โปรดเกล้าฯ โผทหาร แต่งตั้ง 935 นายทหาร “บิ๊กแดง”ผบ.ทบ.”บิ๊กณัฐ”ปลัดกลาโหม “พรพิพัฒน์”ผบ.สูงสุด “ลือชัย”ผบ.ทร. “บิ๊กต่าย”ผบ.ทอ. พรรคประชาชาติเปิดตัวสุดคึก เลือก”วันนอร์”นั่งหัวหน้า “บังยี”รองหัวหน้า “ทวี สอดส่อง” เลขาฯ พรรค ชูจุดยืนพรรคของทุกชาติพันธุ์

ปชป.ใต้เสียงอ่อยเรื่องย้ายพรรค บอกขึ้นอยู่กับชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อไทยจี้ตรวจสอบ “พปชร.” มีหลักฐานร่วมแจกของกับทหาร-ผวจ.อุบลฯ แฉอีกโคราชขอสำเนาบัตร”อสม.” อ้างใช้รับเงินสวัสดิการแห่งรัฐ-สมัครสมาชิกพรรคหนุนบิ๊กตู่

บิ๊กตู่สั่งรวมคำสั่งม.44ทำกม.ถาวร
วันที่ 1 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการรวบรวมประกาศและคำสั่งของหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 ทั้งหมด เพื่อเตรียมพิจารณายกเลิกหรือออกเป็นกฎหมาย ว่า ขณะนี้กำลังไล่ทำอยู่ ตนได้ให้หลักเกณฑ์แก่เจ้าหน้าที่เป็นคนทำแล้ว

เมื่อถามว่าจะมีการควบรวมหรือยกเลิกหรือไม่นั้น นายวิษณุกล่าวว่า มีทุกรูปแบบ นายกฯปรารภในที่ประชุมคสช.เมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมาว่าให้เตรียมเรื่องนี้ไว้ และยังบอกอีกว่าบางเรื่องให้เข้าสู่ระบบทำให้เป็นกฎหมายถาวร นายกฯยังไม่ได้ขีดเส้นว่าให้เหลือประกาศและคำสั่งหัวหน้าคสช.ตามมาตรา 44 ไว้เท่าใด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องทำเรื่องเสนอไปก่อน

“มาตรา 44 เหลือเท่าที่จำเป็น เมื่อเข้าสู่ระบอบการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยปกติ อะไรที่เลิกได้ก่อนเราก็เลิก อะไรที่ควบรวมให้เหลือน้อยลงก็จะทำ หรืออะไรที่ทำแล้วหมดอายุไปแล้วก็ไม่ต้องไปยุ่ง ให้เป็นคำสั่งอยู่อย่างนั้นแต่ไม่นำกลับมาใช้แล้ว เช่น การแต่งตั้งโยกย้าย ยืนยันว่าต้องทำให้เสร็จก่อนรัฐบาลนี้จบ เพราะถ้ารัฐบาลจบไปแล้วจะกลับมาทำไม่ได้ และผมก็ยังไม่ทราบว่าเหลืออีกเยอะหรือไม่ เพราะเห็นว่าทุกวันนี้ก็ยังออกอยู่เลย” นายวิษณุกล่าว

ห้ามหาเสียงโซเชี่ยล-ฝืนโลกไม่ได้
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เตือนพรรคการเมืองห้ามหาเสียงและโฆษณาชวนเชื่อ ในช่วงคสช.จะคลายล็อกในเดือนก.ย.นี้ว่า ที่ผ่านมาโซเชี่ยลมีเดีย ไม่ว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆในโลก มีปัญหาเรื่องการจงใจบิดเบือน ใส่ร้ายสร้างความตื่นตระหนก หากอยู่ในช่วงมีกฤษฎีกาการเลือกตั้งก็จะมีผลต่อบุคคลหรือพรรคที่ถูกใส่ร้ายอย่างรุนแรง แก้ได้ยาก แต่โซเชี่ยลมีเดียก็มีข้อดีมากมาย ราคาค่าใช้จ่ายไม่มาก พรรคประหยัดงบประมาณ

ดังนั้นคสช.หรือรัฐบาลจะห้ามใช้โซเชี่ยลมีเดียหาเสียงคงจะฝืนกระแสโลกไม่ได้ อยู่ที่การบริหารจัดการอย่างไรให้เกิดประโยชน์ในการใช้ ต้องหาทางป้องกันข่าวปลอมข่าวปล่อย อาทิ กกต. ตำรวจ กระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ต้องออกแบบหน่วยงานให้มีประสิทธิภาพ หาบุคลากรที่เข้มแข็งมาจัดการเรื่องนี้โดยเฉพาะอย่างทันท่วงที มิฉะนั้นแล้วการเลือกตั้งจะไม่บริสุทธิ์เที่ยงธรรมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งคนที่ตกหนักที่สุดก็คือทหารจะถูกกระหน่ำจากโซเชี่ยลมีเดีย เพราะความจริงถึงไม่ตัดต่อก็มีมุมมีประเด็นที่อาจถูกถล่มได้อยู่แล้ว

“การจัดตั้งหน่วยงานที่สามารถสกัดโซเชี่ยล มีเดียปลอมและติดตามโซเชี่ยลมีเดียที่ไม่ถูกต้อง พร้อมทั้งมีอำนาจระงับหรือประสานกับต่างประเทศเพื่อระงับยับยั้งได้ หน่วยงานดังกล่าวจะต้องมีความเป็นกลาง เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายไม่ใช่สกัดบางพรรคแล้วไม่สกัดพรรคที่สนับสนุนตนเองก็จะไม่สง่างาม และต้องใช้กับทุกพรรคการเมือง ไม่เลือกปฏิบัติ ขอย้ำว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปข่าวปล่อยข่าวลือจะเกิดขึ้นเป็นระยะ” นายวิรัตน์กล่าว

ชี้กระทบทุกพรรค
นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีรัฐบาลคสช.เตรียมหามาตรการคุมเข้มการหาเสียงผ่านโซเชี่ยลมีเดียว่า เชื่อว่า หากมีมาตรการกรณีนี้ออกมาทุกพรรคทั้งเก่าและใหม่คงมีผลกระทบกันถ้วนหน้า แต่ก่อนที่จะมีมาตรการออกมาอยากขอความชัดเจนว่าการหาเสียงทางโซเชี่ยลมีเดียคืออะไร เพราะที่ผ่านมากิจกรรมต่างๆ เช่น การลงพื้นที่ พบปะชาวบ้าน หรือแม้แต่ตนที่ร่วมทำกิจกรรมกับมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส แจกทุกการศึกษาแก่นักเรียนผู้ยากไร้มาเป็น 10 ปีแล้ว ก็นำรูปมาโพสต์บอกกล่าวกับแฟนเพจได้ทราบทุกครั้ง สิ่งเหล่านี้เป็นการสื่อสารไปในสาธารณะ แม้ขณะนี้คสช.จะยังไม่อนุญาตแต่เมื่อถึงวันที่มีการคลายล็อกให้เราก็ไม่สามารถจำกัดให้แค่เฉพาะสมาชิกพรรคเท่านั้นที่สามารถติดตามเรา

“โลกโซเชี่ยลเป็นอะไรที่ซับซ้อน การ กลั่นแกล้งกันในโลกออนไลน์บางกรณีที่ผ่านมาต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ความจริงนาน บางกรณีพิสูจน์ไม่ได้ เพราะอาจโพสต์มาจากภายนอกประเทศ ดังนั้น การจำกัดการใช้ช่องทางนี้จึงต้องพิจารณาถึงความเป็นไปในโลกออนไลน์ด้วย” นายวราวุธกล่าว และว่า สำหรับพรรคการเมืองหากมองในแง่ดีถือเป็นช่องทางที่ประหยัดแต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะถ้ามีการเพิ่มยอดแฟนเพจก็ต้องเสียเงินเพิ่ม จึงอยากขอความชัดเจนว่าสิ่งเหล่านี้ต้องนำมาคิดคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายของพรรคหรือไม่

พท.แฉพิรุธในพื้นที่โคราช
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรืออสม.ในพื้นที่จ.นครราชสีมา แจ้งเบาะแสมาที่พรรคเพื่อไทยจำนวนมากว่าขณะนี้ในพื้นที่จ.นครราชสีมามีการรวบรวมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ที่แน่ชัด อ้างว่าจะนำไปใช้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเครือข่ายสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้ง บางพื้นที่บอกว่าจะเอาไปเป็นหลักฐานการจ่ายเงินค่าตอบแทน รวมถึงนำไปเป็นหลักฐานการรับเงินในโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ จึงอยากให้ กกต.เข้าไปตรวจสอบกรณีนี้ ซึ่งเกิดเหมือนๆกันในหลายพื้นที่ของจ.นครราชสีมา ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่เข้าข่ายผิดกฎหมายโดยเลือกลงมือในช่วงก่อนพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ ขอให้ตรวจสอบว่ามีเครือข่ายว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ว่าที่ผู้สมัครนายกอบจ.นครราชสีมา ร่วมขับเคลื่อนดำเนินการเรื่องนี้หรือทำกันอย่างเป็นกระบวนการหรือไม่

“สมคิด”มีหลักฐาน-แฉพปชร.
นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนายชวน ชูจันทร์ ผู้จดจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ท้าให้นำหลักฐานคนของพปชร.ไปร่วมแจกของกับทหารและผู้ว่าฯอุบลฯมาเปิดเผย ว่า หลักฐานมีทั้งภาพถ่ายและคลิปวิดีโอตามที่ปรากฏเป็นข่าว แต่นายชวน ไม่ทราบว่าคนเหล่านั้นคือใคร เพราะนายชวนเป็นเพียงคนที่ยื่นจดจัดตั้งพรรคไม่ใช่คนที่เดินสายพูดคุยทาบทาม คนที่ไปแจกของกับทหารและผู้ว่าฯ คือคนเดียวกับที่ไปต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อครั้งเดินทางไปอุบลฯ โดยเป็นที่ทราบกันดีว่าจะเข้าร่วมงานกับพปชร.และที่ผ่านมามีพฤติกรรมเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ครั้งล่าสุดเป็นการกระทำอย่างประเจิดประเจ้อจึงต้องออกมาร้องเรียนผ่านสื่อ หวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกกต. และคสช.เข้าไปตรวจสอบ เพราะไม่ต้องการให้เอาของหลวงไปแจงประชาชนเพื่อหวังผลทางการเมือง

“อยากให้กระทรวงมหาดไทยตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย เราถูกเอาเปรียบทุกเรื่องแต่อย่าเอาเปรียบมากเกินไปจะได้หรือไม่ คณะนี้เคยไปต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์และข้าราชการ ทำเช่นนี้ถือว่าใช้อำนาจหน้าที่ที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ อยากให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลาง เพราะรถก็ของมทบ.22 ผบ.มทบ.22 ก็ลงไปทำเอง ไหนจะผู้ว่าฯอีก ถ้าหน่วยราชการไปทำเองแจกเองคงไม่เป็นไร แต่อย่าหนีบผู้ที่จะลงสมัครในนาม พปชร.ไปด้วย เรามีหลักฐานทั้งหมด ถ้าไม่เยอะไปเราคงไม่บ่น” นายสมคิดกล่าวและว่า การทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการโน้มน้าวประชาชนโดยใช้กลไลรัฐเป็นเครื่องมือ หน่วยงานต้นสังกัดควรตักเตือนหรือดำเนินการ เพราะเวลานี้เริ่มเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งแล้ว จึงไม่ควรสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบกัน

หลังก.ย.รู้-สามมิตรซบพรรคไหน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร กล่าวถึงความชัดเจนการเข้าร่วมกับสังกัดพรรคการเมืองของกลุ่มสามมิตรหลัง คสช.คลายล็อกว่า หลังจากเดือนก.ย.กระบวนการตั้งพรรคคงดำเนินการกันเรียบร้อยแล้ว กลุ่มสามมิตรก็น่าจะไปเข้าสังกัดพรรคด้วย ส่วนจะตัดสินใจไปสังกัดพรรคใดผู้ใหญ่ของกลุ่มได้พูดคุยกันมาโดยตลอดจึงคาดใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน ดังนั้นช่วงเวลาดังกล่าวจึงมีความชัดเจนว่ากลุ่มสามมิตรจะเปลี่ยนสถานะจากกลุ่มการเมืองไปเป็นพรรคหรือไม่

สำหรับการลงพื้นที่ของแกนนำกลุ่มสามมิตรเพื่อพบประชาชน ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และรัฐบาลได้เข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยล่าสุดมีประชาชนในจ.กำแพงเพชร พิษณุโลก นครสวรรค์ และจ.สุโขทัย ได้ประสานขอให้กลุ่มสามมิตรลงพื้นที่รับฟังปัญหา เพราะทราบว่านาย สมศักดิ์จะเดินทางไปชมการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญของสโมสรสุโขทัย เอฟซี ช่วงปลายสัปดาห์หน้า จึงอยากให้ใช้จังหวะนี้ไปพบปะประชาชนด้วย

“เรืองไกร”แย้งข้อมูลสตง.
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ชี้แจงผลขาดทุนของโครงการรับ จำนำข้าว โดยอ้างมติครม. 29 มี.ค.2555 อนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการปิดบัญชีเพื่อปิดบัญชีโครงการหลังครบกำหนดไถ่ถอนหรือสิ้นสุดระยะเวลาโครงการ และปิดบัญชีเป็นรายปีโดยให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วันสิ้นสุดรอบปีบัญชีว่า มติครม. 29 มี.ค.2555 เป็นการปิดบัญชีเฉพาะโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2555 เท่านั้น ต่อมามีคำสั่งคสช.ที่ 176/2557 ลงวันที่ 6 มิ.ย.2557 ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณาจัดทำบัญชีปริมาณข้าวคงเหลือของรัฐ ทั้งปริมาณการรับ-จ่ายแยกตามชนิดข้าว และคำสั่งกบข.ที่ 2/2557 เรื่องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกที่ผ่านมาของรัฐบาล ลงวันที่ 9 ส.ค. 2557 และผู้ว่าฯสตง.เคยเบิกความไว้ต่อศาลฎีกาวันที่ 15 ม.ค.2559 ระบุถึงคำสั่งกบข.ที่ 2/2557

หลังตนถามเรื่องขาดทุนจำนำข้าวก็มีหลายหน่วยงานออกมาโต้แย้งโดยอ้างข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนหรือขัดแย้งกันเอง เช่น กรมบัญชีกลางบอกว่า รัฐบาลมิได้ลงบัญชีเป็นรายโครงการ ซึ่งขัดกับคำเบิกความของนางสาว น. คณะทำงานปิดบัญชี ที่เบิกความไว้ว่าหลักการคิดผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าว จัดทำข้อมูลแยกเป็นรายโครงการ

ยื่นบิ๊กตู่อีก-บี้ปมขาดทุนข้าว
นอกจากนี้ในคำเบิกความของนางสาว น. ต่อศาลฎีกาเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2559 มีข้อสังเกตที่น่าสงสัยว่าทำไมผลขาดทุนของเปลือกนาปี ปี 55/56 ณ วันที่ 30 ก.ย. 2557 จึงน้อยกว่าผลขาดทุน ณ วันที่ 22 พ.ค. 2557 และปริมาณสต๊อกข้าวคงเหลือจึงมีมูลค่าลดลงมากผิดปกติจากวันที่ 22 พ.ค. 2557 จำนวน 19.22 ล้านตัน มูลค่า 494,608.15 ล้านบาท เหลือเพียง ณ วันที่ 30 ก.ย. 2557 จำนวน 17.56 ล้านตัน มูลค่า 197,349.98 ล้านบาท ช่วงเวลาแค่ 4 เดือนเศษ หรือประมาณ 130 วัน สต๊อกข้าวลดลง 1.66 ล้านตัน แต่มูลค่ากลับลดลงถึง 297,258.17 ล้านบาท

ที่หลายหน่วยงานของรัฐโต้แย้งตนโดยอ้างอิงผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวที่มาจากการปิดบัญชีของคณะทำงานที่มี นางสาว น. เป็นผู้จัดทำขึ้น ทำให้น่าเชื่อว่าหลายหน่วยงานของรัฐคงไม่ได้พิจารณารายละเอียดในคำเบิกความของนาวสาว น. ที่ระบุไว้ว่าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกไม่มีการจัดทำบัญชี การที่หน่วยงานของรัฐนำผลขาดทุนจากการปิดบัญชีของนางสาว น.มาใช้อ้างอิง จึงยังไม่น่าจะถูกต้อง ตนจึงต้องนำหลักฐานมาแสดงและนำข้อสังเกตที่ชวนสงสัยส่งถึงพล.อ.ประยุทธ์ เพื่อจะได้ทราบว่าผลขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวนั้น ไม่ได้มาจากการจัดทำบัญชีแต่อย่างใด และสตง. ก็ยังไม่เคยตรวจสอบรับรอง

ดังนั้น การออกคำสั่งของกระทรวงการคลังที่นายกฯให้ความเห็นชอบด้วย ได้อ้างเรื่องการขาดทุนเพื่อเรียกชดใช้ค่าเสียหายจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงน่าจะมาจากข้อมูลที่ยังไม่ได้ข้อยุติ ดังนั้นวันที่ 3 ก.ย.นี้ เวลา 10.00 น. ตนจะนำหลักฐานต่างๆไปยื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายกฯที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล

พรรคประชาชาติจัดประชุมเปิดตัว โดยสมาชิกโหวตเลือกนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นหัวหน้าพรรค

ประชาชาติเปิดตัวคึกคัก
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่หอประชุมอันนาวาวีย์ ชั้น 4 อาคารวิทยาลัยอิสลามนานาชาติ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี แกนนำพรรคประชาชาติ(ปช.) และสมาชิกของพรรคต่างเดินทางมาร่วมประชุมเปิดตัวและเลือกกรรมการบริหารพรรคอย่างคึกคัก นำโดย นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตรมว.มหาดไทยและประธานสภา นายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตเลขาธิการศอ.บต. พร้อมแกนจากกลุ่มวาดะห์ และอดีตส.ส. อดีตส.ว. อาทิ นายมุข สุไลมาน อดีตส.ว.ปัตตานี นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อดีตส.ส.นราธิวาส นายสุดิน ภูยุทธานนท์ อดีตส.ส.ปัตตานี นายนัจมุดดีน อูมา อดีตส.ส.นราธิวาส นายอนุมัติ ชูสารอ อดีตส.ส.ปัตตานี นายวรวิทย์ บารู อดีตส.ส.ปัตตานี นายนิมุคตาร์ วาบา อดีตส.ส.ปัตตานี และประชาชน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่สนใจเข้าร่วมสังเกตการณ์ประมาณ 1,000 คน

พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า การจัดตั้งพรรคประชาชาติได้รวมบุคคลที่มีความรู้ ประสบ การณ์ ทุกคนล้วนมีความภักดีต่อการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในความแตกต่างหลากหลายทั้งด้านประเพณี ภาษา ศาสนา วัฒนธรรม แต่มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกันและมีสิทธิเสรีภาพ เสมอภาคและมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ชื่อพรรคมี 3 พยางค์ มีประชาชนหลายภาคส่งมา ชื่อหนึ่งตรงกับความหมายว่าประชาชาติ เพราะมีความหมายหลายคำ ประชาชาติคือพลเมืองของประเทศ

เจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้งพรรคประชาชาติไม่ได้เป็นของกลุ่มใดหรือศาสนาใดแต่เป็นของทุกชาติพันธุ์ เหตุที่เลือกประชุมปัตตานี เราจะแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยไม่ใช่กรุงเทพฯ ทุกแห่งคือประเทศไทย อีกเหตุที่เลือกปัตตานีที่สำคัญคือเราจะแสดงให้เห็นว่าเราจะทำความรุ่งเรืองในภาคใต้อีกครั้ง เราจะทำเพื่อประชาชนและได้เอาความคิดของทุกคนมาใส่ไว้ในประกาศ 9 ข้อ ซึ่งไม่ลอกใครมาแต่มาจากการกลั่นกรองจากทุกคนและจัดทำเป็นนโยบาย ทุกตัวอักษร

วันนอร์ลั่นไม่แบ่งแยกชาติ
นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า เราถูกตัดโอกาสการเมืองมา 4 ปี ไร้สิทธิทางการเมือง 4 ปีได้อะไรบ้าง ที่เห็นคือเราได้ราคายาง 3 กิโลฯร้อย และได้ความยากจน 4 ปี ที่เราได้ระบบจากที่ไม่มีการเลือกตั้ง หลังจากรัฐธรรมนูญถูกทำลาย บ้านเมืองเกิดความสับสน มีการเกลียดชังแตกแยกไร้ความเมตตาธรรม ไม่นำพาความยุติธรรม ความเดือดร้อนแก่ประชาชน แม้รัฐบาลปัจจุบันพยายามออกข่าวทุกวันแต่ก็ทำไม่ได้ พระเจ้าจะไม่ช่วยเหลือผู้ใดถ้าเราไม่ช่วยเหลือตัวเอง เราจึงมาจัดตั้งพรรคการเมืองของเราเอง

เราขอร่วมประชาชนจัดตั้งพรรคประชาชาติ เพราะปัญหาหลักของประเทศคือการผูกขาดอำนาจปกครองประเทศ การศึกษา ศาสนา และผูกขาดประชาชน ถึงเวลาแล้วเราต้องกระจายการปกครองสู่ท้องถิ่นเพื่อการแก้ปัญหาลงท้องถิ่น บัดนี้ถึงเวลาแล้วพรรครัฐบาลของประชาชนให้เข้มแข็งเพื่อต่อรอง สร้างความสมดุล การตลาด การบริโภค ลดรายจ่าย มีสวัสดิการแก่ผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะการศึกษารัฐไม่ควรจำกัด แต่ต้องกระจายองค์ความรู้ใหม่เพื่อสร้างคนไร้ขีดจำกัด

“ในโลกนี้มีหลายศาสนา และสอนให้คนเป็นคนดี โลกนี้มีหลายภาษาและให้เชื่อมโยงกัน เราจะสร้างชาติพันธุ์ร่วมกันและนี่คือการสร้างพรรคของเรา” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว และว่า ชายแดนใต้เกิดความสูญเสียมานาน มีความหวาดระแวงกัน สถานการณ์อาจหยุดแต่สันติสุขยังไม่จบที่แท้จริง เราต้องทบทวนการสร้างบรรยากาศการอยู่ร่วมกันในพื้นที่ เพราะเราคือประชาชาติร่วมกัน ถึงเวลาแล้วที่ต้องคืนอำนาจให้ประชาชนและท้องถิ่น รัฐบาลกลางควรทำหน้าที่กำกับใช้กฎหมายป้องกันการปฏิวัติในอนาคต ประเทศต้องการความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ทุกคนทุกชาติพันธุ์ต้องช่วยกัน อย่าแบ่งชาติเพราะเป็นหน้าที่ของเราทุกคน จึงขอเชิญทุกท่านมาร่วมกันเป็นสมาชิกต่อพรรคประชาชาติของประเทศไทย “หลากหลายชาติพันธุ์ ร่วมสร้างสังคมสันติสุข”

เสียงเอกฉันท์”วันนอร์”หัวหน้า
ส่วนผลโหวตเลือกกรรมการบริหารพรรค ปรากฏว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้เป้นหัวหน้าพรรคด้วยคะแนนเอกฉันท์ 432 คะแนน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เป็นเลขาธิการพรรค ด้วยคะแนนสียง 418 คะแนน ส่วนรองหัวหน้าพรรค 7 คน ประกอบด้วย 1.นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ 406 คะแนน 2.นายวรวีร์ มะกูดี 418 คะแนน 3.นายนิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย หรือนายนิติภูมิ นวรัตน์ 416 คะแนน 4.ดร.วรวิทย์ บารู 414 คะแนน 5.พล.ต.ท. อนุรุต กฤษณะกรเกต 404 คะแนน 6.นาย นิมุขตา วาบา 406 คะแนน 7.ดร.ปราโมท แหลมทองคำ 405 คะแนน นายมุข สุไลมาน อดีต ส.ส.ปัตตานี เป็นเหรัญญิกพรรค ด้วยคะแนน 402 เสียง นายสุรพล นาควานิช เป็นนายทะเบียนสมาชิกพรรค 423 คะแนน

ปชป.ใต้-เสียงชักแปร่ง
นายอันวาร์ สาและ อดีตส.ส.ปัตตานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา แกนนำกลุ่มวาดะห์ ในฐานะประธานผู้ก่อตั้งพรรคประชาชาติ(ป.ช.) ตั้งเป้าว่าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มี 11 ที่นั่ง ป.ช.น่าจะได้เกินครึ่งว่า อยู่ที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ต้องดูตัวบุคคลที่ลงสมัครแต่ตอนนี้ยังไม่รู้ใครเป็นใคร เท่าที่เจอชาวบ้านในพื้นที่ก็ยังต้อนรับตนดี ซึ่งความสัมพันธ์ก็ยังดีอยู่ แต่การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าเปิดตัวและมีคนดีๆ เข้ามาก็เป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้เลือก เราจะได้เป็นส.ส.หรือไม่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือขอให้มีคนที่มีคุณภาพเข้ามา

เมื่อถามว่าทางกลุ่มวาดะห์มาจีบให้ไปร่วมงานด้วยหรือไม่ นายอันวาร์กล่าวว่า มีมาจีบทุกพรรคก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่จะให้เปลี่ยนหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่วาระส่วนตัว เมื่อถามย้ำว่ายังอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่ นาย อันวาร์กล่าวว่า ตนบอกกับพรรคชัดเจนว่าถ้าให้การดูแลคนของตนดี ก็ไม่ต้องมาถามเรื่องนี้ และตอนนี้เท่าที่ฟังเสียงจากคนในพื้นที่ก็โอเคอยู่

นายอันวาร์ยังกล่าวถึงการคลายล็อกให้ทำกิจกรรมทางการเมืองแต่กลับห้ามการใช้โซเชี่ยลมีเดีย ว่า เป็นเรื่องที่นายกฯต้องคิดร่วมกับกกต.ที่ต้องเข้ามาดู เพราะด้วยระยะเวลาอันสั้นการจะให้คนของกกต.ที่ถนัดด้านนี้อาจจะช้า อาจต้องใช้วิธีการจ้างคนที่ถนัดเข้ามาดูแล เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ., พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผบ.ทอ., พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.

โปรดเกล้าฯ935นายทหาร-“บิ๊กแดง”ผบ.ทบ.
วันที่ 1 ก.ย. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการ 935 นาย โดยมี พระราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2561 รายชื่อที่น่าสนใจ มีดังนี้

สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ รองปลัดกระทรวงกลาโหม (ตท.18) เป็น ปลัดกลาโหม พล.อ.วิชัย แชจอหอ รองเสนาธิการทหาร เป็น รองปลัดกลาโหม พล.ร.อ.พิเชฐ ตานะเศรษฐ เสนาธิการทหารเรือ (ตท.18) เป็นรองปลัดกลาโหม พล.อ.อ. ปรเมศร์ เกษโกวิท ผู้บัญชาการกรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ เป็น รองปลัดกลาโหม

กองทัพไทย พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี เสนาธิการทหาร เป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) (ตท.18) พล.อ.วีรชัย อินทุโศภน ผู้ช่วยผบ.ทบ. เป็น รองผบ.ทสส. พล.ร.อ.นวพล ดำรงพงศ์ ผู้ช่วยผบ.ทร. เป็น รองผบ.ทสส. พล.อ.อ.วันชัย นุชเกษม เสนาธิการทหารอากาศ เป็น รองผบ.ทสส. พล.อ.ชัยชนะ นาคเกิด รองเสนาธิการทหารเป็น เสนาธิการทหาร “บิ๊กเจอร์รี่” พล.ท.ดร.ธนเกียรติ ชอบชื่นชม ผบ.ศูนย์รักษาความปลอดภัย (ผบ.ศรภ.) บก.กองทัพไทย เป็น ผบ.หน่วยทหารพัฒนา

กองทัพบก(ทบ.) บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ (ตท.20) ผู้ช่วยผบ.ทบ. ขยับเป็นผบ.ทบ. “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เสนาธิการทหารบก (ตท.20) ขึ้นเป็น รองผบ.ทบ. “บิ๊กตู่” พล.ท. กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.20) ขึ้นเป็น ผู้ช่วยผบ.ทบ. “บิ๊กตี๋” พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 (ตท.18) ขึ้นมาเป็น ผู้ช่วยผบ.ทบ. “บิ๊กเป้ง” พล.ท.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก (ตท.19) ขึ้นเป็น เสนาธิการทหารบก “บิ๊กบี้” พล.ต.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ รองแม่ทัพภาคที่ 1 (ตท.22) ขยับเป็น แม่ทัพภาคที่ 1 “บิ๊กป๋อ” พล.ต.ฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3 (ตท.20) ที่มีผลงานในการช่วยเหลือทีมหมูป่าฯ ขยับขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 3 “บิ๊กเดฟ” พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพน้อยที่ 4 (ตท.20) ขยับขึ้นเป็น แม่ทัพภาคที่ 4

กองทัพเรือ(ทร.) “บิ๊กลือ” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ รอง ผบ.ทร.(ตท.18) ขยับขึ้นเป็น ผบ.ทร. พล.ร.อ.พูลศักดิ์ อุบลเทพชัย หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เป็น ประธานคณะที่ปรึกษาทร. พล.ร.อ.โสภณ วัฒนมงคล ประธานคณะที่ปรึกษา ทร.เป็นรองผบ.ทร. พล.ร.อ.นพดล สุภากร รองเสนาธิการทหารเรือ เป็น ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน รองเสนาธิการทหารเรือ เป็น เสนาธิการทหารเรือ พล.ร.ท.สุกิตติ เสงี่ยมพงษ์ ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ เป็น ผู้ช่วยผบ.ทร.

กองทัพอากาศ(ทอ.) “บิ๊กต่าย” พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้ช่วย ผบ.ทอ.(ตท.18) ขยับเป็น ผบ.ทอ. พล.อ.อ.ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์ ผู้ช่วยผบ.ทอ. เป็นรองผบ.ทอ. พล.อ.อ.ชาญยุทธ ศิริธรรมกุล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. เป็น ผู้ช่วยผบ.ทอ. พล.อ.อ.ถาวรวัฒน์ จันทนาคม ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. เป็นผู้ช่วยผบ.ทอ. พล.อ.ท.มานัต วงษ์วาทย์ รองเสนาธิการทหารอากาศ เป็น เสนาธิการทหารอากาศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน