ปีติสมเด็จพระเทพฯ ทรง พระดำเนิน ในงานเดิน- วิ่งเทิดพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9นำรายได้สมทบทุนสร้างอาคารนวมินทร บพิตร 84 พรรษา ร.พ.ศิริราช เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส ทรงร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงแผ่นดินของเรา ประชาชนนับหมื่นเฝ้าฯ รับเสด็จพร้อมเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง หน่วยงานราชการร่วมพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลวันที่ 66 พสกนิกรหลั่งไหลต่อแถวเข้ากราบพระบรมศพยาวเหยียดล้นสนามหลวง ในหลวงรัชกาลที่ 10 พระราชทานอาหาร 3 มื้อ ชาวนา-ชาวสวนยึดพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียง ศิลปินแห่งชาติ “แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์” ขับเพลงฉ่อยถวายความอาลัย ย้อนรำลึกวันถวายงานเบื้องพระพักตร์ คณะละครลิงประกิตเผยเคยแสดงถวาย ณ วังไกลกังวล นับเป็นความภาคภูมิใจแห่งชีวิต

บำเพ็ญพระราชกุศลวันที่ 66

เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 18 ธ.ค. ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง วันที่ 66 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราช ทานพระบรมราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศล โดยช่วงเช้ามีข้าราชการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง ได้แก่ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง และสถาบันคุ้มครองเงินฝาก เข้าร่วม โดยมีนายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ เป็นประธานบำเพ็ญพระกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระพิธีธรรม 8 รูป จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร และวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมมาตั้งแต่ค่ำวันที่ 17 ธ.ค.

กระทรวงคลังบำเพ็ญกุศลถวาย

จากนั้นเวลา 10.30 น. นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานถวายภัตตาหารเพลแด่พระพิธีธรรม จำนวน 8 รูป จากวัดอนงคารามราชวรมหาวิหาร และวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ที่สวดพระอภิธรรมพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมีคณะในสังกัดกระทรวงการคลัง ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ธนาคารออมสิน กองทุนการออมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

ต่อมาเวลา 16.30 น. คณะผู้บริหารและ เจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงการคลัง ได้แก่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพมีพระพิธีธรรม จำนวน 8 รูป จากวัดอนง คารามราชวรมหาวิหารและวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ โดยมีนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นประธาน

เวลา 19.00 น. คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงการคลัง ได้แก่ กรมธนารักษ์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด และกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวายพระบรมศพ พระพิธีธรรมจำนวน 8 รูป จากวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร และวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร สวดพระอภิธรรมพระบรมศพ โดยมีนายปรีชา มงคลหัตถี รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นประธาน

ประชาชนต่อแถวตั้งแต่เช้ามืด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้เป็นวันที่ 49 ที่พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศสวมชุดไว้ทุกข์สุภาพเรียบร้อยเดินทางมาต่อคิวเพื่อเข้าสักการะพระบรมศพตั้งแต่เช้ามืดและดำเนินไปตลอดทั้งวัน

48วันเข้าสักการะ1.8ล้านคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในคืนวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีประชาชนเข้าแถวรอเข้ากราบพระบรมศพในมณฑลพิธีท้องสนามหลวงเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ต้องเลื่อนเวลาปิดออกไปจนถึงเวลา 22.32 น. จากเดิมที่กำหนดไว้ 21.00 น. ทั้งนี้ สำนักพระราชวังสรุปยอดรวมประชาชนที่เดินทางเข้าสักการะพระบรมศพในวันที่ 17 ธ.ค. มีจำนวนทั้งสิ้น 49,464 คน รวม 48 วัน มี 1,873,981 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,514,262.25 บาท รวม 48 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 147,114,287.25 บาท

ชาวสวนระยองยึดหลักพอเพียง

นางสว่าง มั่นใจ อายุ 74 ปี พสกนิกรจาก จ.ระยอง เปิดเผยว่า เดินทางมาถึงกรุงเทพฯ กับลูกสาวและเพื่อนบ้าน 10 คน เข้าคิวเพื่อสักการะพระบรมศพในเวลา 05.00 น. แม้จะมาแต่เช้าแต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อย เมื่อก้าวเข้าไปในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแล้วทุกอย่างดูงดงามสมพระเกียรติ รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว และคิดถึงพระองค์ ไม่เคยได้รับเสด็จพระองค์มาก่อน อยู่บ้านก็ไม่ค่อยได้ไปไหน ได้แต่ติดตามพระราชกรณียกิจในโทรทัศน์ เห็นพระองค์ทรงทำงานหนัก ไม่ได้หยุดหย่อน ทั้งขุดคลอง สร้างสะพาน บุกป่าไปที่ต่างๆ รวมถึงแนวพระราชดำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงและคำสอนเรื่องประหยัด มัธยัสถ์ ที่เรายึดใช้ตลอดเวลา ส่วนตัวเป็นเกษตรกรปลูกมันขาย ดำรงชีวิตโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงพอใช้ เรามีน้อยก็ กินน้อย

ด.ญ.บุณฑริก เกตุแก้ว อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นม.1 โรงเรียนศรีราชา จ.ชลบุรี กล่าวว่า ดีใจที่มีบุญได้มาสักการะพระบรมศพสักครั้งหนึ่ง หลังจากในหลวง รัชกาลที่9 สวรรคต ทุกคนในครอบครัวเสียใจ ผู้ใหญ่ในครอบครัวร้องไห้ให้เห็นตลอดเวลา ตนมีโอกาสร่วมแปรอักษรเทิดพระเกียรติ และไปเก็บขยะในสวนสาธารณะเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ต่อจากนี้จะขอยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างที่ครูสอน ปลูกผัก และประหยัดต่อไป

ชาวนาสุพรรณฯรักและเทิดทูน

ขณะที่ นางสุวิมล ชินชำนาญ อายุ 36 ปี พสกนิกร จาก จ.กระบี่ เดินทางมาโดยเครื่องบินพร้อมเพื่อน น.ส.สุธาสินี วงษ์นา อายุ 38 ปี เผยความรู้สึกว่าตื้นตันใจที่ได้เข้ากราบพระองค์ใกล้ขนาดนี้ พระองค์ท่านทรงเหน็ดเหนื่อยเพื่อประชาชนมามาก เกิดมาก็มีในหลวง รัชกาลที่ 9 อยู่ในใจแล้ว ตอนเสด็จสวรรคตรู้สึกใจหายมาก น้ำตาไหลไม่รู้ตัว เวลาผ่านไปร่วมสองเดือนแล้วยังเศร้าใจไม่หาย แต่จะเปลี่ยนความเศร้าเหล่านั้นมาปฏิบัติตนเป็นคนดีของสังคม โดยน้อมนำปรัชญาด้านเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักดำเนินชีวิต

ด้านนางสอน โสมพันธุ์ เกษตรกรจากจังหวัดสุพรรณบุรี อายุ 69 ปี ชักชวนกลุ่มเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันประมาณ 10 คน เหมารถตู้รับ-ส่งนักเรียน เดินทางมาสักการะพระบรมศพ หลังจากใช้เวลาเตรียมตัวกันนานถึงหนึ่งเดือน กล่าวว่าจ้างรถตู้ที่รู้จักกันออกจากบ้านมาตั้งแต่สี่ทุ่มถึงสนามหลวงราวตีสอง เตรียมความพร้อมศึกษาเส้นทางมาอย่างดี โดยเฉพาะเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย พวกเราเป็นชาวไร่ชาวนา ไม่มีเสื้อผ้าสุภาพเหมาะสมกับงานพระราชพิธีเช่นนี้ จึงหาชุดและรองเท้าที่สุภาพเพื่อให้สมพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่9

“พวกเราเป็นชาวไร่ชาวนา ปลูกข้าวปลูกอ้อยเป็นอาชีพหลัก ไม่เคยมีโอกาสเฝ้าฯ รับเสด็จพระองค์เลยสักครั้ง เห็นแต่ในโทรทัศน์ แต่ก็รักและเทิดทูนพระองค์มาก รักในความดีของพ่อหลวงซึ่งมีเยอะมากจนหาที่เปรียบไม่ได้ ทุกวันนี้เรามีที่ทำกิน มีน้ำไว้ทำการเกษตร ก็เพราะเป็นสิ่งที่พระองค์ท่านช่วยพัฒนาจนพวกเราอยู่ดีกินดี ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสิ่งใกล้ตัวที่พวกเรานำมาปฏิบัติได้จริง” นางสอนกล่าว

หางแถวสนามหลวงยาวเหยียด

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ท้องสนามหลวง และพระบรมมหาราชวังว่า ยังมีพสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศแสดงความจงรักภักดีเดินทางเข้ากราบพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง อย่างต่อเนื่อง โดยภายในเต็นท์จุดพักคอยคิวตั้งแต่เต็นท์ ก-ซ ด้านทิศเหนือของสนามหลวงแน่นขนัดจนล้นออกมาด้านนอก หางแถวยาวเหยียด ท่ามกลางอากาศร้อนจัด โดยหัวแถวอยู่ที่จุดพักคอยเต็นท์หน้ากรมศิลปากรซึ่งมีกลุ่มจิตอาสานำอาหารและน้ำดื่ม รวมทั้งยารักษาโรคต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยาดมบรรเทาอาการหน้ามืดเป็นลม คอยแจกจ่ายประชาชน

กลุ่มนักปั่นเมืองชลร่วมอาลัย

เวลา 07.00 น. กลุ่มนักปั่นจาก จ.ชลบุรี จำนวน 345 คน รวมตัวกันจัดกิจกรรมร้อยดวงใจปั่นถวายพ่อ ปั่นจักรยานออกจากสนามพัฒนากอล์ฟแอนด์สปอร์ตรีสอร์ท จ.ชลบุรี มายังสนามหลวง นางนงนุช พรหมจันทร์ หนึ่งในคณะผู้จัดกิจกรรมครั้งนี้ กล่าวว่าเริ่มปั่นจักรยานตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนวันที่ 17 ธ.ค. เพื่อแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงทำงานหนักเพื่อประชาชนเสมอมา และแม้จะยังไม่ได้เข้าไปกราบถวายบังคมด้านใน แต่ถือว่าการมาครั้งนี้เป็นการแสดงความจงรักภักดีอย่างหนึ่ง ครั้งหน้าจะหาโอกาสเข้าไปกราบถวายบังคมให้ได้

ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 05.00 น. ที่บริเวณเต็นท์พักคอย ก-ซ ฝั่งทิศเหนือของท้องสนามหลวง นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับผู้บริหารของ AIS, DTAC, TRUE, CAT และ TOT นำบัตรเติมเงินมูลค่า 50 บาท ค่ายละ 4,000 ใบ รวมทั้งสิ้น 20,000 ใบ มาแจกให้ประชาชนที่เดินทางมาร่วมถวายบังคมพระบรมศพ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทั้งนี้เห็นว่าประชาชนที่มารอเข้าถวายบังคมพระบรมศพจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์มือถือสื่อสาร นอกจากนี้ยังแจกให้เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในบริเวณสนามหลวง โดยคณะผู้บริหาร กสทช.ยังลงพื้นที่ตรวจสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และสถานีชั่วคราว เพื่อเช็กความพร้อมในการบริการประชาชนด้วย จากการตรวจสอบสัญญาณพบว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและไม่พบปัญหาของสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่

ปีติ ร.10 พระราชทานอาหาร

ที่เต็นท์อาหารพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ เยื้องกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยรวมอยู่ภายในศูนย์อาหารบริการประชาชน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ นำอาหาร ขนม ของ ว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน รายการอาหารประกอบด้วย มื้อเช้า เวลา 07.00 น. ต้มเลือดหมู 1,500 ถ้วย ข้าวไข่ตุ๋นทรงเครื่อง 1,000 ถ้วย กาแฟสด 2,500 แก้ว นมหนองโพ 2,000 กล่อง มื้อกลางวัน เวลา 11.00 น. ข้าวน้ำพริกเผาไก่ทอด 1,000 จาน ข้าวผัดไก่ขิงอ่อนทรงโปรด 1,500 จาน ข้าวผัดวุ้นเส้นทรงเครื่องไข่เค็ม 1,500 จาน ข้าวคั่วกลิ้งหมูน้ำพริกไข่เจียวชะอม 1,600 จาน ขนมจีนน้ำยากะทิปักษ์ใต้ไข่ต้ม 400 ถ้วย ก๋วยเตี๋ยวเรือโกฮับ 3,000 ชาม มื้อบ่าย เวลา 16.00 น. ขนมไทย 1,000 ชุด ข้าวเหนียวหมูทอด ข้าวเหนียวไก่ทอด 1,000 ห่อ เฉาก๊วย 1,000 ถุง มื้อเย็น เวลา 18.00 น. เกี้ยมอี๋น้ำ 3,000 ชาม บวดมัน บวดฟักทอง 1,000 ถ้วย พร้อมน้ำดื่มสมุนไพร 700 ลิตร น้ำดื่มจิตรลดาบริการประชาชนตลอดทั้งวัน

ฟ้าหญิงทรงจัดหน่วยแพทย์

ที่เต็นท์หน่วยแพทย์พระราชทาน โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ภายในบริเวณท้องสนามหลวง ฝั่งทิศเหนือ บริเวณทางเข้าเต็นท์เพื่อรอเข้ากราบสักการะพระบรมศพ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พร้อมด้วย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ทรงห่วงใยในพสกนิกรที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ มีรับสั่งให้จัดหน่วยแพทย์พระราชทานดูแลสุขภาพประชาชนเป็นประจำทุกวัน ต่อเนื่องจนครบ 100 วัน

วันเดียวกันนี้ มีหน่วยแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล เภสัชกร และบุคลากร จากโรงพยาบาลธนบุรี 1 จำนวน 17 คน แพทย์ พยาบาล จากโรงพยาบาลตรัง จ.ตรัง จำนวน 5 คน มาบริการดูแลประชาชนตลอดทั้งวัน โดยเจ้าหน้าที่พยาบาลเผยว่าประชาชนที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพส่วนใหญ่มีอาการวิงเวียนศีรษะคล้ายเป็นลม และปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังมีอาสาสมัครเข้ามาใช้บริการรักษาบาดแผล เนื่องจากมีดบาดจากการประกอบอาหารด้วย

องค์โสมฯประทานข้าวเหนียว-ไก่

ที่บริเวณรถเคลื่อนที่มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก หน้ากรมศิลปากร ถนนหน้าพระธาตุ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ในฐานะองค์นายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ทรงห่วงใยพสกนิกรที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ ทรงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิทอดไก่หมักทรงเครื่องประทานพร้อมข้าวเหนียวแก่พสกนิกร จำนวน 1,300 ก.ก. ข้าวเหนียว 500 ก.ก. นอกจากนี้ยังมีอาหารอื่นๆ อาทิ เส้นหมี่ผัดกะเพรา สลัดผัก ยำวุ้นเส้น ส้มตำจากศูนย์การเรียนรู้ฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยต้นแบบเพื่อนพึ่ง (ภาฯ)ยามยาก สภากาชาดไทย อ.เมือง จ.อ่างทอง รวมถึงผลไม้แอปเปิ้ลแจ๊ส โดยมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาและอาสาสมัครกาชาดร่วมกันแจกจ่ายประชาชน

แม่ขวัญจิตรำลึกถวายงาน 30 ปี

ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ ท่าพระจันทร์ อสมท ร่วมกับองค์กรพันธมิตร จัดกิจกรรม “๙ ตามพ่อ สานต่อพระราชปณิธาน” มีการแสดงลำตัดและเพลงฉ่อย จากแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ ศิลปินแห่งชาติ และการแสดงละครลิงจากคณะประกิตศิษย์พระกาฬ มีประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก

แม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ กล่าวว่า การแสดงครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา เป็นการร้องเพลงฉ่อยถวายความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่ด้วยเวลาอันจำกัดไม่สามารถใส่เนื้อเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจที่พระองค์ทรงทำมามากมายได้ ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2521 เคยแสดงเบื้องพระพักตร์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่โรงละครแห่งชาติ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เคยรับสั่งต่อหน้าตนและผู้แสดงละคร 4 ภาค แต่ด้วยความตื้นตันจนร้องไห้ออกมาจึงจำไม่ได้ว่าพระองค์รับสั่งว่าอะไร จากนั้นตนได้ทำพิธีสู่ขวัญให้นาคที่เป็นข้าราชการบวชถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ถือเป็นการถวายงานพระองค์ท่านมา 30 ปีแล้ว

“แม้พระองค์ทรงพระประชวรยังทรงงานหนัก เห็นได้จากขณะประชวรอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ยังเสด็จลงมาทอดพระเนตรระดับน้ำเพื่อทรงหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำท่วม จะนำแนวคำสอนของพระองค์ท่านไปบอกลูกหลานให้เดินตามรอยพระองค์ เพราะทรงคิดสิ่งต่างๆ ทำเพื่อลูกหลาน พระองค์ท่านเป็นเทพองค์หนึ่ง ถ้าทำอะไรในสิ่งไม่ดีพระองค์ทรงรู้หมด” ศิลปินแห่งชาติกล่าว

ละครลิงประกิตภูมิใจในชีวิต

นายวัชระ กันรอบรู้ บุตรชายนายปัญญา กันรอบรู้ เจ้าคณะละครลิงประกิตศิษย์พระกาฬ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 6 ก.ค.2557 เคยนำคณะไปแสดงเบื้องพระพักตร์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบ คีรีขันธ์ ภาพแห่งความประทับใจครั้งนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของตนและชาวคณะตลอดมา เป็นความภูมิใจ ดีใจสุดๆ เป็นเกียรติของวงศ์ตระกูล เพราะในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พวกเรารักและบูชาทอดพระเนตรละครที่เราแสดง หลังจากนั้นเป็นต้นมา สิ่งดีๆ ต่างๆ ไหลเข้ามาในชีวิต พระองค์ท่านทรงให้ราชเลขาฯ เข้ามาสอบถามชื่อลิง อายุ พันธุ์ทุกตัว เก็บไว้เป็นข้อมูลของพระองค์ ที่มาเปิดการแสดงครั้งนี้รู้สึกแปลกกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เป็นการแสดงถวายความอาลัย แม้จะไม่มีพระองค์แล้ว แต่ทุกคนในคณะทำหน้าที่การแสดงให้ดีที่สุด

พระเทพฯทรงเปิดเดิน-วิ่งเทิดร.9

เวลา 06.00 น. วันเดียวกัน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานโครงการเดิน – วิ่ง ๙ นี้เพื่อประชา “สืบสานพระราชปณิธานของพ่อ” ที่โรงพยาบาลศิริราช โดยคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยา ลัยมหิดล จัดขึ้นเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยนำรายได้สมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา ร.พ.ศิริราช เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส โดยมีพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และประธานคณะกรรมการจัดหาทุนอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ผู้แทนกองทัพเรือ และผู้สนับสนุนการจัดงานเฝ้าฯ รับเสด็จ

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปถวายราช สักการะพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงวางพวงมาลัยและทรงคม แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปประทับพระราชอาสน์ ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ทูลเกล้าฯ ถวายของที่ระลึก กราบบังคมทูลรายงาน และกราบบังคมทูลทรงร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงแผ่นดินของเรา แล้วเสด็จฯ ไปทรงติดสัญลักษณ์การจัดงาน และทรงลงพระนามาภิไธยก่อนทรงนำไปประดับบนบอร์ด “สืบสานพระราชปณิธานของพ่อ” จากนั้นทรงกดปุ่มเปิดงานเดิน-วิ่ง ๙ นี้เพื่อประชา “สืบสานพระราชปณิธาน ของพ่อ”

การนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระดำเนินนำขบวนเดินร่วมกับผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ผู้แทนกองทัพเรือ ผู้สนับสนุนการจัดงาน และนักวิ่งไปยังหอประชุมกองทัพเรือ เมื่อทรงพระดำเนินถึงหอประชุมกองทัพเรือ ศ.นพ.ประสิทธิ์ ทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญที่ระลึกการจัดงาน จากนั้นทรงบีบแตรลมปล่อยตัวนักวิ่ง ประเภท 6 กิโลเมตรแล้วเสด็จเข้าห้องประทับพักพระราชอิริยาบถ ได้เวลาสมควรจึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ

นักวิ่งปีติเปล่งเสียงทรงพระเจริญ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีประชาชนสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเดินวิ่งกว่า 10,000 คน โดยต่างเดินทางมาร่วมรอรับเสด็จตั้งแต่เวลา 04.00 น. เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาถึง ต่างพร้อมใจเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องด้วยความปลื้มปีติ และเมื่อร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีต่างน้ำตาไหลด้วยความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น

น.ส.จันทนา เชียงทอง ผู้ร่วมงาน กล่าวว่ารู้สึกปลื้มปีติมากที่มีโอกาสรับเสด็จอย่างใกล้ชิด ตนตั้งใจมาวิ่งเพื่อนำเงินมาสร้างตึกนวมินทรบพิตร 84 พรรษา ซึ่งทราบมาว่ายังขาดเงินสมทบทุนอีกจำนวนมาก ด้าน น.ส.สิรีธร พัฒน์ตระกูลชัย กล่าวว่าทราบข่าวจากสื่อออนไลน์จึงตั้งใจมาร่วมงานเพื่อทำบุญ จากนี้ไปจะตั้งใจปฏิบัติตัวเป็นคนดีเพื่อสืบสานพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 9 จะทำเพื่อคนไทยด้วยกันต่อไป นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งที่สมเด็จพระเทพฯ เสด็จฯมาเป็นขวัญและกำลังใจให้ผู้ร่วมงานทุกคน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน