บิ๊กตู่ นำครม.สัญจรระนอง-ชุมพร ปลื้มชาวบ้านเชียร์ให้อยู่นานๆ ไม่อยากเลือกตั้ง นายกฯ แซวเจ้าหน้าที่สาวการท่าเรือชื่อ “ยิ่งลักษณ์” บอกชื่อเพราะดี แต่ทำให้ถูกแล้วกัน “ปู” ทวีตสวนทันควัน ถาม อดีตผบ.ทบ. ยังจำชื่อนี้ได้อยู่หรือ

“วิษณุ” ถก 5 กกต.ยังไร้ข้อยุติปมไพรมารีโหวต ส่อแก้พ.ร.ป.พรรค การเมืองเปลี่ยนวิธีทำ แย้มเตรียมคลายล็อก 6 ข้อช่วงกลางเดือนก.ย. “เรืองไกร” จี้ก.คลังสอบผลขาดทุนจำนำข้าว 5.3 แสนล้าน ข้องใจไม่มีในรายงานการเงินแผ่นดิน แล้วใช้ตัวเลขที่ไหนยึดทรัพย์อดีตนายกฯ

บิ๊กตู่ นำครม.สัญจร”ระนอง-ชุมพร”
เวลา 07.00 น. วันที่ 20 ส.ค. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. และคณะ อาทิ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯและรมว.ยุติธรรม นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ ออกเดินทางจากกรุงเทพฯไปตรวจราชการจ.ระนอง และชุมพร และประชุมครม.สัญจร ครั้งที่ 6/2561 ที่จ.ชุมพร วันที่ 21 ส.ค.

เวลา 09.00 น. ที่หอประชุมพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี ศูนย์ราชการจ.ระนอง ต.บางริ้น อ.เมือง พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ เป็นสักขีพยานพิธีมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวม ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองลำเลียง-ละอุ่น เนื้อที่ 511-3-33 ไร่ จำนวน 84 ราย 98 แปลง โดยมีนายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าฯระนอง และประชาชน กว่า 1,500 คนต้อนรับ

นายกฯ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ขอโทษที่มาช้าเพราะติดหลายจังหวัด วันนี้ต้องช่วยกันคิดว่าจะพัฒนา 14 จังหวัดภาคใต้อย่างไร รัฐบาลชุดนี้เข้ามาแก้ปัญหาที่หมักหมมตั้งแต่ 2534 จึงไม่ใช่เรื่องง่าย รัฐบาลทำยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทไว้อย่างชัดเจน ต่างจากที่ผ่านมาซึ่งมีการพัฒนาเป็นจุดๆ เหมือนเลโก้หรือตัวต่อ มีปัญหาเหมือนโรคอีสุกอีใสไม่เชื่อมโยงกัน ปัญหาที่กังวลมากที่สุดคือปัญหาด้านการเกษตรนับวันรายได้ยิ่งลดลง ไม่ได้พูด ให้ตกใจแต่ทุกคนต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่อย่างไร ต้องปรับตัวและเรียนรู้ถึงการตลาด

ชูเชื่อมคมนาคมไร้รอยต่อ
รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยง ถนน เส้นทางรถไฟ ท่าเรือ ทำให้ทุกคนเข้าถึงโอกาส มีหลายโครงการที่จะลงมาในพื้นที่นี้ เป็นการเริ่มต้นในระยะแรกเพื่อความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อทั้งประเทศ รัฐบาลนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมืองแต่ทำเช่นนี้มาตลอด 4 ปี นำแผนงานโครงการของรัฐบาลที่ทำแล้วมาชี้แจงพูดคุยขอความเห็นและปรับเปลี่ยนให้ตรงกับความต้องการ ไทยมีรถไฟมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ระยะทาง 2,500 กว่ากิโลเมตร จะทำรางคู่เพิ่มมาอีกกว่า 600 ก.ม. รัฐบาลนี้เข้ามาวางแผนจะทำต่ออีก 2,000 กว่าก.ม.เกือบเท่าเมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา และมีแผนจะทำต่ออีกด้วยให้ได้กว่า 4,000 ก.ม. ขอฝากประชาชนช่วยกันดูด้วยว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาอย่างไร เขาจะทำหรือไม่ทำก็เป็นเรื่องของทุกคน เพราะทุกคนเป็นคนเลือกตั้ง

เรื่องงบฯไม่จำเป็นต้องขอก็พร้อมให้ตามเหตุผลและความจำเป็นที่แท้จริงเนื่องจาก งบประมาณมีจำกัด รัฐบาลพยายามบริหารการใช้จ่ายงบประมาณ หากมีการลงทุนหรือหนี้สาธารณะจากการกู้เงินต้องไม่เกินตัวเลข ที่กำหนดตามกฎหมาย รัฐบาลระวังทุกตัว มีพ.ร.บ.การเงินการคลัง วันหน้าใครบอกว่ามาให้ตรงนี้ตรงนั้นต้องถามว่าจะเอาเงินมาจากไหนด้วยและคงทำไม่ได้แบบเดิมเพราะกฎหมายเขียนไว้แล้ว เพื่อไม่ให้ระบบการเงินการคลังของประเทศเสียหายอย่างที่ผ่านมา

เวลานี้รัฐบาลลงทุนไม่ได้เพราะเงินไม่พอ ต้องให้ภาคธุรกิจมาลงทุนในลักษณะร่วมหรือสัมปทาน ไม่ใช่รัฐบาลไปเอื้อผู้ผลิตรายใหญ่ หากไม่ทำแบบนี้รัฐบาลจะเอาเงินที่ไหนมาดูแลคนจน วางอนาคตมาลงทุน อย่าไปเชื่อว่ารัฐบาลไปเอื้อประโยชน์เพราะเราเปิดประมูล ไม่ใช่อยู่ดีๆ ไปยกให้ วันนี้ไม่ได้มาการเมือง ถ้าการเมืองแสดงว่าตนทำการเมืองมาตั้งแต่แรก เราต้องทำการเมืองที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่การเมืองที่แข่งกันและทำลายกัน

ปลื้มชาวบ้านเชียร์อยู่ต่อ
เวลา 11.00 น. นายกฯ พร้อมคณะเยี่ยมชม แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ บ่อน้ำพุร้อนรักษะวาริน สวนสาธารณะรักษะวาริน ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง

นายกฯทดลองเล่นโยคะบนลานปูนร้อน ก่อนพบปะและมอบทุนการศึกษาให้เด็กๆโรงเรียนเทศบาลเขานิเวศน์ และโรงเรียนเทศบาลวัดอุปนันทาราม ก่อนเดินทางกลับมีชาวบ้านมาขอถ่ายรูปกับนายกฯพร้อมกล่าวว่า ขอให้นายกฯ อยู่นานๆ ไม่อยากให้มีการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์อมยิ้ม เพียงระบุว่า ถ้ามีปัญหาอะไรรัฐบาลพร้อมแก้ไขให้

จากนั้นคณะนายกฯไปเยี่ยมชมศูนย์ฟื้นฟูสภาพด้วยการแพทย์ทางเลือก โรงพยาบาลระนอง ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง และศูนย์ธาราบำบัดด้วยน้ำแร่อุ่น และคลินิกแพทย์แผนไทยและฝังเข็ม โดยมีนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัด สาธารณสุข และผอ.ร.พ.ระนอง ต้อนรับ

เขินเจอจนท.ชื่อ”ยิ่งลักษณ์”
เวลา 11.20 น. พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะเดินทางถึงท่าเรือระนอง บ้านเขานางหงส์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง เยี่ยมชมการบริหารจัดการท่าเรือระนอง นายกฯมอบปะการังเทียมให้ ผู้แทนประชาชน พร้อมกล่าวว่า ทำไมที่นี่ มีทรัพยากรมากแต่ไม่มีการพัฒนา ทุกอย่างต้องใช้เวลาและงบประมาณ ทั้งการพัฒนาท่าเรือ สนามบิน หวังว่าจะมีรัฐบาลเข้ามาทำสิ่งที่ตนทำไว้ ถ้าไม่มีทุกอย่างถูกเก็บเน่าไว้ทั้งหมดอยู่อย่างนี้ เข้ามาแล้วเหมือนไม่มีชีวิต ของที่มีอยู่ตอนนี้เรากินบุญเก่าทั้งสิ้น

วันที่ 21 ส.ค.จะมีการประชุมกรอ.และครม.สัญจร จังหวัดระนองจะได้อะไรขอให้รอดูแต่จะให้ในสิ่งที่ควรให้ ทุกโครงการ ในช่วง 4 ปี เป็นเรื่องที่รัฐบาลนี้คิดเองทั้งสิ้น อย่าให้ใครเอาไปอ้างว่าเป็นคนบอกให้คสช.และรัฐบาลทำ ส่วนการทุจริตต้องไม่เกิดขึ้น ใครมีข้อมูลมาร้องเรียนได้ที่ตนขอให้มี หลักฐานอย่ามากล่าวหากัน ตนมาทำงานไม่ใช่มาการเมืองหรือมาหาเสียง ไม่เอาภาษีประชาชนมาหาเสียง เงินของประชาชนต้องใช้ให้ถูกต้องและเกิดประโยชน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนเดินทางกลับพล.อ. ประยุทธ์เดินทักทายข้าราชการ เจ้าหน้าที่และประชาชน ช่วงหนึ่งทักทายเจ้าหน้าที่หญิงจากการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่มาร่วมงานว่าทำไมไม่โตสักที ก่อนเห็นว่าผู้ถูกทักชื่อ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ทันพิสิทธิ์ เจ้าหน้าที่การท่าเรือฯ พล.อ.ประยุทธ์ จึงพูดต่อทันทีว่า “เธอเรียนจบแล้วไม่ใช่หรือยิ่งลักษณ์” โดยมีท่าทีเขินเมื่อเอ่ยชื่อดังกล่าว และกล่าวว่า “ชื่อดีโว้ย ชื่อเพราะดี ชื่อนี้เป็นนายกฯด้วย ยิ่งลักษณ์ ไอ้เราก็ตาไว แต่ไม่ได้ว่าอะไรใคร ทำให้ถูกก็แล้วกัน” นายกฯกล่าวแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

ลุยชุมพร-มอบสิทธิ์ที่ดิน
เวลา 16.50 น. ที่โครงการพัฒนาพื้นที่หนองใหญ่ตามพระราชดำริ ต.บางลึก อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานสักขีพยานในพิธีมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยพื้นที่เป้าหมายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนในพื้นที่ภาคใต้ และพิธีมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้ชุมชนในพื้นที่ภาคใต้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับประชาชนว่า มา จ.ระนองและชุมพรระหว่างทางมีแต่เสาไฟฟ้าแต่ไม่มีไฟ บางจุดเถาวัลย์ขึ้นตกเป็นท้องช้างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคทำอะไรไม่แก้ไขขอให้ระวังตัว อย่าให้ไฟมันติดๆ ดับๆ บ่อยนัก ชาวบ้านขอให้นายกฯ มาบ่อยๆ ไฟจะได้ไม่ดับ สงสัยนายกฯ ต้องมานอนที่นี่เลย ตนทำทุกอย่างด้วยความจริงใจทั้งที่แบกรับทุกอย่าง พยายามยิ้มอยู่ตลอดเวลา แต่พออ่านเฟซบุ๊ก ก็มีแต่ด่านายกฯ ใครด่าถือเป็นคำอวยพร แต่อย่าให้เห็นหน้าก็แล้วกันฝากให้ช่วยดูแลตนด้วย ขอสรุปไม่ได้มาเรื่องการเมืองแต่มาเรื่องการบ้าน มาตรวจการบ้าน และเวลาตนลงพื้นที่ ไม่ต้องเกณฑ์ใครมารับ ใครไม่มาก็อย่ามาแต่ตนรู้ว่าอยากมากัน จากนั้นนายกฯ และคณะเยี่ยมชมนิทรรศการ”ด้วยพระเมตตาบารมี ชุมพรวันนี้สุขร่มเย็น”

สักการะกรมหลวงชุมพร
เวลา 19.00 น. ที่ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ต.หาดทรายรี อ.เมือง จ.ชุมพร พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมคณะ อาทิ นายสมคิด พล.อ.อนุพงษ์ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางมาถึงบริเวณหาดทรายรี เข้าสักการะศาลหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จากนั้นสักการะอนุสรณ์สถานพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ถวายผลไม้และพร้อมจุดประทัด 10,000 นัด เพื่อความเป็นสิริมงคล

นายกฯทักทายเจ้าหน้าที่ที่มารอรับอย่างเป็นกันเองและเสี่ยงเซียมซีได้เลข 12 ซึ่งมีความหมายดี ระบุว่าโชคดียังมีไม่สิ้นสุด ศัตรูทำอะไรไม่ได้ คนจากทางไกลจะนำลาภมาให้ และขอให้หมั่นทำบุญกุศลอยู่เสมอ จากนั้น นายกฯชมทิวทัศน์ของหาดทรายรีก่อนกลับที่พัก

“ปู”ทวีตสวนบิ๊กตู่ทันที
ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทวีตระบุว่า “ทราบว่า นายกฯไปพื้นที่ที่จ.ระนอง พบคนชื่อยิ่งลักษณ์ และบอกว่าให้คนที่ชื่อยิ่งลักษณ์ทำให้ถูก ก็แล้วกัน เลยขอถามอดีตผบ.ทบ.ว่ายังจำชื่อนี้ได้อยู่เหรอคะ”

ขณะที่นายพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายนายทักษิณ ชินวัตร ตอบกลับในทวิตเตอร์ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า “เจ็บตรงอดีตผบ.ทบ. ชื่อจำได้แต่อย่างอื่นผมว่า…”

วิษณุ-กกต.ยังไม่มีข้อยุติไพรมารี
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่สำนักงาน กกต. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้ประชุมร่วมกับ กกต.ชุดใหม่เป็นการส่วนตัว โดยมีนางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา พร้อมผู้บริหารสำนักงาน กกต.เข้าร่วม ก่อนประชุมนายวิษณุมอบดอกไม้แสดงความยินดี พร้อมอวยพร กกต.ชุดใหม่ในการปฏิบัติหน้าที่ โดยระบุชื่นชมและเอาใจช่วยและปวารณาตัวจะให้ความ ร่วมมือ กกต.ทุกประการ ขณะที่นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.กล่าวขอบคุณและยืนยันว่า กกต.ทุกคนปวารณาตัวทำงานเต็มที่เพื่อชาติบ้านเมือง

หลังการหารือกว่า 1 ชั่วโมง นายวิษณุกล่าวว่า ได้หารือ กกต.รวม 10 ประเด็น ต่อ ยอดจากการประชุมช่วงเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะประเด็นที่จะทำให้ 90 วันก่อนที่พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มีผลบังคับใช้หลังประกาศราชกิจจานุเบกษา ซึ่งคาดจะประกาศภายในกลางก.ย. ประเด็นที่จะทำให้ได้คือการคลายล็อกให้พรรคทำกิจกรรมได้ 6 อย่าง โดยไม่ต้องขออนุญาต คสช. อาทิ การจัดประชุมใหญ่เพื่อรับสมาชิกใหม่ และการทำในสิ่งที่คล้ายการทำไพรมารีโหวตที่กำหนด ไว้ในกฎหมายพรรคการเมือง เพราะหากทำตามกฎหมายพรรคการเมืองจะยุ่งยากจึงจะดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 45 ของรัฐธรรมนูญแทน ซึ่ง กกต.ระบุว่ามีหลายวิธีที่ทำได้และให้ความเห็นถึงข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแนวทาง ทำให้ยังไม่ได้สรุปในเวลานี้ โดยตนจะรวบรวมเสนอ คสช.พิจารณาแก้ไขต่อไป

ส่อแก้พรป.พรรคการเมือง
นายวิษณุกล่าวว่า การแก้ไขคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องรอการประชุมร่วมกันระหว่าง กกต. คสช. และพรรครอบที่ 2 ในช่วงก.ย. โดยการแก้ไขคำสั่งทำได้ 2 วิธี คือออกคำสั่งแก้ไข คำสั่งที่ 53/2560 หรือออกคำสั่งใหม่แก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าคำสั่งใหม่จะออกมาเมื่อใด แต่การปลดล็อกพรรคทั้งหมดจะมีขึ้นหลังพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มีผลบังคับใช้ ซึ่งอยู่ในช่วง 150 วันที่ต้องจัดการเลือกตั้งให้เสร็จตามรัฐธรรมนูญกำหนด

นายวิษณุกล่าวว่า ได้หารือกับผู้เกี่ยวข้องแล้วได้ข้อสรุปว่ากรอบเวลา 150 วันจะไม่รวมการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง แต่ ไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีผู้นำไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะในภายหลังหรือไม่ ในทางกฎหมายได้พิจารณาถึงรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านๆ มาแล้วว่ากรอบเวลาดังกล่าวไม่รวมการประกาศรับรองผลเลือกตั้ง และเป็นระยะเวลาที่เพียงพอต่อการหาเสียงของพรรค หากจัดการเลือกตั้งเร็วสุดในวันที่ 24 ก.พ. 2562 พรรคมีเวลาหาเสียงไม่แตกต่างจากการเลือกตั้งในอดีต แต่ถ้าจัดเลือกตั้งช้าสุดในเดือนพ.ค.2562 ก็จะมีเวลาหาเสียงมากกว่าการเลือกตั้งในอดีตที่ผ่านมาที่มีเวลาหาเสียงจริง 30 วันเท่านั้น

ยังไม่มีปัจจัยเลือกตั้งช้ากว่า 24 กพ.
รองนายกฯ กล่าวว่า ถ้าจะกำหนดวันเลือกตั้งในกรอบเวลาที่ช้าที่สุด ก็ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าเพราะอะไร ทั้งนี้ การจะจัดเลือกตั้งเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับ คสช.จะหารือกับ กกต. แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยใดที่ทำให้ต้องจัดการเลือกตั้งช้ากว่าวันที่ 24 ก.พ. 2562 นอกจากนี้ได้สอบถาม กกต.ถึงการคัดเลือกผู้ตรวจการเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.ชุดเก่าเดินหน้าไปแล้วครึ่งแรก เหลือครึ่งหลังในเรื่องการรับรองนั้นเป็นหน้าที่ของ กกต.ชุดใหม่ หากพบว่ามีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ความประพฤติไม่เหมาะสม ก็สามารถไม่รับรองได้ แต่ไม่สามารถยกเลิกทั้งหมดได้ เนื่องจาก กกต.มีหน้าที่เลือกส.ว. จึงถือว่าที่ กกต.ชุดเก่าได้เตรียมการมาเป็นเรื่องที่ดีจะได้มีผู้ตรวจการเลือกตั้งช่วย กกต.ทำงาน

ชงตั้งผู้ตรวจเลือกตั้งต้นก.ย.
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. กล่าวถึงความคืบหน้าการคัดเลือกแต่งตั้งบุคคลเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งว่า หลังครบกำหนดการปิดประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกแต่ละจังหวัดจำนวน 616 คน ได้รับรายงานว่ามีผู้ถูกร้องเรียนใน 10 จังหวัด 16 กรณี รวม 23 คน ประกอบด้วยนครปฐม สตูล ชุมพร ขอนแก่น หนองบัวลำภู อุดรธานี นครราชสีมา มุกดาหาร ศรีสะเกษและแพร่ ขณะนี้สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดกำลังตรวจสอบเรื่องร้องเรียนมีเวลา 10 วันให้ผู้ถูกร้องเรียนชี้แจง ส่วนผู้ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง ที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนคาดว่าจะเสนอให้กกต.พิจารณาแต่งตั้งได้ในต้นก.ย.นี้ ส่วนเรื่องที่ถูกร้องเรียนส่วนใหญ่เป็นเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม

คสช.พร้อมรับเลือกตั้ง
แหล่งข่าวจากคสช.เผยถึงการประชุม สำนักเลขาธิการคสช. ที่มีพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคสช.เป็นประธานการประชุม หลังจากกกต.ตั้งปฏิทินกำหนดวันเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ. 2562 ว่า พล.อ.เฉลิมชัยเปรยในที่ประชุมว่าขณะนี้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยดีและกำชับให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ดูแลแต่ละพื้นที่ให้สงบเรียบร้อย ส่วนการปลดล็อกพรรคการเมืองที่ประชุมยังไม่ได้ พูดถึง เพียงแต่พล.อ.เฉลิมชัยระบุว่ากฎหมาย ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งใกล้จะเสร็จเรียบร้อย ทุกขั้นตอนแล้วและทุกอย่างต้องเดินหน้า ตามนั้น แต่ไม่ได้เน้นย้ำอะไรเป็นพิเศษ เพราะขณะนี้ทุกอย่างยังไม่มีอะไรที่ต้องจับตา และยังไม่มีกระแสอะไรโดยภาพรวมมีความเรียบร้อย

พท.ชี้ไม่มีเงื่อนไขขยับเลือกตั้ง
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกกต.คาดเลือกตั้งได้วันที่ 24 ก.พ.2562 แต่ทีมโฆษกคสช.ระบุกรอบเวลาเลือกตั้งอยู่ภายใต้เงื่อนไขบ้านเมืองสงบเรียบร้อยว่า น่าจะเป็นครั้งที่ 5 แล้วหลังหัวหน้า คสช.เคยกำหนดกรอบเวลาเลือกตั้งไว้ แต่มีเหตุเลื่อนเรื่อยมา วันเลือกตั้งอำนาจตามกฎหมายกกต.จะเป็น ผู้กำหนด ปัจจัยสำคัญขณะนี้คือต้องยึดกรอบเวลาตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ที่ต้องจัดเลือกตั้งให้เสร็จภายใน 150 วัน นับแต่ วันที่กฎหมายใช้บังคับ ขณะเดียวกันขึ้นอยู่กับคสช.ด้วยว่าจะปลดล็อกให้พรรคทำกิจกรรมได้เมื่อใด กฎหมายเลือกตั้งใช้บังคับเมื่อใด ก็ควรที่คสช.ต้องปลดล็อกทันที โดยยกเลิก ข้อห้ามตามประกาศคสช.ที่ 57/2557 และ คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/2558 ไม่ควรทอดเวลานาน และสภาพการณ์ปัจจุบันไม่มีเงื่อนไขใดที่จะอ้างถึงความสงบเรียบร้อยเพื่อให้การเลือกตั้งต้องขยับออกไปอีก

“การที่กกต.กำหนดวันที่ 24 ก.พ.2562 เป็นวันเลือกตั้งนั้นเหมาะสมแล้วและเป็น ผลดีในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ และหัวหน้า คสช.ยืนยันมาตลอดว่าจะมีเลือกตั้ง ในเดือนก.พ.2562 ล่าสุดพูดไว้เมื่อวันที่ 27 ก.พ.และ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา ดังนั้นอย่าทำอะไรที่ลดทอนความเชื่อมั่น” นายชูศักดิ์กล่าว

อัดวาทกรรม”ความไม่สงบ”
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกกต.ประกาศโรดแม็ปพ.ร.ฎ.เลือกตั้ง 4 ม.ค.2562 และเข้าคูหากาบัตร 24 ก.พ.2562 ว่ากกต.ประกาศระบุวันเลือกตั้งชัดเจนทำให้ประชาชนมีความหวัง แต่น่าสังเกตพอมีสัญญาณเลือกตั้งชัดๆ ออกมาครั้งใดตั้งแต่พล.อ.ประยุทธ์ ลงมาจน ถึงเครือข่ายจะท่องคาถาเดียวกันคือถ้าเลือกตั้งบ้านเมืองต้องสงบ ทั้งที่ผลงานเด่นที่รัฐบาลคสช.คุยมาตลอด 4-5 ปีคือการรักษาความสงบ ถ้าจะไม่สงบขึ้นมาช่วงใกล้เลือกตั้งใครต้องรับผิดชอบ ประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามว่าใครได้ประโยชน์หากการเลือกตั้งถูกยื้อออกไปเรื่อยๆ รัฐบาลกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีได้ แต่การเลือกตั้งปี 2562 กลับระบุวันไม่ได้ พอใครระบุต้องสำทับด้วยเรื่องความสงบ จนคำว่าความสงบกลายเป็นวาทกรรมเพื่อยื้อการเลือกตั้ง

มาร์คชี้เหตุไม่ปลดล็อก
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ประธานกกต.ประกาศจะมีเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ. 2562 คิดว่าคนส่วนใหญ่คงยังไม่แน่ใจ เพราะใน 1 วัน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯก็บอกว่าเป็นแค่ตุ๊กตา สามารถขยับได้ จึงสะท้อนว่าสังคมยังไม่ค่อยเชื่อว่าจะมีการเลือกตั้ง เพราะขึ้นอยู่กับคสช.ทั้งสิ้น และมีการวิจารณ์ว่าคสช.ซึ่งเปลี่ยนจากกรรมการ มาเป็นผู้เล่นอาจยังไม่พร้อม เนื่องจากหลายพรรคที่ตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศต่อยังอยู่ในขั้นตอน ยังไม่ได้เป็นพรรคที่สมบูรณ์ จึงเกิดคำถามว่าขั้นตอนต่างๆที่กฎหมายกำหนดไว้จะทำทันหรือไม่

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตอนนี้สิ่งที่คนคาดการณ์คือถ้าไม่ปลดล็อกคงไม่ต้องทำไพรมารีแล้ว เพราะมีสิ่งที่พรรคต้องทำอีกมาก แม้นายวิษณุ จะบอกว่ามี 4 ทาง แต่ตอนหลังบอกเหลือ 2 ทางคือทำเป็นรายภาคและเหมือนกับบอกว่าไม่ต้องทำแต่มีวิธีรับฟังความคิดเห็น ถ้าพูดตามจริงก็เหมือนกับไม่มี เพราะกฎหมาย เก่าตั้งแต่ปี 2550 พรรคต้องรับฟังสมาชิก อยู่แล้ว ถ้าแบบแรกทำเป็นรายภาค ตนเห็นว่าไร้สาระหรือตลกมากๆ เพราะเตือนตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ง่ายยกเว้นกกต.อำนวยความสะดวกให้ และการทำไพรมารีหากไม่มีการแบ่งเขตก็ไม่ควรทำ

วันนี้ถ้าหากคสช.ปลดล็อกมั่นใจไม่มีความ วุ่นวายเกิดขึ้น ถ้ามีใครทำคสช.มีทั้งคำสั่งและกฎหมายอื่นเล่นงานได้อยู่แล้ว ถ้าปลดล็อกยืนยันว่าพรรคต้องทำตามกฎหมายบนพื้นฐานความเสมอภาคกัน แต่เรื่องนี้อาจเกี่ยวข้อง กับสิ่งที่เขาวิจารณ์กันอยู่คือพรรคที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่พร้อมทำไพรมารี

จี้ปลดล็อกพรรคการเมือง
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกกต.กำหนดวันเลือกตั้ง 24 ก.พ.2562 ว่า แม้รัฐบาลคสช.จะเห็นด้วยกับกกต.ว่าเป็นวันที่ 24 ก.พ.2562 แต่ถ้ายังไม่ปลดล็อกก็ยังไม่สามารถนำไปสู่การเลือกตั้งได้ เราจะเลือกตั้งได้อย่างไรแค่รับสมาชิกพรรคใหม่เพื่อเตรียมพร้อมทำไพรมารีโหวตยังทำไม่ได้เลย พรรคหัวหน้าพรรคยังไม่มี เพราะตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดว่าหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้แล้ว ต้องประชุมพรรคเพื่อเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารพรรคใหม่ทั้งหมด

เทือกให้ถ้อยคำปปช.-396 โรงพัก
เวลา 13.45 น. ที่สำนักงานป.ป.ช. นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และอดีตรอง นายกฯ พร้อมนายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง นายสวัสดิ์ เจริญผล และนายสุพจน์ สุธรรม ทนายความ เข้าให้ถ้อยคำต่อป.ป.ช.ที่มีมติแจ้งข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบกรณีสร้าง แฟลตตำรวจ 163 แห่งและโรงพักทดแทน 396 แห่ง

นายสุเทพให้สัมภาษณ์ก่อนพบป.ป.ช.ว่า เตรียมเอกสารชุดเดิม 94 หน้า ซึ่งเคยเสนอต่ออนุกรรมการป.ป.ช.วันที่ 15 มิ.ย.2558 มายื่นประกอบกับคำชี้แจงครั้งนี้ ส่วนการชี้มูลความผิดขึ้นอยู่กับอนุกรรมการป.ป.ช.แต่มั่นใจว่าตนไม่ผิด ที่ผ่านมาทำงานตามขั้นตอนและมีเอกสารหลักฐานทุกอย่างยืนยันความบริสุทธิ์ได้ ยืนยันว่าการอนุมัติการจัดซื้อจัดจ้าง การเปลี่ยนแปลงวิธีการประมูลและการทำสัญญาทำถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างว่าจะเสร็จหรือไม่เสร็จ

ซัดอนุปปช.-ดีเอสไอไต่สวนไม่ชอบ
เวลา 16.40 น. นายสุเทพให้สัมภาษณ์ หลังการเข้าชี้แจงนาน 2 ชั่วโมง 40 นาทีว่า ได้นำเอกสารหลักฐานทั้งหมดมาชี้แจงให้ป.ป.ช.ชุดใหญ่รับทราบเพราะป.ป.ช.ยังไม่เคยเห็นเอกสารเหล่านี้ ตนได้อธิบายว่าสิ่งที่อนุมัติเป็นไปโดยสุจริตใช้ดุลยพินิจตามหลักผลที่ ตร.อนุมัติมา หลังเซ็นสัญญาการก่อสร้างแล้วตนก็พ้นจากรองนายกฯ ต่อมาโครงการก็เสร็จไม่ทันตามกำหนด และรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ขยายสัญญาออกไปอีก 3 ครั้งและยกเลิกในที่สุด จากนั้นเริ่มมีกระบวนการ ใส่ร้ายตน อนุกรรมการป.ป.ช.ตั้งข้อหาแปลกๆ และมีอคติกับตน

นายสุเทพกล่าวว่า ที่ผ่านมายอมเสียชื่อเสียง แต่ขณะนี้กำลังตั้งพรรค รปช. หากถูกกล่าวหาจากป.ป.ช.แบบนี้จะเสียหายกับงานใหญ่ จึงจำเป็นต้องออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชนว่าวิธีการไต่สวนของอนุกรรมการป.ป.ช.และกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยินดีหากป.ป.ช.จะส่งคดีให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไปตัดสิน ความยุติธรรมหมายถึงความรวดเร็วด้วย ส่วนป.ป.ช.จะวินิจฉัยอย่างไรก็ไม่ติดใจ แต่อยากให้ส่งเรื่องต่อไปที่ศาลฎีกาฯ ดีกว่าปล่อยให้เรื่องยืดเยื้อแบบนี้

ยื่นปปช.สอบมท.1 โยงลูกชาย
ที่สำนักงานป.ป.ช. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือถึงกรรมการป.ป.ช. ให้ตรวจสอบพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย โดยกล่าวหากระทำการใช้อำนาจรัฐมนตรีอาจเข้าข่ายการขัดกันแห่งผลประโยชน์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 กรณีออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการบริหารจัดการขยะมูลฝอยปี 2560 กำหนดให้องค์การปกครอง ส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมกลุ่มพื้นที่จัดการขยะมูลฝอย 324 แห่ง เพื่อนำไปสู่โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้ากำจัดขยะในแต่ละพื้นที่ ทำให้เอกชนวิ่งเข้าหาผู้ว่าฯ เพื่อเอื้อประโยชน์การจัดตั้งโรงไฟฟ้าจำกัดขยะ โดยโรงไฟฟ้ากำจัดขยะแต่ละแห่งมีมูลค่า 1,000 ล้านบาท มูลค่ารวม 300,000 กว่าล้านบาท ที่ผ่านมา มีกำหนดการของบุตรชายพล.อ.อนุพงษ์ เข้าพบ ผู้ว่าฯภูเก็ต เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา พูดคุยการบริหารจัดการขยะใน จ.ภูเก็ต ถือเป็นเรื่องไม่ปกติ

นอกจากนี้ ยังพบพฤติการณ์น่าสงสัย ในลักษณะเดียวกันที่ จ.นครราชสีมา ที่มีบริษัทต่างๆ 100 บริษัทไปร่วมประมูลบริหารจัดการขยะในพื้นที่ มีบุคคลระดับสูงในรัฐบาล เข้าไปพูดคุยกับผู้ว่าฯ นครราชสีมา เพื่อให้โครงการนี้ แก่คนใกล้ชิดรัฐบาล จึงอยากให้ตรวจสอบด้วย

เรืองไกรจี้ตัวเลขขาดทุนข้าว
เวลา 10.30 น. ที่กระทรวงการคลัง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงรมว.คลัง ให้ตรวจสอบว่าทำไมไม่มีตัวเลขผลขาดทุนจากการปิดบัญชีโครงการ รับจำนำข้าวอยู่ในรายงานการเงินแผ่นดิน วันที่ 30 ก.ย.2557 ทำให้ตัวเลขผลการขาดทุนที่เคยมีในคำพิพากษาคดีรับจำนำข้าวที่มีการขาดทุนสะสม 536,908 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่เชื่อถือได้หรือไม่ และเป็นการนำข้อมูลเท็จไปใช้กล่าวหาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯหรือไม่ โดยมีนายศิขรินทร์ ลิ่มนิจสรกุล หัวหน้ากลุ่มงานประสานการเมือง สำนักงานรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ การมายื่นหนังสือครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ตรวจสอบว่าการปิดบัญชีขาดทุนโครงการจำนำข้าว มีจริงหรือไม่ และเหตุใดจึงมีการยึดทรัพย์น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพราะเมื่อไปตรวจสอบงบการเงินแผ่นดินไม่มีผลขาดทุนจากโครงการจำนำข้าวอยู่เลย ส่วนกรณีอธิบดีกรมบัญชีกลางบอกว่าบัญชีขาดทุนจากการจำนำข้าวไปอยู่กับ บัญชีของธ.ก.ส. แต่เมื่อตรวจสอบบัญชีธุรกรรม นโยบายรัฐของธ.ก.ส.ก็ระบุชัดว่าธ.ก.ส.ไม่ได้เกี่ยวกับการจำนำข้าว แล้วเอาตัวเลขขาดทุนจากไหนมายึดทรัพย์

ดัน”อนันต์”นั่งปลัดเกษตร
นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์เผยว่า ได้สนอชื่อปลัดกระทรวงเกษตรฯ คนใหม่ แทนนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ที่จะหมดวาระวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในเรื่องการเกษตร ได้ส่งรายชื่อ ให้นายกฯ ดูแล้วตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ดังนั้น เลขาธิการครม.จะนำเรื่องเข้าที่ประชุมครม. ในสัปดาห์นี้

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ในการประชุมครม.สัญจรที่จ.ชุมพร วันที่ 21 ส.ค.นี้ นายกฤษฎา เสนอ นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมการข้าว เป็นปลัดกระทรวงเกษตรฯ เพียงตำแหน่งเดียว ซึ่งนายอนันต์ มีความรู้เรื่องข้าว และยางพาราเป็นอย่างดี ส่วนตำแหน่งรองปลัดและผู้ตรวจราชการ ที่จะเกษียณหลายตำแหน่งนั้น จะให้ปลัด คนใหม่เป็นผู้คัดเลือกผู้ที่เหมาะสมต่อไป

สำหรับตำแหน่งที่จะเกษียณ มีดังนี้ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ปลัดกระทรวง นาย สุรพงษ์ เจียสกุล รองปลัด นายธนิตย์ เอนกวิทย์ รองปลัด และผู้ตรวจฯอีก 4 ตำแหน่งคือ นายคณิต ลิขิตวิทยาวุฒิ, นางจันทร์ธิดา มีเดช, นายดิเรก ตนพยอม และน.ส.จิรทรัพย์ ปลอดกระโทก และนายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดี กรมส่งเสริมการเกษตร จะเกษียณเช่นกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน