ป.ป.ช.จะได้ตัดสินวินิจฉัยได้ แต่ไม่เป็นไปตามคาด และเกิดความสงสัยในใจว่าคณะอนุกรรมการมีอคติต่อตน ตั้งธงเอาไว้ให้ตนเข้าคุกให้ได้ ต้องลงโทษในคดีนี้ให้ได้ กระทั่งถึงเหตุการณ์วันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเห็นว่าจำเป็นต้องทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง โดยวิธีที่ดีที่สุด คือนำข้อกล่าวหาของป.ป.ช.ทุกข้อและนำเอกสารหลักฐานข้อเท็จจริงมาแสดงต่อหน้าประชาชน เพราะหากรอป.ป.ช.พิจารณาก็ไม่ทราบว่าจะจบเมื่อใด ดังนั้น ให้ประชาชนพิจารณาไปพร้อมกันจะดีกว่า

ข้องใจเตะตัดขารปช.หรือไม่

“ผมตัดสินใจพูดเรื่องนี้ ไม่ใช่เพื่อปกป้องเกียรติยศส่วนตัว แต่มีความรับผิดชอบต่อพี่น้องชาวไทย เคยชักชวนให้ต่อสู้กับรัฐบาลทรราช คนที่ร่วมต่อสู้กับผม ถ้าผมเป็นคนชั่ว คนเลว ทุจริตคอร์รัปชั่น พี่น้องเหล่านั้นต้องเสียใจแน่ จึงเห็นเป็นความรับผิดชอบ ขอ กราบเรียนไปยังป.ป.ช.โปรดสั่งการให้คณะอนุกรรมการส่งมอบเอกสารหลักฐานที่เชื่อว่าผมทุจริต มาเผยแพร่ เพื่อเปรียบเทียบว่าเอกสารในมือป.ป.ช. กับเอกสารที่ผมเสนอ อันไหนเหมาะสมที่จะเชื่อถือมากกว่ากัน และผู้ที่ให้ร้ายโจมตีทั้งที่เป็นตำรวจ ดีเอสไอ นักการเมืองของพรรคเพื่อไทย มีเอกสารหลักฐานเอาผิดผมประการใดให้รีบนำไปให้ป.ป.ช.” นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพกล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ป.ป.ช.รีบสรุป และส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อตนจะได้ต่อสู้คดี ดีกว่ามาดองเค็มและทำให้เสียหาย โดยเฉพาะตนเป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรครปช. การทำให้เรื่องยืดเยื้อออกไป ทำให้สงสัยว่าเป็นการเตะตัดขา ทำลายคะแนนนิยมทางการเมืองหรือไม่ เพราะเรื่องนี้เดิมพันสูง ถ้าตนผิด เอาชีวิตตนไปเลย แต่ถ้าป.ป.ช.ไม่สามารถดำเนินคดี ลงโทษตนได้ ป.ป.ช.ต้องพิจารณาตัวเองว่ายังคงได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ปราบปรามทุจริตต่อไปอีกหรือไม่ นี่ไม่ใช่เรื่องเอาแพ้เอาชนะ แต่จำเป็นต้องพิสูจน์ให้คนทั้งประเทศหายสงสัย ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค.เป็นต้นไป จะนำข้อกล่าวหาทุกข้อของป.ป.ช.แสดงต่อประชาชน และจะนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา จึงขอเชิญประชาชนโปรดติดตาม

อดีตพุทธะอิสระป่วย-เลื่อนขึ้นศาล

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยคดีดำ อ.2498/61 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม และแกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ เป็นจำเลย ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310 ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยว ร.ต.ต.สมคิด เชยกมล และด.ต. วชิรพงศ์ อุ่นนวลบูรพงศ์ ผู้เสียหายที่ 1-2 ซึ่งเป็นตำรวจสันติบาลที่ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้เข้าไปสืบสวนหาข่าว โดยใช้กำลังประทุษร้ายเป็นเหตุให้ทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมทั้งทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้งสองมูลค่ารวม 60,900 บาทถูกประทุษร้ายสูญหายไป ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ทั้งนี้ อัยการได้ขอให้ศาลนับโทษ จำเลยต่อจากคดีหมายเลขดำ อ.247/2561 (คดีกบฏ กปปส.) ด้วย

สำหรับบรรยากาศบริเวณหน้าศาลอาญา มีกลุ่มศิษยานุศิษย์ประมาณ 20 คน มารอให้กำลังใจตั้งแต่ช่วงเช้า พอทราบว่าป่วย ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ ต่างแสดงอาการเป็นห่วงและพร้อมใจกล่าวคำว่า สาธุ พุทธะอิสระๆ ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไป

ทนายเผยอยู่ร.พ.-อาจบวชใหม่

นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความของอดีตพุทธะอิสระ ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้อดีตพุทธะอิสระไม่สามารถมาสอบคำให้การคดีได้ เนื่องจากป่วยหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ซึ่งหลังจากได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯเมื่อคืนวันที่ 15 ส.ค. คณะศิษยานุศิษย์พาเข้ารับการรักษาต่อที่ร.พ.แห่งหนึ่งทันทีเพราะอาการป่วยกำเริบ เนื่องจากระหว่างอยู่ในเรือนจำ 84 วันมีอาการป่วย และไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องจริงจัง แพทย์วินิจฉัยระบุว่าอาการป่วยหมอนรองกระดูกรุนแรง ต้องรักษาและพักฟื้นระยะหนึ่ง ซึ่งตนได้นำใบรับรองแพทย์มาแสดงต่อศาล เพื่อขอเลื่อนไปก่อน

นายธีรยุทธกล่าวว่า ขณะนี้อดีตพุทธะอิสระ ยังคงนุ่งขาวห่มขาว ปฏิบัติตนตามพระธรรมวินัย ยังไม่ถือว่าขาดจากความเป็นพระเพราะยังไม่ได้เปล่งวาจาสึก แต่ตามกฎหมายถือว่าขาดจากความเป็นพระแล้ว ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่อดีตพุทธะอิสระจะกลับมาบวชอีกครั้ง แต่จะเป็นเมื่อใด ยังระบุไม่ได้

นัดสอบปากคำ 8 ต.ค.พร้อมคดีกบฏ

ภายหลังยื่นเอกสารขอเลื่อนนัดแล้ว นายธีระยุทธกล่าวว่า ตนได้อธิบายเหตุผลต่อศาลว่าอดีตพุทธะอิสระต้องเข้ารับการผ่าตัดกระดูกสันหลัง เหตุจากโรคกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท และผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ดวงตาข้างขวา ซึ่งขณะนี้มองไม่เห็น เนื่องจาก 10 ปีก่อน ถูกต่อต่อยและไม่ได้รักษาอย่างถูกต้อง กระทั่งดวงตาข้างขวามองไม่เห็น ซึ่งแพทย์และจักษุแพทย์ ปรึกษาหารือกันและลงความเห็นว่า ควรผ่าตัดรักษาอาการทั้ง 2 จุดในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ซึ่งการผ่าตัดใช้เวลาไม่นาน แต่หลังผ่าตัดต้องใช้เวลาพักฟื้น 45 วัน

ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนสอบคำให้การเป็นวันที่ 8 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ซึ่งเป็นวันนัดตรวจพยานหลักฐานคดีร่วมกันก่อกบฏ ตามที่ศาลอาญานัดไว้ล่วงหน้าแล้ว พร้อมกำชับให้นำตัวจำเลยมาศาลด้วย และหากจำเลยมีอาการป่วยดีขึ้นก่อนวันที่ 8 ต.ค. ให้แจ้งต่อศาลเพื่อสอบคำให้การก่อน เพื่อพิจารณาได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน