พลทหารเหยื่อรุ่นพี่ซ่อม โหดจนโคม่ากลางค่ายที่ลพบุรี อาการทรุดหนักติดเชื้อที่ปอด ครอบครัวเดินสายไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้คุ้มครองลูก พ่อแม่เหยื่อเค้น 3 พลทหารรุ่นพี่ถึงสาเหตุ แต่ทั้งหมดไม่เปิดปากอ้างแค่เตะไปคนละครั้งเท่านั้น ขัดกับคำให้การพยานที่ระบุ ทั้งหมดรุมกระทืบจนแน่นิ่งไปนับชั่วโมง จนคิดว่าตายแล้วจะเอาร่างไปทิ้งเขา แต่เพื่อนทหารไปแจ้งสิบเวรและทหารเสนารักษ์ก่อน ครอบครัวรุดแจ้งความเพิ่มข้อหาพยายามฆ่า ยันเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ตำรวจยังไม่รับอ้างต้องรอคำวินิจฉัยจากแพทย์ก่อน ผู้พันค่ายส่ง 3 ผู้ก่อเหตุ ขังคุกทหารทันที

พ่อ-แม่พลทหารคชา ไหว้ขอพรอนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช หวังมีปาฏิหาริย์ช่วยลูกชายฟื้น

เมื่อเวลา 10.00 น. นางรุ่งฤดี สิหะวงษ์ พร้อมนายคมฉัน พะชะ แม่และพ่อ รวมถึงภรรยาและญาติๆ ของพลทหารคชา หรือเข้ม พะชะ อายุ 22 ปี ที่ถูกพลทหารรุ่นพี่รุมซ้อมจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ภายในค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.ลพบุรี

ล่าสุดยังนอนรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤต ร.พ.อานันทมหิดล เข้าพบพนักงานสอบสวนสภ.เมืองลพบุรี เพื่อแจ้งความพิ่มเติมพลทหารทั้ง 3 นายที่เป็นผู้ก่อเหตุ ในข้อหาพยายามฆ่า เนื่องจากอาการของพลทหารคชามีแต่ทรุดลง และช่วงเช้าที่ผ่านมา แพทย์ระบุว่ามีภาวะปอดติดเชื้ออีก ทำให้คน ในครอบครัวมีความกังวลอย่างมาก

ต่อมาเวลา 11.00 น. ผู้บังคับบัญชานำตัวพลทหารทั้ง 3 นาย เดินทางเข้าพบกับ ร.ต.อ. วิชัย แสนบุตร รองสว.สอบสวน สภ.เมืองลพบุรี เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากทั้งหมดเข้าให้ปากคำเบื้องต้นไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมจากการทำร้ายร่างกาย เป็นการทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนข้อหาพยายามฆ่าที่ทางญาติเข้าแจ้งความเพิ่มนั้น ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอต่อการรับแจ้งข้อหาดังกล่าว ต้องรอการสอบสวนและผลจากแพทย์อีกครั้ง เนื่องจากการแถลงอาการของพลทหารคชาเมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย และไม่มีบาดแผลจากการถูกทำร้าย

ด้านนางรุ่งฤดีเปิดเผยความรู้สึกหลังนำใบ รับรองแพทย์มายื่น เพื่อให้ตำรวจแจ้งข้อหาพยายามฆ่าว่า วันนี้ได้มีโอกาสเจอ 3 รุ่นพี่พลทหารอีกครั้ง และได้สอบถามถึงสาเหตุที่รุมทำร้ายพลทหารคชา โดยทั้ง 3 ระบุว่า เพราะอยากสั่งสอนลูกชายจึงเรียกตัวจากโรงนอนออกมาให้เอาหัวปักดินและเตะเข้าไปที่บริเวณชายโครงคนละ 1 ครั้ง จนลูกชายชัก แต่ครอบครัวไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง

ด้าน พ.ท.มลชัย ยิ้มอยู่ ผบ.ร.31 พัน. 3 รอ. กล่าวว่า กองพันจะทำทุกอย่างแบบโปร่งใส และไม่มีการปกป้องคนผิด ขณะนี้ประสานไปยัง มทบ.13 เพื่อขอฝากขังทั้งพลทหารทั้ง 3 นาย โดยคัดค้านการประกันตัว และพาครอบครัวพลทหารคชา ไปกราบสักการะพระกาฬและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใน จ.ลพบุรี เพื่อขอพรให้พลทหารคชาปลอดภัย

ต่อมานางรุ่งฤดีและนายคมฉันพร้อมญาติขออนุญาตนายทหาร และเจ้าหน้าที่ทหารที่ควบคุมตัวพลทหารทั้ง 3 นาย มาพบเพื่อสอบถามเป็นการส่วนตัว ถึงข้อหาหมั่นไส้พลทหารคชานั้น มาจากสาเหตุใด และใช้อาวุธชนิดใดในการทำร้าย

โดยคำถามแรกพลทหารทั้ง 3 นายไม่ตอบ ตอบเพียงว่าทหารคนที่ 1 เรียกพลทหารคชาลงมาจากโรงนอน คนที่ 2 เตะเข้าที่ใบหน้า ทหารคนที่ 3 เตะเข้าที่ชายโครงคนละ 1 ครั้ง จนพลทหารคชาแน่นิ่งไป หลังจากนั้นพยายามที่จะช่วยกันปั๊มหัวใจให้ฟื้น ซึ่งทางพ่อและแม่ถามกลับไปว่าที่พูดนี่เรื่องจริงหรือโกหก โดยที่พลทหารทั้ง 3 นายไม่ขอตอบได้แต่ก้มหน้านิ่ง ก่อนถูกควบคุมตัวไปยังเรือนจำภายใน มทบ.13

น.ส.กาญจนา สีหวงศ์ น้าสาวพลทหารคชา เปิดเผยว่า ไม่เชื่อในคำให้การของพลทหารทั้ง 3 นาย เพราะเท่าที่รู้มาจากปากของพยานเล่าให้ฟังว่า ในคืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.00-21.00 น. พลทหารทั้ง 3 นาย เรียกหลานชายลงมาจากที่นอน ก่อนเริ่มซ้อมรุมเตะรุมกระทืบจนแน่นิ่ง ทั้ง 3 นายคิดว่าเป็นแค่เพียงสลบไปชั่วครู่

จนเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ได้ยินเสียงทั้ง 3 นาย คุยกันว่าหลานชายตายแล้ว ให้ช่วยกันลากศพไปทิ้งที่เชิงเขาใกล้ค่าย แต่มีเพื่อนทหารที่เห็นเหตุการณ์ได้ไปตามสิบเวรและทหารเสนารักษ์ภายในค่ายเสียก่อน ยอมรับว่าทีแรกจะอโหสิกรรมให้ แต่เมื่อได้ยินคำโกหกออกจากปากทั้ง 3 นายนี้แล้ว รับไม่ได้จริงๆ จึงได้รวมตัวกันเพื่อมาร้องทุกข์กล่าวโทษกับพลทหารโหดทั้ง 3 นาย ในคดีร่วมกันพยายามฆ่าดังกล่าว ทั้งนี้ครอบครัว จะไม่ยอมอะไรให้ใครอีกแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน