ผวจ.ประจวบฯ ทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ หลังวัดดัง ตัดต้นโพธิ์ ซึ่งรัชกาลที่ 9 ทรงปลูกบนยอดเขาช่องกระจกเมื่อ 60 ปีก่อน เพราะเข้าใจผิดว่ายืนต้นตาย จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เผยก่อนหน้านี้ทำเรื่องขอผู้เชี่ยวชาญจากกรมให้มาตรวจสอบแล้ว

กำหนดสิ้นเดือนแต่มาถูกตัดก่อน เบื้องต้นนักวิชาการชี้ระบบรากยังสมบูรณ์ มีความหวังที่จะฟื้นฟูอีกครั้งเหมือนต้นศรีตรังทรงปลูกที่ศิริราช ล่าสุดพบต้นอ่อนขึ้นข้างตอที่ถูกตัด เร่งตรวจดีเอ็นเอว่าแตกหน่อจากต้นเดิมหรือไม่

ตัดต้นโพธิ์ / เมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายพัลลภ สิงหเสนี ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมนายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร ปลัดจังหวัด, นายนิทัศน์ จันทร์ทอง ผอ.ส่วนทรัพยากรธรรมชาติ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนางชนิษฐา จันทโชติ หัวหน้าสถานีวนวัฒนวิจัยประจวบคีรีขันธ์ ร่วมประชุมที่ศาลากลางจังหวัดประจวบคีรี ขันธ์ เพื่อวางแนวทางแก้ไขและฟื้นฟูต้นพระศรีมหาโพธิ์ทรงปลูกบนยอดเขาช่องกระจก

ต้นพระศรีมหาโพธิ์ดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงปลูกครั้งเสด็จขึ้นเขาช่องกระจก เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2501 ภายหลังพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นหน่อเดิมจากต้นพระศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ถูกพระราชสุทธิโมลี เจ้าอาวาสวัดธรรมมิการามวรวิหาร ได้ตัดลงเนื่องจากเข้าใจผิดว่ายืนต้นตาย จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และถือเป็นเรื่องที่สะเทือนใจชาวประจวบคีรีขันธ์อย่างยิ่ง

นายพัลลภเปิดเผยว่า หลังรับรายงานว่า มีการตัดต้นพระศรีมหาโพธิ์ จึงมอบหมายนักวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขึ้นไปตรวจสอบ ล่าสุดได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ โดยมีนายสมพรเป็นประธาน ทางจังหวัดจะสรุปข้อเท็จจริงกรณีต้นพระศรีมหาโพธิ์บนเขาช่องกระจกถูกตัดโค่น นำส่งข้อเท็จจริงเสนอ รมว.มหาดไทย เพื่อนำเสนอสำนักพระราชวังนำความขึ้นกราบบังคมทูลทรงทราบ และขอพระราชทานอภัยโทษตามลำดับ

นายพัลลภกล่าวว่า เมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดได้ขึ้นเขาช่องกระจก มีโอกาสเห็นต้นพระศรีมหาโพธิ์อย่างใกล้ชิด พบว่าลำต้นมีขนาดประมาณ 60 ซ.ม. สูง 5-6 ม. มีอาการใบร่วง กิ่งแห้ง แต่ยังผลิใบอ่อน ประกอบลิงแสมบนยอดเขาช่องกระจกกินยอดและเขย่าใบ อาจกระทบกระเทือนจนเสื่อมโทรม จึงขอสนับสนุนทีมหมอต้นไม้จากสำนักโครงการพระราชดำริและกิจการพิเศษ เพื่อมาดูแลฟื้นฟูบำรุงต้นพระศรีมหาโพธิ์ ต้นไม้ทรงปลูก หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมตรวจสอบและมีหนังสือตอบกลับว่าจะส่งทีมเจ้าหน้าที่มาดูแลในปลายเดือนส.ค. แต่พบว่า เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ทางวัดธรรมมิการามตัดทอนกิ่งและตัดโค่นต้นพระศรีมหาโพธิ์ เนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่ายืนต้นตายแล้ว ซึ่งทางเจ้าอาวาสได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายพัลลภกล่าวอีกว่า หลังประชุมร่วมกับนักวิชาการเฉพาะทางด้านต้นไม้พบว่า ยังมีความหวังเนื่องจากระบบรากยังมีความแข็งแรงอยู่ แต่ต้องเร่งทำนุบำรุงและใส่ปุ๋ยเร่งการเจริญเติบโตให้แตกต้นอ่อนใหม่ พร้อมดำเนินการเพาะเนื้อเยื่อควบคู่กันไปด้วย หากมีต้นอ่อนแตกใหม่ทางจังหวัดจะจัดพิธีทำบุญใหญ่เพื่อความเป็นสิริมงคล ให้ประชาชนร่วมทำบุญเพื่อสร้างขวัญและ กำลังใจให้กลับคืนมา เนื่องจากต้นพระศรี มหาโพธิ์ทรงปลูกต้นนี้มีความผูกพันกับประชาชนชาวประจวบฯเป็นอย่างมาก ส่วนกิ่งไม้และลำต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ถูกตัดลงมาแล้ว ขณะนี้นับได้ 9 ท่อน เบื้องต้นเก็บรักษาไว้ภายในศาลาจตุรมุขบนยอดเขา จากนั้นจะทำพิธีเชิญลงมาเก็บรักษาที่สถานีวนวัฒนวิจัยประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเตรียมเพาะเนื้อเยื่อตามลำดับ

ด้านนางชนิษฐา จันทโชติ หัวหน้าสถานีวนวัฒนวิจัยประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ส่วนรากของต้นยังมีความแข็งแรงอยู่ส่วนหนึ่ง จึงเป็นความหวังว่าจะมีต้นอ่อนแตกยอดจากส่วนราก จากนี้จะดำเนินการเปลี่ยนดิน ใส่ปุ๋ย พร้อมทั้งฉีดฮอร์โมนเพื่อปรับสภาพ และติดตามการเจริญเติบโตของต้นอ่อนที่จะเกิดใหม่อย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน จึงจะทราบผล ก่อนหน้านี้เคยมีการฟื้นฟูต้นศรีตรัง ทรงปลูกที่โรงพยาบาลศิริราช ที่พบว่าเหี่ยวเฉา ทิ้งใบ จนฟื้นฟูกลับมาผลิใบได้อีกครั้ง จึงมีความหวังว่าต้นพระศรีมหาโพธิ์บนยอดเขาช่องกระจกจะมีโอกาสฟื้นกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากต้นโพธิ์เป็นต้นไม้ที่แข็งแรง ปลูกเพาะง่าย ตระกูลเดียวกับต้นไทร ไกร กร่าง การขยายพันธุ์ทำได้ด้วยการเพาะเมล็ดและปักชำ








Advertisement

ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน คณะที่ประชุมทั้งหมดร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพของตอต้นพระศรีมหาโพธิ์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สถานีวนวัฒนวิจัยประจวบคีรีขันธ์ ได้ใส่น้ำยาป้องกันเชื้อราที่มีสีชมพูที่บริเวณตอและราก ใส่ฮอร์โมนบำรุงรากและได้ขุดดินเก่าส่วนใหญ่ออกเพื่อเตรียมใส่ดินใหม่ เป็นดินปนทรายที่มีการฆ่าเชื้อราเรียบร้อยแล้วทดแทนดินเดิม แต่ยังไม่เคลื่อนย้ายตอต้นพระศรีมหาโพธิ์ออก เพื่อรอนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญจากกรมป่าไม้มาตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง

คาดว่าจะย้ายตอต้นพระศรีมหาโพธิ์หลังจากให้นักวิชาการได้ตรวจสอบอย่างละเอียดในวันที่ 31 ส.ค. เบื้องต้นประเมินว่าต้องใช้เจ้าหน้าที่แบกลงมาจากยอดเขาไม่น้อยกว่า 6 คน โดยจะมีการประกอบพิธีเชิญตอไม้เพื่อเคลื่อนย้ายไปไว้ที่สถานีวนวัฒนวิจัยประจวบคีรีขันธ์ ให้เจ้าหน้าที่บำรุงรักษาและฟื้นฟู รวมถึงเพาะเนื้อเยื่อต้นอ่อน นอกจากนี้ยังมีกิ่งและลำต้นของต้นพระศรีมหาโพธิ์ อีก 10 ท่อน กับ 1 ราก จะเคลื่อนย้ายนำไปเก็บรักษาไว้ที่กองร้อยรักษาดินแดน โดยทำทะเบียนประวัติบันทึกรูปภาพ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ อส.เฝ้าเวรยามตลอด 24 ชั่วโมง

รายงานข่าวแจ้งว่า การตรวจสอบบริเวณตอต้นพระศรีมหาโพธิ์ ยังพบต้นอ่อนของต้นโพธิ์ขึ้นอยู่ใกล้เคียงกับต้นพระศรีมหาโพธิ์ 2 ต้น ขนาด 15 ซ.ม. และขนาด 2 ซ.ม. แต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นต้นอ่อนของพระศรีมหาโพธิ์หรือไม่ เจ้าหน้าที่ระบุว่า น่าจะเกิดจากเมล็ดพันธุ์ ส่วนจะยืนยันว่าใช่หรือไม่จะต้องตรวจสอบดีเอ็นเอ ด้วยการนำใบของต้นอ่อนไปตรวจสอบกับเนื้อเยื่อของต้นเดิม ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งความหวังสำคัญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน