ตร.พบ 5 พิรุธ แหม่มสาวโวยถูกข่มขืนที่ เกาะเต่า ทั้งสถานที่เกิดเหตุมีคนพลุกพล่าน อยู่ใกล้สายตรวจเกาะเต่า หลังเกิดเหตุไม่แจ้งความ กลับไปเที่ยวต่อ พอแจ้งความก็แจ้งแค่ของหาย พร้อมเดินสำรวจย้อนรอย ยังไม่พบหลักฐานว่าถูกมอมยา ข่มขืนตามที่กล่าวอ้าง

พร้อม ปูพรมร้านรับซื้อมือถือทั่วเกาะเต่า เกาะพะงัน และตัวจ.สุราษฎร์ฯ ตามหามือถือไอโฟนของแหม่ม หวังคลี่คลายคดีให้ได้โดยไว เตรียมสอบปมเพื่อนสนิทมาร์ติน ด้านผู้ประกอบการเกาะเต่าพ้อกลายเป็นจำเลยสังคม วอนแหม่มสาวกลับมาให้การเพื่อคลี่คลายคดี

เกาะเต่า / วันที่ 29 ส.ค. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความคืบหน้านักท่องเที่ยวถูกข่มขืนที่เกาะเต่าจังหวัด จ.สุราษฎร์ธานี ภายหลังให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ท่องเที่ยว ไปสืบหาข้อเท็จจริงว่า เบื้องต้นทาง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ยังไม่ได้รายงานความคืบหน้า ซึ่งอยู่ระหว่างการหาข้อเท็จจริง ว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องโอละพ่อ หรือเป็นเรื่องจริงที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมรับแจ้งความ ขณะนี้กำลังสอบสวนอยู่ แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า หากเป็นการสร้างเรื่องเราก็มีกระบวนการดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาวให้เกาะเต่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยนั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการดูแลอยู่แล้ว แต่ยอมรับว่าพื้นที่ดังกล่าวมีคนเป็นจำนวนมาก จึงต้องใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นจำนวนมากในการดูแล ซึ่งที่ผ่านมายอมรับว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นหลายครั้งก็ต้องระมัด ระวัง เรื่องนี้เราไม่รู้ว่าจริงเท็จอย่างไร” พล.อ. ประวิตรกล่าว

ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.วิชอบ เกิดเกลี้ยง รองผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน เปิดเผยว่า สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่เก็บข้อมูลรายละเอียดในสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของเอกชนทุกจุด รวมถึงร้านรับจำนำโทรศัพท์มือถือในพื้นที่เกาะเต่า เกาะพะงัน และใน จ.สุราษฎร์ธานี ว่ามีบุคคลใดที่นำโทรศัพท์มือถือไอโฟน 7 พลัส สีดำ ที่ตรงกับทรัพย์สินของแหม่มอังกฤษ มาจำนำหรือขายหรือไม่ ขณะนี้ที่ทีมสอบสวน สอบพยานบุคคลไปแล้ว 10 ปาก

พ.ต.อ.วิชอบเปิดเผยอีกว่า หลังจากที่เดินย้อนรอยจำลองเหตุการณ์ตามเส้นทางการเดินทางของนักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษ และอ้างว่าถูกชายแปลกหน้าชาวเอเชียมอมยาและข่มขืนที่หาดทรายรี ช่วงกลางดึกของคืนที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ได้เก็บข้อมูล ดูสภาพแวดล้อม แสงสว่าง พร้อมเช็กกล้องซีซีทีวี ตั้งแต่บนถนนเลียบชายหาดและในชายหาดเพื่อนำข้อมูลไปประกอบในสำนวนสอบสวน และยังได้สอบถามพนักงานดูแลความปลอดภัยชาวเมียนมาก็บอกว่าไม่มีเหตุการณ์ หรือสิ่งผิดปกติ ในช่วงวันและเวลา ในเดือนดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากคำให้การตามที่น.ส.ภัทรา แจ้มตระกูล เจ้าของไฮฟ์โฮสเทล พยานมาให้การว่า พบเห็นแหม่มสาวร้องไห้อยู่ที่โรงแรมจึงได้เข้าไปสอบถามก็บอกว่าเสียใจที่ได้ไปมีความสัมพันธ์กับนายมาร์ติน ซึ่งเป็น 1 ใน 4 ของเพื่อนชายที่เดินทางมาเที่ยวด้วยกันรวม 5 คน และพักอยู่ห้องเดียวกัน เพราะตนเองมีแฟนอยู่แล้ว และวันที่ 27 มิ.ย. แหม่มสาวจะเดินทางไปหาแฟนหนุ่มที่เกาะพะงันที่นัดไว้จะไปเที่ยวงาน ฟูลมูนปาร์ตี้ แต่นายมาร์ตินตามไปด้วยและยังเป็นผู้พาผู้เสียหายไปแจ้งความทรัพย์สินหายที่สภ.เกาะพะงัน และมาทราบภายหลังอีกว่านายมาร์ตินไปมีเรื่องชกต่อยกับแฟนหนุ่มของแหม่มสาวอีกด้วย ในเรื่องนี้ทำให้มีการตั้งข้อพิรุธของเหตุการณ์นักท่องเที่ยวถูกข่มขืนนี้อยู่ 5 ข้อคือ 1.ขณะเกิดเหตุนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน 2.ใกล้จุดเกิดเหตุที่มีชุดสายตรวจสภ.เกาะเต่า 3.ไม่แจ้งความวันเกิดเหตุ 4.หลังเกิดเหตุไปเที่ยวต่อ 5.แจ้งความแค่ ของหาย

นายโกศล พงศ์ผดุงเกียรติ ผู้ประกอบการโรงแรมบนเกาะเต่า กล่าวว่า ข่าวที่ออกกระทบต่อภาพลักษณ์ของเกาะเต่า เป็นการที่ไม่ให้ความยุติธรรมสำหรับคนเกาะเต่า คนดีๆ ที่เขาอยู่มีเยอะแยะไปหมด ภาพที่เชิงลบออกมาทำให้การท่องเที่ยวกระทบอย่างแน่นอน การที่สื่อต่างประเทศนำเสนอข่าวเป็นด้านเดียวไม่เป็นธรรม ข่าวที่ออกไปไม่สอบถามชาวบ้าน ไม่สอบถามผู้ประกอบการ และไม่สอบถามเจ้าหน้าที่รัฐผู้มีอำนาจดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว บางทีข่าวออกไปด้านเดียวสื่อที่ไม่รู้ก็หยิบยกไปนำเสนอทั้งหมดต่อๆ กัน ชนิดที่เรียกว่าถล่มกันอย่างเมามันในเรื่องของข่าวที่ไม่ให้ความยุติธรรม

“ตอนนี้ทางเกาะเต่าอยากให้แหม่มอังกฤษผู้เสียหายมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย เพื่อไขความกระจ่างไขความจริงว่าเหตุที่เกิดจริงๆ ตรงไหนอย่างไร และลำดับเหตุการณ์ต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่ได้พิสูจน์ให้เห็นข้อเท็จจริง ความจริงให้กระจ่าง” นายโกศล กล่าว

รายงานแจ้งว่า นายมาร์ติน อายุ 20 ปี สัญชาติอังกฤษ เดินทางกลับเข้ามาประเทศ ไทยอีกครั้งเมื่อวันที่ 16 ก.ค. 61 ทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และเดินทางออกประเทศไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.61 ทางด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบิน กาตาร์แอร์เวย์ เที่ยวบิน QR837 ปลายทางเมืองโดฮา ประเทศกาตาร์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน