คนไทยสะใจคว้า”ถ้วยซูซูกิคัพ” บิ๊กอ๊อดเพิ่มเงินอัดฉีด25ล้าน ซิโก้ปีตินักเตะเล่นเพื่อในหลวง
“ปีโป้”เหมา 2 ประตู พาทีม”ช้างศึก” ขยี้อิเหนา 2-0 ผงาดคว้าแชมป์”ซูซูกิ คัพ”สมัยที่ 5 ทุบสถิติคว้าแชมป์สูงสุด พลิกสถานการณ์กลับมาคว้าแชมป์ได้สำเร็จ หลังนัดแรกบุกไปแพ้มาก่อน เกมนี้ทีมชาติไทยส่ง”ปีโป้”สิโรจน์ ฉัตรทอง กองหน้าดาวรุ่งลงเป็นตัวจริง และไม่ทำให้โค้ช”ซิโก้” ผิดหวังซัด 2 ลูก ดับฝันอินโดนีเซีย ที่หวังคว้าถ้วยแชมป์สมัยแรกกลับบ้าน ด้วยสกอร์รวม 3-2 ชนิดสะใจกองเชียร์ชาวไทยทั้งประเทศ
อ่านข่าว ชุดใหญ่ไฟกระพริบ-ชมภาพชุด “ช้างศึก”ฉลองแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ ก่อนเกมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016” รอบชิงชนะเลิศนัดที่สอง ระหว่าง “ช้างศึก” ทีมชาติไทย แชมป์เก่าและแชมป์รายการนี้ 4 สมัย ลงสนามพบ “อิเหนา” อินโดนีเซีย ซึ่งยังไม่เคยได้แชมป์ฟุตบอลรายการนี้แม้แต่ครั้งเดียว โดยเกมแรกเมื่อ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา อินโดนีเซียเป็นฝ่ายเฉือนชนะมาได้ก่อน 2-1 สำหรับบรรยากาศก่อนเกมมีแฟนบอลชาวไทยหลายหมื่นคนรวมถึงแฟนบอลชาวอินโดนีเซีย ต่างมาเข้าคิวรอเข้าสนามตั้งแต่ช่วงบ่าย นอกจากนี้ยังมี แฟนบอลชาวไทยหลายพันคนที่ไม่สามารถเข้าสนามได้เนื่องจากไม่มีบัตรต่างมารอลุ้นว่าจะมีผู้นำบัตรมาขายหน้าสนามหรือไม่ แต่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้จัดจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดยักษ์ติดตั้งบริเวณหน้าอินดอร์ สเตเดี้ยม หัวหมาก เพื่อให้แฟนบอลที่ไม่มีตั๋วได้ชมเกมถ่ายทอดสดไปพร้อมกันด้วย
เกมนี้ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ปรับทัพพอสมควรด้วยการส่ง สิโรจน์ ฉัตรทอง กองหน้าดาวรุ่งเป็นตัวจริง เช่นเดียวกับแดนกลางที่ส่ง ชาริล ชัปปุยส์ กองกลางลูกครึ่งไทย-สวิสที่ได้ลงเป็นตัวจริงนัดแรกของทัวร์นาเมนต์ ส่วนนักเตะรายอื่นประกอบด้วย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ธีราทร บุญมาทัน, อดิศร พรหมรักษ์, สารัช อยู่เย็น, ธีรศิลป์ แดงดา, ประทุม ชูทอง, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ทริสตอง โด
ด้าน อัลเฟรด รีเดิล กุนซืออิเหนา ส่งชื่อ คูร์เนีย ไมกา เฮอร์มานส์ยาห์, เบนี่ วาห์ยูดี, มูฮัมหมัด อับดูห์ เลสตาลูฮู, โบอาซ ซาลอสซ่า, สเตฟาโน่ ลิลิปาลี่, ซุลฮาม ซัมรุล, ริซกี โปร่า, ฟัชรุดดิน อาร์ยานโต, บายู ปราดานา อันเดรียตโมโก, ฮันซามู ยามา ปรานาตา และ มานาฮาติ เลสตูเซน ลงเป็นตัวจริง
เริ่มเกมขุนพลทีมชาติไทยเปิดหน้าบุกเข้าใส่ทันทีและแค่ 3 นาทีได้ลุ้นก่อนจากการเปิดจากด้านข้างของ ธีราทร บุญมาทัน ให้ ประทุม ชูทอง เข้าชาร์จส่งบอลตุงตาข่ายแต่ว่าผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงว่าธีราทรล้ำหน้าไป ก่อน ทำให้ไทยพลาดได้ประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย นาทีที่ 9 ไทยได้ลุ้นอีกครั้ง ชาริล ชัปปุยส์ วางยาวให้ธีราทร บุญมาทัน ได้เปิดจากจากริมเส้นฝั่งซ้ายเข้าไปกลางประตูให้ ธีรศิลป์ แดงดาวิ่งเข้ามายิงด้วยซ้ายบอลเหินข้ามคานออกหลัง นาที 16 อินโดนีเซียเสีย ใบเหลืองใบแรกของเกมเมื่อ เบนี่ วาห์ยูดี ทำเจตนาทำฟาวล์ สิโรจน์ ฉัตรทอง
เกมส่วนใหญ่เป็นทีมชาติไทยที่ครองบอลได้มากกว่าอย่างชัดเจน และพาบอลเข้าพื้นที่อันตรายของอินโดนีเซียได้หลายครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายยังเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตูไม่ได้ ขณะที่อินโดนีเซียมาเน้นเกมรับแบบเต็มรูปแบบแทบไม่ทำเกมบุกใส่ไทยเลย เนื่องจากได้ชัยชนะมาก่อนในนัดแรก นาทีที่ 28 กองหลังอินโดนีเซียสกัดบอลพลาดมาเข้าทาง ทริสตอง โด กระชากเข้ากรอบเขตโทษก่อนซัดด้วยขวาเต็มแรงบอลพุ่งข้ามคานออกหลัง จนกระทั่งนาทีที่ 38 แฟนบอลช้างศึกได้เฮกันลั่น เมื่อกองหลังอินโดนีเซียพลาด ครั้งแรกของเกมจากการสกัดลูกเปิดของ ธีราทรไม่ดี บอลกระดอนขาของสิโรจน์ ฉัตรทอง เข้าตุงตาข่ายให้ทีมไทยขึ้นนำ 1-0 สกอร์รวมไล่มาเสมอกัน 2-2 และจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้
เริ่มเกมครึ่งหลังได้แค่นาทีเดียวไทยสร้างเกมรุกอีกครั้ง เมื่อชนาธิป สรงกระสินธ์ จ่ายให้สิโรจน์ ฉัตรทอง พลิกก่อนปั่นโค้งเสียบเสาสองให้ไทยหนีห่าง 2-0 และนาที 50 ไทยเกือบได้ประตูหนีห่างเมื่อธีรศิลป์ แดงดาได้โอกาสยิงไกลจากนอกกรอบเขตโทษ ยังดีที่ผู้รักษาประตูอินโดนีเซียยังพุ่งปัดเอาไว้ได้ นาที 63 อินโดนีเซียเปลี่ยนตัวคนแรกของเกมด้วยการถอดซุลฮาม ซัมรุล ออก พร้อมกับส่งเลอร์บี เอเลียนดรี บาบู ลงเล่นแทน
เกมส่วนใหญ่ยังเป็นทีมชาติไทยที่ครองบอลบุกได้มากกว่าอย่างชัดเจน ขณะที่อินโดนีเซียพยายามเปิดแลกเพื่อหวังทวงประตูคืน นาที 71 แฟนบอลไทยเกือบได้เฮอีกครั้งเมื่อชนาธิป สรงกระสินธ์ จ่ายทะลุช่องให้ธีรศิลป์ แดงดา หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษ ยังดีที่ผู้รักษาประตูอินโดนีเซียออกมาบล็อกออกหลังได้ทันเวลา นาที 79 ไทยได้บุกอีกครั้งเมื่อธีราทร บุญมาทัน หลุดเดี่ยวเข้าไปตักบอลข้ามตัวผู้รักษาประตูแต่ยังโดนปัดออกมาได้ทัน อย่างไรก็ดีนาที 80 ไทยได้ลูกโทษที่จุดโทษเมื่อสิโรจน์ ฉัตรทอง หลุดเดี่ยวเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนโดนผู้รักษาประตูรวบล้มในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษแต่ว่า ธีรศิลป์ แดงดา ยิงติดเซฟผู้รักษาประตู ไทยพลาดได้ประตูที่สามอย่างน่าเสียดาย
นาที 82 ไทยเปลี่ยนตัวคนแรกด้วยการถอดชาริล ชัปปุยส์ ออก พร้อมกับส่งปกเกล้า อนันต์ ลงเล่นแทน ช่วงเวลาที่เหลืออินโดนีเซียพยายามเร่งเกมเพื่อยิงประตูตีไข่แตกหวังเล่นต่อเวลาพิเศษ โดยช่วงท้ายเกม ในจังหวะที่อินโดนีเซียได้ทุ่ม แต่ มูฮัมหมัด อับดุล เลสตาฮูลู กลับฟิวส์ขาดเตะบอลทิ้ง ใส่ซุ้มม้านั่งผู้เล่นสำรองของทีมชาติไทย จนหวิดมีเรื่องมีราวกัน ผู้ตัดสินไม่รอช้า ชักใบแดงไล่ออกทันที หลังจากนั้นทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกมทีมชาติไทยเปิดบ้านเอาชนะอินโดนีเซีย 2-0 รวมผลสองนัดไทยชนะ 3-2 คว้าแชมป์ซูซูกิ คัพ 2016 มาครองได้สำเร็จ พร้อมกับคว้าถ้วยใบนี้เป็นสมัยที่ 5 มากที่สุดในชาติอาเซียน
ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการแข่งขันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ฝากขอบคุณนักฟุตบอลทีมชาติไทยที่สามารถคว้าแชมป์ ซูซูกิคัพมาครองได้ สร้างความสุขและความภาคภูมิใจให้พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เฝ้าตามเชียร์ทั้งประเทศ
“นายกฯ ชื่นชมในความมุ่งมั่น ความอดทนและมีวินัยของนักกีฬาที่ทำได้ตามแผนการเล่นที่ผู้จัดการและสต๊าฟโค้ชวาง เอาไว้ รวมทั้งการเล่นเป็นทีมที่ช่วยให้คว้าชัยในครั้งนี้ ถือเป็นเกมการแข่งขันที่สนุกมีคุณภาพ และนักกีฬาทั้งสองชาติเล่นได้ดี แข็งแกร่งสมศักดิ์ศรีคู่ชิงชนะเลิศ นายกฯ ยังบอกอีกว่าชมเกมแล้ว ตื่นเต้นตลอดทั้ง ครึ่งแรกครึ่งหลัง โดยเฉพาะช่วงท้ายครึ่งหลัง นายกฯ บอกว่าลุ้นตัวโก่งทีเดียว” พล.ท. สรรเสริญกล่าว
หลังจบเกมโค้ชซิโก้กล่าวว่า จากผลนัดแรกทำให้ทุกคนกดดัน และทีมไทยเป็นแชมป์เก่าด้วย แต่เกมนี้นักเตะทุกคนพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ถอดใจ และสู้อย่างเต็มที่ โดยขอถวายแชมป์นี้แด่ในหลวง รัชกาลที่ 9 และตั้งใจว่าจะนำถ้วยไปถวายหน้าพระบรมศพภายในพระบรมมหาราชวัง รวมทั้งการคว้าแชมป์นี้เพื่อเทิดพระเกียรติรัชกาลที่ 10 ซึ่งนี่คือสองสิ่งที่เป็นเป้าหมายของทีมชาติไทย ซึ่งแชมป์นี้ถือเป็นของขวัญปีใหม่กับตัวเอง และแฟนบอลชาวไทยทั้งประเทศ
โค้ชซิโก้กล่าวต่อว่า นักเตะชุดนี้ยังไปได้อีกไกล ซึ่งการเปลี่ยนตัวผู้เล่นแต่ละนัดก็เพื่อลองทีม และเพื่อไม่ให้นักเตะกรอบและล้า เพราะมีหลายเกมที่ต้องลงแข่งขัน ซึ่งการคว้าแชมป์นี้ทำให้ตัวเองมีกำลังใจในการคุมทีมต่อไปในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก อีก 5 นัดในปีหน้า ซึ่งตัวเองจะหมดสัญญาคุมทีมในเดือนก.พ.ปีหน้า และจะต้องขึ้นอยู่กับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ว่าจะต่อสัญญาไปอีกหรือไม่ แต่ถ้าไม่ได้รับความไว้วางใจก็ไม่เป็นไร และถือว่าเป็นวิถีของโค้ชอยู่แล้ว
ขณะที่ “ปีโป้” สิโรจน์ ฉัตรทอง หัวหอกดาวรุ่งวัย 24 ปี จากอุบล ยูเอ็มที ฮีโร่ของทีมชาติไทย เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจมากที่ยิงได้สองประตู ตนเองไม่ใช่ฮีโร่ คำว่าฮีโร่มีแค่ในนิยายเท่านั้น แต่สำหรับตนเอง ฮีโร่คือเพื่อนร่วมทีมทุกคน เพราะถ้าไม่มีพวกเขาช่วยหนุนหลังตนเองก็ยิงไม่ได้ ส่วนวันนี้เสียดายที่คุณแม่มาเชียร์ถึงขอบสนามไม่ได้เพราะไม่ค่อยสบาย แต่จะเอาแชมป์รายการนี้ไปฝากที่บ้าน
โดยนักเตะไทยซึ่งได้แชมป์พร้อมเงินรางวัล 200,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7 ล้านบาทแล้ว ยังได้รางวัลมารยาทยอดเยี่ยม หรือ แฟร์เพลย์ นอกจากนี้ ยังครองรางวัลส่วนบุคคล โดย “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา รับตำแหน่งดาวซัลโว 6 ประตู ส่วน “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธุ์ คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า หรือ เอ็มวีพี เป็นสมัยที่ 2
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากเดิมที่สมาคมจะมอบอัดฉีดในการคว้าแชมป์ซูซูกิ คัพ ครั้งเป็นเงิน 10 ล้าน พร้อมทั้งยกรางวัลจำนวนราว 7 ล้านบาทให้นักเตะทั้งหมดนั้น ล่าสุด “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลยืนยันว่าสมาคมจะเพิ่มอัดฉีดให้อีก 5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีภาคเอกชนอัดฉีดให้อีก 1 ล้าน รวมเป็นเงิน 23 ล้านบาท พร้อมทั้งมีการมอบอัดฉีดในการทำประตูได้อีกลูกละ 1 ล้านบาทด้วย โดยสองประตูจากเกมนี้ทำให้ยอดรวมแตะ 25 ล้านบาท
