“บิ๊กโจ๊ก” แจงกงสุลอังกฤษ สรุป คดีแหม่มถูกข่มขืน ที่เกาะเต่า ยันไม่มีเหตุมอมยาข่มขืนแหม่ม สาวอังกฤษ ระบุเหตุการณ์ที่กล่าวอ้างเป็นช่วงน้ำขึ้นสูงถึงฝั่ง หากอุ้มเหยื่อไปที่โขดหินจริง ก็ต้องเดินฝ่าน้ำ น่าจะมีพยานรู้เห็น

จึงเชื่อไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมประสานอังกฤษขอคำให้การเหยื่อสาวที่เคยให้ไว้มาประกอบการพิจารณา หากไม่สะดวก พร้อมบินไปอังกฤษสอบผู้เสียหายเอง เตรียมออกหมายจับ 2 เพจดังตีข่าวให้เสื่อมเสีย

คดีแหม่มถูกข่มขืน / เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีหญิงสาวอายุ 19 ปี นักท่องเที่ยวสัญชาติอังกฤษ อ้างว่าถูกชายแปลกหน้าวางยาจนไม่รู้สึกตัวเเละถูกข่มขืน หลังจากนั่งดื่มที่บาร์แห่งหนึ่งที่หาดทรายรี ต.เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน ช่วงคืนวันที่ 25 มิ.ย. ว่า บช.ภาค 8 ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยให้ทราบผลภายใน 7 วัน เหลืออีกไม่กี่วันก็จะทราบแล้ว ขอให้อดใจรอเสียก่อน สำหรับทิศทางการสืบสวนสอบสวน เบื้องต้นสอบพยานแวดล้อมไปแล้วกว่า 20 ปาก ได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบช.ทท. ชุดสืบสวนที่ลงไปตรวจสอบเรื่องนี้เป็นระยะ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด

ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า เพราะยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ส่วนการติดต่อหญิงสาว และครอบครัว ที่อ้างว่าเป็นผู้เสียหายผ่านทางสถานทูตอังกฤษ เป็นการขอข้อมูล ถ้ามาให้ข้อมูลได้ก็เป็นเรื่องที่ดี ส่วนแนวโน้มหรือทิศทางการสืบสวนสอบสวนจะเป็นไปในลักษณะโอละพ่อ กุเรื่อง ตามที่มีกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์หรือไม่นั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ยังไม่สามารถบอกได้ ต้องรอผลตรวจสอบเช่นกัน แต่ถ้าตรวจสอบแล้วพบว่ามีการ กุเรื่อง สร้างความเสียหาย ก็ต้องพิจารณาดำเนินคดี เกิดเรื่องแบบนี้ประเทศไทยเสียหายอยู่แล้ว ก็ต้องพิสูจน์กัน ตำรวจทำเต็มที่

ที่สถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ พล.ต.ต. ปรีดี พงศ์เศรษฐสันต์ รองผบช.สพฐ. พ.ต.อ. อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2 พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ รองผกก.สายตรวจ บก.สปพ. และตำรวจกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เดินทางเข้าพบนายพอล เคย์ กงสุลใหญ่ประจำสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เพื่อนำรายงานข้อเท็จจริงชี้แจงกรณีนักท่องเที่ยวสาวชาวอังกฤษปรากฏเป็นข่าวว่าถูกข่มขืน โดยใช้เวลาหารือกว่า 1 ชั่วโมง

หลังการเข้าพบพล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การตรวจสอบตามคำสั่งของผบ.ตร. ถือว่าจบสมบูรณ์แบบ สามารถยืนยันได้ว่า จากร่องรอยวัตถุพยาน การสอบปากคำพยาน และการจำลองเหตุการณ์เสมือนจริงตามสภาพแวดล้อม รวมทั้งตรวจสอบในที่เกิดเหตุเพื่อหาพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ตามรายละเอียดที่ทางผู้เสียหายระบุว่า รู้สึกเหมือนถูกมอมยาอยู่ที่ร้านลีโอ บาร์ ถูกอุ้มมาข่มขืนที่บริเวณลานหินจปร. โดยจุดดังกล่าวมีระยะห่าง 300 เมตร เราจำลองเหตุการณ์เสมือนจริง มีการตรวจสอบน้ำขึ้นน้ำลง ปรากฏว่าคืนวันเกิดเหตุเป็นวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 8 มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ซึ่งทางผู้เสียหายอ้างว่าได้นั่งดื่มกินอยู่ที่ ริมหาด แต่จากการสอบปากคำพยาน ตรวจสอบระดับน้ำขึ้นลงพบว่า ห้วงเวลาดังกล่าวระดับน้ำสูงขึ้นมาจนถึงฝั่ง ไม่มีใครสามารถนั่งดื่มที่บริเวณนั้นได้

หากเป็นไปตามที่ผู้เสียหายอ้างว่ามีการอุ้มไปที่โขดหินจปร.จริง ก็ต้องเป็นการอุ้มไปในน้ำ ซึ่งถ้าเดินในน้ำถือว่าผิดปกติเป็นอย่างมากถ้าเทียบกับสถานการณ์ขณะนั้น เนื่องจากในวันดังกล่าวมีประชาชนนักท่องเที่ยวอยู่บริเวณดังกล่าวจำนวนมาก การเดินไปยังจุดเกิดเหตุจะต้องเดินลุยน้ำทะเลไปยังโขดหินซึ่งจะเป็นจุดสนใจ และมีการตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยบริเวณริมชายหาดจึงไม่สามารถที่จะเป็นไปตามคำกล่าวอ้างนั้นได้ จึงทำให้สามารถสรุปได้ว่า ไม่มีการวางยาและการข่มขืนเกิดขึ้น

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังสอดรับกับทางกงสุลใหญ่ที่ระบุว่าหลังเกิดเหตุไม่ได้มีการรับแจ้งเหตุจากผู้เสียหายแต่อย่างใด มีเพียงแค่ผู้เสียหายเดินทางกลับไปให้ข้อมูลกับทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของประเทศอังกฤษ ซึ่งการที่เรานำข้อมูลเป็นรายงานนำเสนอต่อทางกงสุลใหญ่ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าทางการไทยไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เรามีความตั้งใจจริง และไม่ตำหนิฝ่ายใดทั้งสิ้น สิ่งที่เราทำก็คือการทำความจริงให้ปรากฏ ทำให้สถานทูตอังกฤษเห็นถึงความตั้งใจจริงของทางการไทยที่จะค้นหาความจริง

หลังจากนี้ทางสถานทูตอังกฤษจะประสานงานไปทางประเทศอังกฤษเพื่อที่จะขอคำให้การของผู้เสียหายที่เดินทางไปให้ปากคำกับทางตำรวจอังกฤษ รวมทั้งขอร่องรอยวัตถุพยาน เช่น เสื้อผ้าที่มีคราบอสุจิติดอยู่ที่ทางผู้เสียหายให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ ส่งกลับมาให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานดำเนินการตรวจสอบต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาอย่างเร็วที่สุดภายใน 1 เดือน ก่อนที่จะแจ้งทางสถานทูตอีกครั้ง

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า แม่ของผู้เสียหายไม่ใช่พยานบุคคล หรือวัตถุพยาน การแจ้งความต้องให้ทางผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความที่ประเทศไทยเท่านั้น ทั้งนี้ได้ขอให้สถานทูตติดต่อผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ และส่งหลักฐานให้ทางการไทยตรวจสอบโดยเร็ว เนื่องจากคดีนี้จะหมดอายุความในอีก 1 เดือนข้างหน้า หากพบว่ามีหลักฐานที่ส่งมาปรากฏว่ามีการข่มขืนจริง ก็ต้องสอบปากคำในฐานะผู้เสียหาย ซึ่งทางพล.ต.อ.จักรทิพย์ สั่งการให้เตรียมความพร้อมในการเดินทางไปสอบปากคำที่ประเทศอังกฤษ หากในกรณีที่ผู้เสียหายไม่สะดวกเดินทางมา อย่างไรก็ตามวันนี้สถานทูตได้กล่าวชมเชยตำรวจไทยที่ไม่นิ่งนอนใจ ขนาดยังไม่มีผู้เสียหายก็ยังดำเนินการตรวจสอบให้ แสดงถึงความตั้งใจจริง ซึ่งวันนี้เราทำเพื่อให้ความจริงปรากฏและไม่ให้สังคมเกิดความสับสน

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า ส่วนที่พนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความนั้น จากการตรวจสอบไม่มีการแจ้งข่มขืน มีแต่การแจ้งเรื่องทรัพย์สินสูญหาย ยืนยันว่าเราจะไม่ปกป้องเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่ในการทำงานวันนี้ของเรา มีจุดมุ่งหมายเดียวคือการแสวงหาความเป็นจริงเพื่อปกป้องชื่อเสียงของประเทศไทย ปกป้องชื่อเสียงของแหล่งท่องเที่ยวของไทย ส่วนกรณีที่ระบุว่าแม่ของผู้เสียหายจะเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีนั้น ทางแม่ของผู้เสียหายนั้นไม่ใช่พยานบุคคลที่สำคัญจึงไม่มีผลต่อรูปคดี

รองผบช.ทท. กล่าวว่า จากนี้จะออกหมายจับเจ้าของเพจ 2 เพจ คือเพจสมุยไทม์ และเพจ CSI LA ที่โพสต์ข้อความ เหตุการณ์ดังกล่าวจนสร้างความเสื่อมเสียทางด้านการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้สามารถพิสูจน์ตัวตนของเจ้าของเพจได้แล้ว คาดว่าน่าจะออกหมายจับได้ในข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ รวมทั้งคนแชร์ข้อมูล ก็มีความผิดด้วย ก็จะออกหมายเรียกเข้ามาให้ข้อมูล

นอกจากนี้พบการแจ้งความเท็จของชาวต่างชาติทำให้เกิดความเสื่อมเสียทางด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย รวม 4 คดี ในพื้นที่ จ.กระบี่ เกาะสมุย และเกาะเต่า ซึ่งทางตำรวจพิสูจน์ข้อเท็จจริงเป็นที่แน่ชัดว่าไม่มีเหตุจริงตามกล่าวอ้าง จึงดำเนินคดีไปตามขั้นตอน ในฐานความผิดแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ก่อนยกเลิกวีซ่าขึ้นแบล็กลิสต์ถาวรไปแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน