น้ำเอ่อท่วมรีสอร์ตเพชรบุรีท้ายเขื่อนแก่งกระจานจมบาดาล 3 เมตร น้ำล้นเขื่อน เข้าท่วม ขนของหนีน้ำอลหม่าน ส่วนเชียงใหม่ เชียงราย น่าน ยังวิกฤตฝนตกน้ำท่วมหนัก ที่แม่จัน เชียงราย น้ำซัดพนังกันน้ำพัง ท่วมบ้าน 300 หลัง

ส่วนที่ฝาง เชียงใหม่ ฝนตกหนักน้ำท่วม จนต้องปิดโรงเรียน 2 วัน นอภ.สั่งเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ด้านอ.ภูเพียง น่านก็ยังวิกฤตระดับน้ำสูง 2-3 เมตร บ้านเรือน 600 หลังถูกตัดขาด ส่วนที่ระนองดินสไลด์ทับถนนเพชรเกษม เส้นชุมพรก่อนถึงระนอง เจ้าหน้าที่เร่งเคลียร์เส้นทางรับ”บิ๊กตู่”ไปประชุมครม.สัญจร ด้านหนองคาย-เลยน้ำโขงล้นทะลักท่วมบ้านเรือน

น้ำล้นเขื่อน / น่านยังวิกฤตจมบาดาล
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. นายไพศาล วิมลรัตน์ ผู้ว่าฯ น่าน พร้อมนายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดรั่วของพนังกั้นน้ำที่ชุมชนบ้านดอนแก้ว ต.ในเวียง เทศบาลเมืองน่าน ซึ่งดินใต้พนังกั้นน้ำทรุดตัว ทำให้เกิดช่องโหว่และน้ำล้นทะลักเข้ามาในจุดนี้ได้ 100% แม้จะนำกระสอบทรายกว่า 500 ถุงมาอุดปิดกั้นไว้ แต่ช่วยอะไรไม่ได้ น้ำไหลท่วม 6 ชุมชนริมแม่น้ำน่าน ได้แก่บ้านสวนตาล บ้านดอนแก้ว บ้านดอนศรีเสริม บ้านท่าช้าง บ้านเมืองเล็น และบ้านหัวเวียงใต้ล่าง ระดับน้ำสูง 20-50 ซ.ม. เทศบาลเมืองน่านตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 4 เครื่อง สูบระบายน้ำตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันพื้นที่เขตเศรษฐกิจ ตลอดทั้งคืนยังต้องเฝ้าระวังมวลน้ำจากทางสายเหนือซึ่งเป็นมวลน้ำก้อนสุดท้ายเนื่องจากไม่มีฝนตกเพิ่ม และคาดว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

สำหรับพื้นที่ที่น่าห่วงคือ อ.ภูเพียง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่น้ำไหลท่วมแผ่กระจายเป็นวงกว้างเนื่องจากการที่อีกฟากของแม่น้ำน่านมีพนังกั้นน้ำ ทำให้บ้านร้องตอง บ้านศรีบุญเรือง บ้านท่าล้อ บ้านแสงดาว ต.ม่วงตึ๊ด ถูกน้ำท่วมสูง 2-3 เมตร เนื่องจากถนนเข้าชุมชนแคบ รถและเรือใหญ่เข้าไม่ได้ ต้องใช้เรือขนาดเล็กเข้าไปส่งน้ำดื่มและอาหาร ส่วนที่บ้านดอนตัน หมู่ 4 หมู่ 10 หมู่ 14 และบ้านม่วง หมู่ 1 ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา ยังคงวิกฤต ระดับน้ำท่วมสูง 1-2 เมตร ปิดถนนทางเข้าออกหมู่บ้าน ทำให้บ้านเรือนกว่า 600 หลังถูกตัดขาด ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ขณะที่พื้นที่ อ.เมืองน่าน จุดที่น้ำท่วมหนักที่บ้านดอนมูลพัฒนา หมู่ 13 ต.ดู่ใต้ อ.เมืองน่าน ระดับน้ำสูง 1-2 เมตร ประชาชนกว่า 100 หลังต้องย้ายสิ่งของและอพยพย้ายไปอยู่บนชั้นสองของบ้าน โดยพ.อ.รุศมนตรี จินะเสน รอง ผบ.มณฑลทหารบกที่ 38 นำอาหารและน้ำดื่ม ยารักษาโรค ลงเรือพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ไปแจกจ่ายสิ่งของเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน

ท่วมตลาดตั้งจิตนุสรณ์
ด้านหน่วยทหารกองพันทหารม้าที่ 15 นำโดยพ.ท.บัณฑิต ชาวกัณหา พร้อมพระสงฆ์สามเณรวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เร่งช่วยกันบรรจุและลำเลียงกระสอบทรายนำไปอุดตามช่องโหว่และรั่วของพนังกั้นน้ำตลอดระยะความยาว 3 ก.ม. ซึ่งน้ำจากแม่น้ำน่านทะลักเข้าที่รอยรั่วต่างๆ ของพนังกั้นน้ำ โดยเฉพาะที่บริเวณบ้านดอนแก้วซึ่งเป็นพื้นที่ใต้พนังกั้นน้ำเสียหายแตกเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ และน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่เขตเทศบาลเมืองน่าน บริเวณบ้านสวนตาลล่าง-ดอนแก้ว-ท่าช้าง-บ้านดอนศรีเสริมกสิกร และบ้านหัวเวียงใต้บางส่วนระดับน้ำสูงกว่า 1 เมตร โดยน้ำผุดขึ้นตามท่อระบายน้ำท่วมขยายวงกว้าง โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจบริเวณตลาดตั้งจิตนุสรณ์ ระดับน้ำสูงกว่า 30 ซ.ม. ทางเทศบาลเมืองน่านเร่งสูบน้ำสู้

นายสุรพลเปิดเผยว่า ขณะนี้น้ำจากทางสายเหนือไหลมารวมที่พื้นที่ตอนล่างอำเภอเมืองน่าน ซึ่งเพิ่มระดับสูงขึ้น เฉลี่ยชั่วโมงละ 3-5 ซ.ม. ขณะนี้ทางเทศบาลเมืองน่านเร่งสูบน้ำระบายออก เพื่อชะลอการเข้าท่วม คาดว่าระดับน้ำจะเพิ่มอีกไม่เกิน 20 ซ.ม. จากนั้นจะเริ่มลดระดับลงต่อเนื่องในช่วงเย็นวันนี้

เชียงรายท่วม 330 หลัง
ส่วนที่ จ.เชียงราย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำจากแม่น้ำคำที่ไหลผ่านพื้นที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ล้นและทลายพนังกั้นแม่น้ำบริเวณหมู่บ้านม่วงคำใหม่ หมู่ 13 ต.แม่คำ มวลน้ำจำนวนมากไหลท่วมบ้านเรือนเป็นบริเวณกว้างตลอดริมฝั่ง ในพื้นที่บ้านร่องก๊อ หมู่ 4 บ้านสันธาตุ หมู่ 9 บ้านม่วงคำ หมู่ 11 และหมู่บ้านม่วงคำใหม่ 230 หลังคาเรือน น้ำลึก 50 ซ.ม. และบางแห่งลึกกว่า 1 เมตร ขณะที่ถนนสายต่างๆ ภายในหมู่บ้านถูกน้ำท่วม ส่วนท้ายน้ำพบว่าน้ำท่วมบ้านม่วงหมูสี หมู่ 7 ต.จันจว้าใต้ 100 หลัง โดยท่วมถนนทางเข้าออกหมู่บ้าน ชาวบ้านต้องใช้เรือหรือรถไถสูงเพื่อเข้าออกหมู่บ้านเท่านั้น ล่าสุดนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าฯ เชียงราย นางวันดี ราชชมภู นายอำเภอแม่จัน นำเจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายข้าวของและสำรวจความ เสียหายตลอดทั้งวัน

นายประจญกล่าวว่า น้ำท่วมครั้งนี้เกิดจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอด 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณน้ำตามลำน้ำต่างๆ เอ่อล้น โดยเฉพาะพนังกั้นน้ำบ้านม่วงคำใหม่สร้างมาแล้วหลายปี ทำให้เสียหาย น้ำจึงล้นทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้รับการแจ้งเตือนอยู่แล้วจึงขนย้ายข้าวของได้ทัน

ด้านนายสุจิต ขันคำกาศ อายุ 59 ปี บ้านเลขที่ 66 บ้านม่วงคำใหม่ กล่าวว่า ช่วงคืนที่ผ่านมาแม่น้ำคำขึ้นสูง ก่อนที่พนังจะทลาย พวกตนเฝ้าติดตามสถานการณ์ทำให้นอนไม่หลับตลอดคืน กระทั่งเวลา 02.00 น. น้ำทะลักผ่านพนังเข้ามา ทำให้ขนย้ายข้าวของไม่ทัน โดยกระสอบข้าวสาร เครื่องใช้ไฟฟ้า และของใช้อื่นๆ ในบ้านจมน้ำเสียหายทั้งหมด เหลือเพียงแค่โทรทัศน์ 1 เครื่อง น้ำท่วมหนักครั้งนี้ถือว่ามากที่สุดในรอบ 30 ปี

ด้านพื้นที่หมู่บ้านแม่ปูนล่างหมู่ 9 ต.เวียง อ.เวียงป่าเป้า เจ้าหน้าที่และชาวบ้านช่วยกันงมหาร่างของนายจะมู จะเงาะ อายุ 56 ปี ชาวบ้านเลขที่ 226 หมู่บ้านแม่ปูนล่าง หลังจากคืนวันที่ 18 ส.ค. นายจะมูออกจากบ้านไปเก็บต้นกล้าข้าวที่ทุ่งนาท้ายหมู่บ้านท่ามกลางฝนและกระแสน้ำที่ไหลบ่ามาตามลำธารภายในหมู่บ้าน ทำให้ขณะที่นายจะมูอยู่ริมตลิ่งถูกน้ำพัดพาหายไปกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว กระทั่งเวลาประมาณ 12.00 น. ชาวบ้านจึงพบร่างและนำขึ้นฝั่ง พบว่านาย จะมูเสียชีวิตแล้ว

น้ำท่วมฝาง-ปิดเรียน 2 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา เกิดฝนตกในพื้นที่อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ทำให้ระดับน้ำในลำน้ำแม่มาว ลำน้ำแม่ใจ ลำน้ำฝางสูงขึ้นจนล้นฝั่งเข้าท่วมบ้านเรือนและไร่นาในหลายพื้นที่ของอ.ฝาง โดยเฉพาะหมู่บ้าน แจ่งหัวริน บ้านฟอล์กแลนด์ บ้านแม่ใจ บ้านสันป่าไหน่ โรงเรียนรังสีวิทยา ต.เวียง, บ้านสบมาว บ้านห้วยงู ต.สันทราย ระดับน้ำสูง 50-70 ซ.ม. นายชัชวาล ปัญญา นายอำเภอฝางสั่งการให้ผู้ใหญ่บ้านทุกบ้านจัดเวรยามเข้าดูแลระดับน้ำ 24 ชั่วโมง

ส่วนโรงเรียนรังษีวิทยานั้น ฝ่ายบริหารแจ้งว่าขอปิดโรงเรียนประมาณ 2 วัน ระหว่าง 20-21 ส.ค. 2561 เพื่อให้เจ้าหน้าที่และ คณะครูเข้าทำความสะอาดห้องเรียน เพราะมีน้ำโคลนเข้าต้องทำความสะอาดก่อน

เชียงใหม่สั่งเฝ้าระวังน้ำ
เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าฯเชียงใหม่ นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผอ.โครงการชลประทานเชียงใหม่ และนายจานุวัตร เลิศศิลป์เจริญ ร่วมกันแถลงข่าวสรุปสถานการณ์น้ำเนื่องจากผลกระทบพายุเบบินคาในพื้นที่จ.เชียงใหม่

นายพุฒิพงศ์กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์น้ำของจ.เชียงใหม่อยู่ในสถานะเฝ้าระวังเท่านั้น เพราะระดับน้ำที่จุดวัดน้ำ P.1 สะพานนวรัฐ อ.เมืองเชียงใหม่อยู่ในสภาวะทรงตัว แต่ยังเฝ้าระวังต่อเนื่อง ยอมรับว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ทางชลประทานและทางเทศบาล นครเชียงใหม่ออกเอกสารเพื่อประกาศข่าวสารให้ข้อมูลแก่ประชาชน แต่กลับทำให้ประชาชนตื่นตระหนกและเกิดข่าวลือ เนื่องจากมีการอ่านข้อมูลเพียงไม่กี่บรรทัด พอทราบว่าปริมาณน้ำจากด้านบนจากอ.แม่แตงจะไหลผ่านตรงกลางเมืองเชียงใหม่ในเวลาตีสามเท่านั้น ก็เกิดความตื่นตระหนก จนเป็นเหตุให้มีประชาชนจำนวนมากไปเฝ้ารอดูน้ำปิงที่จุด P.1 กันอย่างเนืองแน่น มีการขนย้ายสิ่งของ รวมทั้งยานพาหนะมาจอดบนผิวถนน ทั้งที่ในหนังสือและประกาศของชลประทานหรือของเทศบาลนครเชียงใหม่ไม่ได้แจ้งให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของขึ้นไว้ที่สูง หรือระบุว่าน้ำปิงจะล้นฝั่งแต่อย่างใด

น้ำโขงทะลักท่วมหนองคาย
ส่วนที่จ.หนองคาย ระดับน้ำในแม่น้ำโขงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลา 13.00 น. ระดับน้ำที่ส่วนอุทกวิทยาหนองคาย วัดได้ 12.24 เมตร สูงกว่าแนวตลิ่งที่รับได้ที่ 12.20 เมตร อัตราเฉลี่ยน้ำขึ้นชั่วโมงละ 5 ซ.ม. โดยที่บ้านดอนเขียว หมู่ 8 ต.ท่าบ่อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย น้ำโขงไหลเข้าท่วมบ้านเรือน ร้านอาหารที่อยู่ริมแม่น้ำโขงและพื้นที่ทางการเกษตร ชาวบ้านต้องช่วยกันเก็บ ข้าวของขึ้นที่สูง ทรัพย์สินภายในบ้าน รวมถึงสัตว์เลี้ยงก็ต้องอพยพมาอยู่ที่สูง

ด้านเทศบาลเมืองท่าบ่อระดมเจ้าหน้าที่ของเทศบาลและทหารช่วยกันกรอกกระสอบทรายนำไปอุดไว้ตามท่อระบายน้ำ ป้องกัน ไม่ให้น้ำโขงไหลย้อนกลับเข้ามาตามท่อระบายน้ำอีกทางหนึ่ง และได้นำรถกระจายเสียงเคลื่อนที่แจ้งเตือนประชาชนเตรียมพร้อมอพยพขึ้นสู่ที่สูง ชาวบ้านบอกว่าน้ำเพิ่มขึ้นสูงตั้งแต่ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถ ขนย้ายข้าวของได้ ต้องรอให้ถึงเช้าจึงเริ่มขนย้ายข้าวของออกมาไว้บนที่ปลอดภัย และหลายคนต้องกางเต็นท์พักอาศัยชั่วคราวอยู่ริมถนน

เลยก็หนักน้ำซัดร้านค้า 7 หลัง
ด้านนายประมวล ลาภจิตต์ บรรเทาสาธารณภัย จังหวัดเลย รายงานว่า น้ำจากแม่น้ำโขงหนุนเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนบ้านนาจาน ต.ปากตม อ.เชียงคาน ซึ่งอยู่ที่ลุ่ม จำนวน 1 หลัง และนาข้าวบางส่วน เจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง สำหรับแก่งคุดคู้ น้ำโขงเอ่อท่วมเพิงร้านค้าซึ่งอยู่ระหว่างปรับปรุง แม่ค้าลงไปทำเพิงขายชั่วคราวริมฝั่งแม่น้ำโขงต่ำกว่าตลิ่ง 3-5 เมตร สินค้าเสียหายบางส่วน

“ส่วนที่หนัก คืออ.ปากชม น้ำโขงเอ่อท่วมบริเวณท่าเทียบเรือบ้านคกไผ่ ต.ปากชม อ.ปากชม ซึ่งเป็นแอ่งต่ำถมดินก่อสร้างท่าเทียบเรือและที่ทำการริมแม่น้ำโขง อำเภอและเจ้าหน้า ที่ได้แจ้งเตือน ขนย้ายอุปกรณ์และสิ่งของขึ้นที่สูงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”

ด้านนางพรพิมล อภัยสอน อยู่บ้านเลขที่ 9 ม.6 ต.ปากชม จ.เลย อาชีพค้าขายอาหารซุ้มปลาเผาท่าด่านบ้านคกไผ่ กล่าวว่า ระดับน้ำสูงเร็วมาก ร้านค้า หรือซุ้มที่ทำไว้ขอบแม่น้ำโขงถูกน้ำพัดหาย 7 หลัง

น้ำป่าไหลทะลักเขื่อนปราณบุรี
ส่วนที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้พายุโซนร้อน “เบบินคา” จะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามแล้ว แต่ยังเกิดฝนตกหนักในประเทศไทย โดยเฉพาะที่อ.ปราณบุรี อ.หัวหิน อ.สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ฝนตกลงมาบนเทือกเขาตะนาวศรีอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาไหลลงมา ตามลำคลองหรือแม่น้ำ จนบางแห่งมีปริมาณน้ำที่สูงมาก บางแห่งไหลข้ามถนนทำให้ชาวบ้านจนไม่สามารถสัญจรออกจากหมู่บ้านได้ เช่นบ้านแพรกตะลุย ม.6 ต.เขาจ้าว อ.ปราณบุรี บริเวณคลองต้นไทรซึ่งเป็นทางเข้าเส้นเดียวของหมู่บ้านป่าหมาก ต.ศาลาลัย อ.สามร้อยยอด น้ำท่วมทางจนรถไม่สามารถผ่านเข้าออกได้ ชาวบ้านป่าหมากส่วนหนึ่งที่ลงมารับจ้างก่อนน้ำป่าจะลง ไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้ ต้องพักที่ศาลาริมทางติดกับคลอง บางคนต้องกลับไปพักที่บ้านญาติที่อยู่ใกล้เคียง รอน้ำลด

ทั้งนี้มวลน้ำดังกล่าวจำนวนมากเริ่มไหลลงเขื่อนปราณบุรีอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อต้นเดือนส.ค.เขื่อนปราณบุรี มีระดับน้ำสูงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ กรมชลประทานจึงต้องเร่งระบายทำให้ปัจจุบันมีน้ำในเขื่อน 303 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 77.7 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณน้ำดังกล่าวเริ่มไหลลงสู่ต้นน้ำของเขื่อนปราณบุรี และจะทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนของปราณบุรีเพิ่มสูงขึ้น โดยเขื่อนปราณบุรีมีมาตรการในการเฝ้าตรวจสอบสถานการณ์น้ำได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ต้นยางยักษ์โค่นทับหนุ่มดับ
เมื่อเวลา 10.30 น. ร.ต.อ.จิระเดช หุ่นทอง ร้อยเวร สภ.เพ อ.เมือง จ.ระยอง รับแจ้งเกิดเหตุกิ่งไม้หักลงมาทับคนเดินผ่านเสียชีวิต บริเวณศาลเจ้าแม่ทับทิม ริมถนนบนเกาะเสม็ด ม.5 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง จึงไปตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุ มีนักท่องเที่ยวและชาวบ้านกำลังยืนมุงกันอยู่บนถนนด้านหน้าศาลเจ้าแม่ทับทิม ตรวจสอบพบร่างของผู้ชายใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินกางเกงขาสั้นสีดำ นอนหงายจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่บนถนน ใกล้กับต้นยางนาขนาดใหญ่หน้าศาลเจ้าแม่ทับทิม และเจ้าพ่อดำ โดยมีเศษไม้ที่หักลงมาขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้วกระจายเกลื่อน ใกล้กันพบรถจยย.ของ ผู้ตายล้มอยู่ ตรวจสอบสภาพศพพบมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่ศีรษะเลือดไหลทะลัก คาดถูก กิ่งไม้หักลงมาตรงบริเวณกลางศีรษะพอดี เสียชีวิตคาที่ จึงนำส่งร.พ.ระยอง

ผู้เสียชีวิตทราบชื่อนายโสภณ พิณพยุงพงษ์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15/1 ม.6 ต.แกลง อ.เมือง จ.ระยอง ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะเสม็ด เป็นพ่อค้าส่งน้ำแข็งหลอดบนเกาะเสม็ด

สอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ นายโสภณเดินมาท่ามกลางสายฝนที่กำลังตก เมื่อขี่จยย.มาถึงจุดเกิดเหตุใต้ต้นยางขนาด 2 คนโอบหน้าศาลเจ้าแม่ทับทิม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะเสม็ดนับถือ จู่ๆกิ่งไม้ขนาดใหญ่หักลงมาใส่ศีรษะผู้ตายเสียงสนั่นหวั่นไหว เป็นจังหวะที่ผู้เสียชีวิตร้องด้วยความเจ็บปวด เพียงครั้งเดียวก่อนที่ร่างจะล้มลงกับพื้นถนน เลือดไหลทะลักออกมาเต็มพื้นถนน

เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานเกิดจากกิ่งไม้ผุและเป็นจังหวะที่ฝนตกลงมาอย่างหนักหลายชั่วโมง จึงอุ้มน้ำมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจนหักลงมาใส่ศีรษะจนเสียชีวิต

ดินสไลด์ปิดถนนเพชรเกษม
เมื่อเวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุฝนที่ตกต่อเนื่องบนพื้นที่ยอดเขา น้ำตกปุญญบาล ม.1 ต.บางนอน อ.เมือง จ.ระนอง ทำให้เกิดดินเลื่อนไหลปิดทับเส้นทางถนนเพชรเกษม บริเวณหลักก.ม.585 เส้นทางไหล่เขาสายชุมพร ก่อนถึงตัวเมืองระนองอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดินยังคงสไลด์เคลื่อนตัวลงสู่ผิวการจราจร ในสภาพเป็นโคลนเลน พร้อมทั้งต้นไม้และก้อนหินขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากยอดภูเขา ความสูงร่วม 200 เมตร หากมีฝนที่ตกลงมาจะเป็นตัวเร่งให้ดินที่ อ่อนตัวอยู่แล้ว สไลด์ตัวลงมาต่อเนื่องจากภูเขาทั้งลูกได้ตลอดเวลา

เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงระนอง, อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี และอาสาสมัครกู้ภัยตำรวจทางหลวง คอยเฝ้าระวังเหตุ พร้อมเตรียมเครื่องจักรกลหนัก ทั้งรถตักดิน, รถบรรทุกดิน และรถแบ๊กโฮ เพื่อเตรียมกู้ถนนเพชรเกษมให้กลับมาอยู่ในสภาพปกติ ซึ่งในวันที่ 20 ส.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่เพื่อติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลและพบประชาชนที่จ.ระนอง

น้ำทะลักท่วมตลาดเก่ากบินทร์
เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวจ.ปราจีนบุรีรายงานว่า จากที่มีฝนตกต่อเนื่องจากผลของ พายุเบบินคา พื้นที่ชุมชนตลาดเก่า เทศบาลตำบลกบินทร์ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ซึ่งตั้งในพื้นที่ลุ่มต่ำ ติดกับต้นน้ำแม่น้ำปราจีนบุรี น้ำเอ่อล้นตลิ่งท่วมผิวถนนเข้าท่วมชุมชนตลาดเก่า เทศบาลตำบลกบินทร์ อ.กบินทร์บุรีแล้ว น้ำหลากท่วมผิวถนนในบางจุด ระดับสูงกว่า 10-20 ซ.ม. ซึ่งอยู่ในระดับน้ำล้นตลิ่งปกติ โดยมวลน้ำก้อนนี้ไหลมาจากแควพระปรง ในเทือกเขาสอยดาว จ.สระแก้ว คลองสาขา ส่งผลให้น้ำในแม่น้ำปราจีนบุรีเพิ่มสูงขึ้น

ชาวบ้านไทรโยคหนีน้ำกลางดึก
จากกรณีสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ ต.ลิ้นถิ่น อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรีดำเนินการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำแควน้อยวันละ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร นอกจากนี้พื้นที่จ.กาญจนบุรียังได้รับอิทธิพลของพายุ “เบบินคา” อีกด้วย ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำในลำน้ำแควน้อยเพิ่มระดับสูงขึ้นจนเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ

นายวุฒิเดช ก้อนทองคำ ที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ที่บริเวณท่าน้ำปากแซง เลขที่ 482 หมู่ 3 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค เปิดเผยว่า ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ฝนจากพายุเบบินคาตกลงมาในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง กอปรกับปริมาณน้ำที่ระบายออกมาจากเขื่อนวันละ 43 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้น้ำเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่บริเวณเดียวกัน 6 หลัง โดยน้ำไหลเข้าไปในตัวบ้านสูง 20 ซ.ม. จนถึงเวลานี้ปริมาณน้ำที่เอ่อล้นขึ้นมายังทรงตัว และช่วงเช้าที่ผ่านมา ทหาร ร.29 พัน. 1 รวมทั้ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้านที่เดือดร้อน จากการตรวจสอบข้อมูลการระบายน้ำของเขื่อนวชิราลงกรณ ทราบว่าจะมีการระบายน้ำวันละ 43 ล้านลูกบาศก์เมตรไปจนถึงวันที่ 22 ส.ค. จากนั้นวันที่ 23-27 ส.ค.ทางเขื่อนได้แจ้งเตือนว่าจะเพิ่มการระบายน้ำเป็น 53 ล้านลูกบาศก์เมตร เชื่อว่าจากนี้ไปท่าน้ำปากแซงที่ชาวบ้านอาศัยอยู่จะมีระดับน้ำเอ่อล้นเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

รีสอร์ตเพชรบุรีท่วมอีกรอบ
เมื่อเวลา 18.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่อิงน้ำรีสอร์ท หมู่ 1 ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นรีสอร์ตที่ตั้งอยู่ท้ายเขื่อน อยู่ริมแม่น้ำเพชรบุรี มีมวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมสูงกว่า 3 เมตร ส่งผลให้ทรัพย์สินพังได้รับความเสียหาย บางจุดแรงน้ำไหลพัดบ้านล้มลงไปในน้ำ ชาวบ้านเริ่มอพยพหนีน้ำ เนื่องจากปริมาณน้ำเพิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

นายทองใบ คล้ายเพชร อายุ 78 ปี เจ้าของรีสอร์ตย่านทานน้ำเพชร กล่าวว่า ตนเป็นเจ้าของรีสอร์ต เมื่อทราบว่าปริมาณน้ำบริเวณสปิลเวย์สูงขึ้น ตนก็เริ่มทยอยขนของจาก รีสอร์ตออกแล้ว จากนั้นเห็นว่าปริมาณน้ำสปิลเวย์ล้น น้ำเริ่มท่วมเข้ามาบริเวณจุดที่ ตนอยู่ ก็เตรียมรับมือไว้บ้างแล้ว แต่เมื่อช่วงประมาณ 02.00 น.ที่ผ่านมา ตนทราบว่ามีมวลน้ำมหาศาลที่ไหลมาจากสปิลเวย์ได้ไหลทะลักเข้าท่วม ทำให้กระแสน้ำตัดผ่านถนนซึ่งเป็นถนนที่ใช้สัญจรไปมา จนกลายเป็นทางน้ำหลาก บ้านเรือนบางหลัง ถูกน้ำเซาะ กิ่งไม้พลัดมา ทำให้บ้านเรือนเสียหาย ตนเห็นแล้วตกใจมาก นึกถึงเมื่อปี 2546 เคยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ของชาวเพรชบุรีมาแล้ว แต่ครั้งนี้น้ำมาเร็วและแรงกว่าเดิม ตนรู้สึกกังวลใจมาก กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย

นายทองใบกล่าวต่อว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมา ฝนยังคงตก ลูกชายของตนยังไม่ยอมออกจาก รีสอร์ต แม้ขณะนี้ชาวบ้านฝั่งทางน้ำเพชรจะถูกตัดน้ำตัดไฟแล้วก็ตาม ก็ยังคงเป็นห่วงบ้านเรือนอยู่ ตนจึงต้องข้ามฝั่งมาดูปริมาณน้ำ โดยปริมาณน้ำฝั่งทางน้ำเพชรอยู่ระดับอก จากการประเมินสถานการณ์น้ำในวันนี้ เห็นว่าปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีท่าทีว่าจะลดลง ประกอบกับฝนยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่อง อาจต้องเริ่มทยอยขนของที่จำเป็นออกจากบ้านและรีสอร์ต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์น้ำในเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ที่มีปริมาณน้ำมากเกินความจุอ่าง โดยข้อมูลปัจจุบันมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 108.02 เปอร์เซ็นต์ หรือ 766.954 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้มีน้ำล้นสปิลเวย์และไหลลงสู่แม่น้ำเพชรบุรีเชี่ยวกราก ทำให้บ้านเรือนประชาชนและสถานประกอบการ รีสอร์ตต่างๆ ที่อยู่ท้ายเขื่อนได้รับผลกระทบอย่างหนัก เช่นที่บริเวณอิงน้ำรีสอร์ท หมู่ 1 ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน ซึ่งเป็นรีสอร์ตที่ตั้งอยู่ท้ายเขื่อน อยู่ริมแม่น้ำเพชรบุรี มีมวลน้ำมหาศาลไหลทะลักเข้าท่วมสูงกว่า 3 เมตร ส่งผลให้ทรัพย์สินพังได้รับความเสียหาย บางจุดแรงน้ำไหลพัดบ้านล้มลงไปในน้ำ

สำหรับบริเวณรีสอร์ตดังกล่าวน้ำท่วมอีกรอบที่สองหลังท่วมไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา

ด้านเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 15 และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเกาะติดและประเมินสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัยได้อย่างทันท่วงที

จากการที่เขื่อนแก่งกระจานมีน้ำสูงถึง 766.954 ล้านลูกบาศก์เมตร น้ำล้นสปิลเวย์สูง 1.5 เมตร เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับพื้นที่ใต้เขื่อน กรมชลประทานปิดประตูระบายน้ำหลัก ปล่อยน้ำล้นออกทางสปิลเวย์ และท่อกาลักน้ำขนาด 30 ซ.ม. 20 ท่อ รวมกันแล้วสามารถปล่อยน้ำได้ในอัตรา 247.260 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้มีน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ 2 ฝั่งแม่น้ำเพชรตั้งแต่ใต้เขื่อนแก่งกระจานถึงเขื่อนเพชร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน