บิ๊กตู่ลั่น-โดนยั่วยุ จะไม่ทน ยอมรับปรี๊ดได้ทุกเมื่อ ไม่พอใจนักข่าวไล่พ้นทำเนียบ

พท.-ชทพ.ชี้ไร้ประโยชน์ ผบ.ทบ.สั่งคุมเข้ม24ชม. หวั่นเกิดเหตุป่วนช่วงกย. สามมิตรยังเดินสายต่อ นายกทูลฯโผทหารแล้ว

“บิ๊กตู่” เผยทูลเกล้าฯ โผทหารแล้ว ยอมรับพร้อมปรี๊ดได้ทุกเมื่อ ทนถูกยั่วอารมณ์ไม่ได้ ไม่พอใจนักข่าวต่อปากต่อคำไล่ตะเพิดพ้นทำเนียบ พ้ออีกช่วงนี้หลายอย่างสับสน หวั่นกระทบเลือกตั้ง ยันประชุม คสช.อังคารนี้ ถก “คลายล็อก” พรรคการเมือง ผบ.ทบ.สั่งจับตาพื้นที่ กทม. 24 ชั่วโมง หวั่นเกิดเหตุ พรรคการเมืองโวยไม่ได้ประโยชน์ จี้ “ปลดล็อก” ทั้งหมด เตือนเลิกใช้มาตรา 44 พร่ำเพรื่อ “นคร มาฉิม” เย้ย “บิ๊กตู่” อาการร่อแร่ อย่ายื้ออยู่ต่อ “ธนาธร” ส่งทนายขอเลื่อนนัดรับทราบข้อหาผิดพ.ร.บ.คอมพ์

“บิ๊กตู่”โต้เอื้อประโยชน์เอกชน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2561 จัดโดยกระทรวงพาณิชย์

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับผู้ประกอบการว่า เศรษฐกิจวันนี้ จีดีพีและการส่งออกดีขึ้น แต่บางจังหวะการส่งออกอาจลดลง แต่ไปสูงขึ้นในการค้าขายออนไลน์ จึงต้องสร้างการรับรู้ ไม่เช่นนั้น จะถูกวิจารณ์ว่าการส่งออกลดลง เพราะเมื่อรวมกันแล้วก็ยังสูงขึ้น เราเข้าใจว่าต่างคนต่างคิด ต่างคนก็ต่างวิจารณ์ จนเห็นว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นไม่จริง ยืนยันว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง เพราะตนดูแลอยู่ข้างบนตามลำดับ ทุกอย่างต้องมีก้าวแรก เพราะถ้าก้าวผิดก็จะผิดไปตลอด เราต้องดึงการก้าวผิดมาสู่จุดเริ่มต้นใหม่ที่เคยเดินเลี้ยวไปมา ก็ขอให้หยุดกลับมาเดินใหม่ เพราะตนได้ใช้แนวทางนี้มาตลอด ควบคู่กับหลักเศรษฐกิจพอเพียง มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน ใช้จ่ายอย่างพอประมาณ

นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลพยายามแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งประชาชนต้องได้ประโยชน์ วันนี้มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลเอื้อประโยชน์เอกชน ยืนยันว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์เจ้าของบริษัทใดทั้งสิ้น เวลานี้หลายอย่างสับสนอลหม่านไปหมด ซึ่งตนเกรงว่าสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อการเลือกตั้งและการเป็นประชาธิปไตยในวันข้างหน้า ดังนั้น รัฐบาลพยายามทำให้เกิดความเป็นธรรมในทุกด้าน ขอให้ช่วยกันทำความเข้าใจด้วย

ยอมรับเหนื่อย-พูดมา4ปีแล้ว

นายกฯ กล่าวว่า ตนจำเป็นต้องพูดกับ ผู้ประกอบการเพราะเป็นแกนสำคัญให้กับเรา ตนอาจพูดมาก 4 ปี ตนก็เหนื่อย ไม่ใช่พูดแล้วตนไม่ได้ตาม ทุกเรื่องตนมีหลักฐานไว้หมดว่าพูดอะไรไปบ้างแล้ว ที่พูดเยอะๆ ข้าราชการก็ต้องเข้าใจ หรือในรายการคืนความสุข ทุกวันศุกร์ ถือเป็นการสั่งงานของตนไปด้วย สั่งในที่ประชุมก็เยอะพอแล้ว เขาต้องเร่งทำ ถ้าติดกฎหมายก็ต้องมาดู หลายอย่างติดด้วยกฎหมายเดิม จะเห็นว่ากฎระเบียบออกมามากในรัฐบาลนี้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทุกคนกับประเทศไทยทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นประโยชน์กับตน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เราต้องแก้ปัญหา ไม่ใช่โยนงบประมาณโครมๆ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า จึงขอให้ทุกคนช่วยกันชี้แจง ไม่เช่นนั้นก็จะติดอยู่แบบนี้ รวมทั้งเมื่อถึงเวลาหาเสียงก็จะกลับมาที่เดิม ทุกอย่างถอยหลังกลับที่เก่าหมด

ชี้ประชานิยมคือประชาธิปไตย

“คำว่าประชานิยม ไม่ใช่ผมพูดเอง ผมดูตำราต่างประเทศ เขาสรุปมาแล้วว่า ประชา ธิปไตยก็คือประชานิยม เพราะเป็นการเลือกคนที่ชื่นชม ชื่นชอบ ทำอย่างไรให้ชอบ มันก็ต้องให้ แต่ประชานิยมถ้าจะทำต้องมีประโยชน์ และต้องไม่มีผลต่อระบบการเงินการคลังของประเทศในอนาคต และไม่ใช่ให้โครมให้ไปทั้งหมด ขอให้เข้าใจด้วย ขอให้สื่อถึงประชาชน นักการเมืองต่างๆ ที่พยายามจะพูดอยู่ตอนนี้ไปบิดเบือนทุกอย่าง ที่ดีๆ เขาก็มี ที่ไม่ดีมันก็เยอะ ผมเกรงว่าประชาชนจะเข้าใจผิดไปอีกแล้วจะกลับมาแบบเดิม ไม่ใช่ว่ากลัวผมจะเป็นหรือใครจะเป็น ไม่ต้องกลัว มันอยู่ที่ประชาชนเลือก ถ้าเราไม่เข้าใจกันแบบนี้ ผลการเลือกตั้งจะออกมายังไงก็คิดเอาแล้วกัน ผมก็ไม่สนใจใครจะว่าอะไรผมวันนี้เยอะไปหมดทุกวัน ด่าโครมๆ มีการบิดเบือนอยู่ จึงอย่าบอกว่าผมปิดกั้นการเป็นประชาธิปไตย ซึ่งไม่ใช่ แต่บ้านเมือง จะวุ่นวายหรือไม่ ต้องไปคิดกัน แก้กันเอาเอง” นายกฯ กล่าว

ขู่ใช้กฎหมายฟันสื่อบิดเบือน

นายกฯ กล่าวว่า ตนพยายามเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ที่สุด แต่ถ้าวุ่นวายกันอยู่แบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ ตนไม่ต้องการไปสั่งใคร กฎหมายดีทุกตัว วันนี้ปัญหาเยอะทุกวัน ถ้าข้างล่างไม่เข้าใจก็มีปัญหาทุกเรื่อง และตนไม่เคยไปตรวจสอบหรือปิดกั้นสื่อ แต่อะไรที่มันบิดเบือน กลไกที่ตรวจสอบมีอยู่แล้ว หรือบิดเบือนจนเกินไปจนมีคดีฟ้องร้องก็ว่ากันไป แต่คนส่วนใหญ่มักเกรงใจ ไม่อยากเป็นปัญหา มีคดีความกับสื่อต่างๆ เสียเวลา

“แต่วันนี้ผมคิดว่าผมต้องดำเนินการแล้ว เหมือนที่คนด่าพวกท่าน ท่านก็ใช้กฎหมายหมิ่นประมาท หน่วยงานเขาก็ต้องรักษาศักดิ์ศรี ถ้าเขาไม่ทำแบบนั้นแล้วไปว่าเขา เขาก็มีสิทธิ์ป้องกันตัวเหมือนกัน สื่อก็ต้องระวังตัว ผมไม่ได้ขู่สื่อ เดี๋ยวกลายเป็นการขู่สื่ออีก ทุกเรื่องอย่าใช้คำว่าปัด เหมือนกับว่าปฏิเสธความจริง พอชี้แจงดีขึ้นบอกว่าฟุ้ง ซึ่งสื่อคือตัวชี้นำ วันนี้บอกว่านายกฯเป็นคนใจร้อน พูดไม่เข้าหูใคร อาทิตย์ไหนถ้าผมไม่อ่านหนังสือพิมพ์เลยน่าจะมีความสุขดี ตอนนี้กำลังคัดออกว่าฉบับไหนผมไม่อ่าน ไม่เคยสร้างประโยชน์ให้กับประเทศเลย น้อยมากทุกคอลัมน์” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เดี๋ยวจะถามประชาชนว่าหนังสือพิมพ์ฉบับไหนเชื่อมั่นมากที่สุด ขอให้ตอบมาด้วย เรื่องที่เสนอครั้งเดียวจบไปพาดหัวหนึ่งแล้วจะดีกับการค้าการส่งออกของเราอย่างไร การลงทุนจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ จะไม่รับผิดชอบไม่ได้ ตนไม่ได้ว่าของใคร ถ้าตนใช้อำนาจจริงๆ ไม่มีไอ้เรื่องพวกนี้ ยังไม่เคยทำแบบนี้ พูดไปก็เสียอารมณ์ แต่ทำอะไรต้องมีเหตุมีผลชี้แจงได้ ตนไม่ได้เครียดเพราะเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว ขอให้เข้าใจด้วย ทั้งขอขอบคุณสื่อดีๆ นักการเมืองและการเมืองดีๆ ต้องหยอดกันไปมาบ้างเพราะเวลามาหยอดตนก็แรงเหลือเกิน แต่ตนโกรธใครไม่ได้อยู่แล้ว

ถกคลายล็อก-อังคารหน้า

ต่อมาเวลา 11.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุม คสช.เพื่อพิจารณาคลายล็อกพรรคการเมืองว่า จะประชุมในวันอังคารที่ 28 ส.ค.นี้ ส่วนประเด็นการคลายล็อกต่างๆ ขอให้ไปถามนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เพราะได้มอบให้ฝ่ายกฎหมายไปดูแล้วว่ามีข้อติดขัดอย่างไรบ้าง จากนั้นให้เสนอต่อที่ประชุม คสช. ก็โอเคตามนั้น การจะมาถามหมดทุกเรื่องบางทีก็ตอบไม่ได้ เพราะมีคนทำงานเป็นกลุ่มๆ อยู่แล้ว อันนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้ง

“ไม่ใช่ว่ากฎหมายที่ออกมาแล้วมันผิด มันไม่ใช่ การออกกฎหมายก็หวังว่าจะให้ใช้อย่างยาวนาน ยั่งยืน เพื่อให้เกิดการปฏิรูปทางการเมือง แต่ไม่ใช่ออกมาแล้วก็มีปัญหาอีก การเมืองถ้าไม่อยากปฏิรูปมันก็มีปัญหา ผมถึงบอกว่าอะไรที่ทำได้ก็ต้องทำ ไม่เช่นนั้นวันข้างหน้าจะกลับไปที่เดิม ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมา ไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะไม่ปฏิรูป แต่ท่านไม่ยอมแล้วจะให้ทำอย่างไร จะให้บังคับกันหรือ เพราะกฎหมายธรรมดายังไม่ปฏิบัติกันเลย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ฉุนสื่อ-ไล่ออกนอกทำเนียบ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์ไปหาน.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ ที่ยืนฟังอยู่ ก่อนกล่าวว่า ทำไมไม่ถามประเด็นเศรษฐกิจบ้าง สนใจบ้างหรือไม่ การค้าการพาณิชย์ ให้ถามกันบ้างเพราะการเมืองไม่ได้ทำให้ทุกอย่างดีขึ้นทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวตอบว่าตัวเลขเศรษฐกิจดีอยู่แล้ว และมีนักข่าวสายเศรษฐกิจเป็นคนตามอยู่ พล.อ.ประยุทธ์จึงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “เธออย่ามาต่อปากต่อคำกับฉัน” ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า ต่อปากต่อคำก็ไม่ได้ ทำให้พล.อ. ประยุทธ์โมโหพร้อมหันมาตะคอกด้วยเสียงดังและชี้นิ้วไปที่รั้วทำเนียบว่า “ก็ไม่ได้ไง นินทาอะไรวะ ไม่ต้องมาต่อปากต่อคำกับฉัน ต่อปากต่อคำไม่ได้ ก็ออกไปข้างนอกโน่น ใครที่พูดเมื่อกี้”

ลั่นไม่เก่งแต่บริสุทธิ์ใจ

ต่อมาเวลา 18.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวมอบนโยบายในพิธีมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2561 ว่า วันนี้รัฐบาลกำลังตอกเสาเข็มให้ประเทศ เพราะมีคนต้องการเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้จำนวนมาก จึงต้องวางแผนเพื่อทุกคน เพื่อ 70 ล้านคน เรากำลังเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย พร้อมวางยุทธศาสตร์ 20 ปี เพื่ออนาคต ไม่ให้ทุกอย่างกลับมาเลอะเทอะเหมือนเดิม เพราะประเทศมีหลายปัญหาที่ต้องแก้ไข

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนเข้ามา 4 ปี พบว่าเราติดปัญหามาก แก้ไม่ทันใจประชาชน แม้คนจะดูถูกว่าเราจะไป 4.0 ได้อย่างไร เพราะวันนี้ยัง 0.4 คนพูดอย่างนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย จึงต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจ เราต้องไม่ป้อนสารพิษให้ประเทศเรื่อยๆ เพราะการให้เพียงบางกลุ่ม ประเทศจะไปไม่ได้ จึงต้องสร้างความเท่าเทียม ยืนยันว่าใช้ความบริสุทธิ์ใจในการบริหารงาน แม้ไม่เก่งทุกด้าน แต่ก็หาความรู้เพิ่มเติม ซึ่งทุกคนต้องช่วยรัฐบาล และปีหน้าตนคงไม่ได้พูดแล้ว เพราะมีรัฐบาลใหม่แล้ว ดังนั้น รัฐวิสาหกิจต้องทำวันนี้ให้สำเร็จ

ยอมรับปรี๊ด-ไม่ทนถูกยั่ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การมอบนโยบายครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยอารมณ์ดุดัน เสียงดังช่วงหนึ่งว่า “ผมก็เสียงดังอย่างนี้ นี่คืออารมณ์ปกติ ถ้าโมโหก็เรื่องหนึ่ง อยู่กับทหารก็อีกแบบหนึ่ง แต่ผมประคับประคองจิตใจมากที่สุดแล้ว ฉะนั้นผมไม่อดทนกับการมายั่วยุอารมณ์ของผม ซึ่งผมไม่ได้มานั่งเข้มงวด หรือเป็นนายกฯต้องพูดจาไพเราะ แล้วมันทำอะไรหรือไม่ พูดแต่ครับๆ ดีๆ หรือบอกจะทำนี่โน่นให้ แล้วทำไม”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงนักการเมืองว่า ที่พูดทั้งหมดตอนหาเสียง คอยดูแล้วกัน ทำอะไร ทำได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ จะให้อะไรคน มันทำไม่ได้ถ้าไม่มีงบประมาณ วันหน้าก็จะถูกกำกับดูแลและติดตามโดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ไม่ได้จับผิด แต่ดูว่าอยู่ในแผนหรือไม่ ถ้าอยู่ในแผนก็ทำไป แต่ถ้านอกแผนต้องมีเหตุผล ไม่ใช่ก้าวล่วงอำนาจบริหาร

ยันไร้ผลประโยชน์แอบแฝง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวขอโทษผู้ร่วมงานที่ไม่ได้อยู่รับประทานอาหารด้วยว่า ขอเวลาให้ได้อยู่กับครอบครัว เพราะตื่นมาตอนเช้า ไม่ค่อยได้เจอใคร ภริยาและลูกไปทำงาน ตนนั่งอยู่คนเดียว จนได้เวลานั่งรถมาทำงาน จึงขอเวลาอยู่กับครอบครัวบ้าง อย่าหาว่าถือตัว หรือเป็นเผด็จการ เลยไม่ยอมกินข้าวกับเรา ไม่ใช่อย่างนั้น หัวใจตนให้กับคนทั้งประเทศ

“ถ้าผมไม่ใช่คนแบบที่ผมพูด ผมคงพูดแบบนี้ไม่ได้ คงต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว เก็บไอ้นี่ขยิบตาสายตาขวา ผมไม่มี ผมมองคนทุกคนได้ทั้งโลก เพราะผมไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ผมรู้สถานการณ์ของผมดีว่าเข้ามาเพื่ออะไร จึงอยากฝากทุกคนให้ช่วยกันทำอย่างที่ผมทำ ถึงไม่มีใครรู้ โลกก็รู้เอง ไม่มีใครรู้ ก็มีตัวเรารู้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน