ไอ้โก้ สารภาพสิ้นไส้ รับลงมือ ใช้ไม้เบสบอลทุบหัว ฆ่าไฮโซเชอรี่ เหตุเพราะมีปากเสียงและโดนดูถูก รวมทั้งถูกต่อว่าไปถึงบุพการี จึงแย่งไม้เบสบอลมา กระหน่ำฟาดไป 3 ครั้งจนแน่นิ่ง จากนั้นคิดฆ่าตัวตาย แต่เป็นห่วงลูก

เลยโทรศัพท์ให้น้องชายพาหลบหนี อ้างเตรียมจะเข้ามอบตัวเพราะสำนึกผิด แต่ปฏิเสธไม่ได้เบิกเงินไฮโซเชอรี่ไป ตร.ฝากขังศาล ไร้ญาติมาประกัน ส่งตัวนอนคุกทันที เผยตร.ไทยประสานตร.กัมพูชาจับได้ที่เมืองท่องเที่ยวโตนเลสาบ ก่อนส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทย

จากกรณีน.ส.ธิติมา หรือเชอรี่ ตั้งวิบูลย์พาณิชย์ อายุ 39 ปี ไฮโซสาวนักธุรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มหาเกียรติ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และขนส่งรายใหญ่ รวมถึงเป็นเจ้าของกิจการปั๊มน้ำมันอีก 3 แห่ง ถูกฆ่าโหดภายในห้องพักเลขที่ 2702 ชั้น 7 โรงแรมกรีนพ้อยท์ เรสซิเด้นท์ ซอยประดิษฐ์มนูธรรม 19 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลอนุมัติหมายจับ นายอัศยา หรือโก้ ชัยภา อายุ 33 ปี แฟนหนุ่มผู้ตาย

เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ วันที่ 31 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้ประสานตำรวจกัมพูชาสามารถจับกุมนายอัศยา หรือโก้ และนายอนุวัฒน์ ชัยภา อายุ 32 ปี หลังพบกบดานอยู่ในบ้านพักโตนเลสาบ เมืองกำปงสะปือ ประเทศกัมพูชา แล้วประสานส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย โดยเข้าประเทศไทยทาง อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แล้วนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์มายัง บน.6 จากนั้นนำตัวมาควบคุมไว้ที่ สน.โชคชัย ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ โดยพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ท่องเที่ยว สอบสวนด้วยตัวเอง

นายอัศยาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่าน.ส.ธิติมาเพียงลำพัง เนื่องจากในวันเกิดเหตุตนและผู้ตายได้มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง โดยผู้ตายได้ด่าทอตนอย่างรุนแรง และด่าไปถึงบุพการี แล้วยังพยายามใช้ไม้เบสบอลที่ซื้อมาเก็บไว้ที่ห้องมาทำร้ายตนเอง จึงแย่งไม้เบสบอลมา ด้วยความโมโหก่อนตี ผู้ตายไป 3 ครั้ง จนสลบแน่นิ่ง จากนั้นก็พบว่าผู้ตายเสียชีวิต ตอนนั้นเสียใจมากคิดจะฆ่าตัวตายตามด้วยการโดดตึก แต่คิดถึงและเป็นห่วงลูก จึงเปลี่ยนใจขับรถเบนซ์ของผู้ตายกลับบ้าน

ระหว่างทางโทรศัพท์หาน้องชายเพื่อที่จะให้พาหลบหนี โดยคิดว่าจะเข้ามอบตัวในภายหลัง โดยน้องชายพาหลบหนีเข้าบ่อนการพนัน ที่ประเทศกัมพูชา ผ่านทางชายแดน จ.จันทบุรี จากนั้นหนีไปที่กรุงพนมเปญ และไปอยู่ที่จังหวัดกัมปงโสมประมาณ 1 เดือน จนมาถูกจับได้ ตั้งใจว่าจะเข้ามอบตัวอยู่แล้วเพราะสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป ยืนยันว่าไม่ได้ติดการพนันตามที่เป็นข่าว และก็ไม่ได้นำเงินของผู้ตายไปด้วย นำไปเพียงบัตรเครดิต

นายอัศยากล่าวอีกว่า บางครั้งผู้ตายพูดว่าอยากจะเก็บตนเหมือนกัน หากมีพฤติกรรมเช่นนี้ ทำให้ตนเกิดความโมโหลงมือก่อเหตุแล้วหลบหนีไป ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นแต่อย่างใด เป็นเพราะทะเลาะกันบ่อยมากเท่านั้น และมีจุดหนึ่งที่เราอึดอัดคือ ไม่สามารถไปเยี่ยมลูกสาวได้

เมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 1 ก.ย. ที่ สน. โชคชัย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ พร้อมด้วย พล.ต.ต. นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. พล.ต.ต. ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผกก.สน.โชคชัย พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.จักริน พิริยะจิตตะ สว.กก.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.อภิโชค ขนบดี สว.สส.สน.โชคชัย ร่วมแถลงจับกุมนายอัศยา หรือโก้ ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม น.ส.ธิติมา หรือเชอรี่ และนายอนุวัฒน์ ชัยภา อายุ 32 ปี น้องชายนายโก้

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ภายหลังรัฐบาลกัมพูชาจับกุมผู้ต้องหาได้ และนำมาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จึงมอบหมายให้ตนไปรับตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสืบสวนเฝ้าติดตามมากว่า 1 เดือน จนกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ช่วงเที่ยง วันที่ 31 ส.ค. เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ส่วนสาเหตุที่นายอัศยา หรือโก้ ลงมือก่อเหตุนั้นเกิดจากการทะเลาะวิวาทกัน ส่วนเรื่องทรัพย์สิน เงินสดต่างๆ ที่หายไป อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผล

นายอัศยากล่าวว่า ขอโทษพ่อแม่ของผู้เสียชีวิตกับสิ่งที่ทำลงไป ไม่อยากให้เหตุการณ์ ดังกล่าวเกิดขึ้น ส่วนมูลเหตุที่ทำให้ลงมือไม่ได้มาจากทรัพย์สิน แต่เป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ หลังก่อเหตุก็ไม่ได้เตรียมการหลบหนี เพียงอยากประวิงเวลาให้ได้คิด ส่วนน้องชายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ตนไปรับน้องชายช่วง วันหยุดยาว 4 วัน บอกว่าจะพาไปเที่ยว พอไปถึงประเทศกัมพูชาน้องชายสังเกตเห็นว่าตนมีอาการวิตกกังวล น้ำตาไหล จึงรับสารภาพกับน้องชายไป เขาก็เป็นห่วงเราบอกจะอยู่ด้วยซักระยะหนึ่ง

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหานายอัศยา คือ “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” ส่วนนายอนุวัฒน์ดำเนินคดีในข้อหา “ให้การช่วยเหลือผู้ซึ่งกระทำความผิดหรือผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดไม่ให้ถูกจับกุม” ก่อนนำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนตามขั้นตอน และไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อไป

ต่อมาเมื่อเวลา 06.00 น. พ.ต.อ.สุพลนำตัวนายอัศยา และรถเบนซ์ สีเทา ซึ่งเป็นรถที่ใช้ขับหลบหนีในวันเกิดเหตุ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่ห้อง 2702 ชั้น 7 โรงแรมแห่งหนึ่ง ประดิษฐ์มนูธรรม 19 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม.

โดยเริ่มจากจุดแรกที่ช่องจอดรถหมายเลข 59 ของโรงแรม ย่านถนนประดิษฐ์มนูธรรม 19 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว จุดที่ 2 บริเวณทางเดินของที่พัก ก่อนที่ทั้งสองคนจะเข้าไปภายในห้องพักเลขที่ 2702 ชั้น 7 จุดที่ 3 ภายในห้องเกิดเหตุ ที่มีปากเสียงทะเลาะวิวาท และยื้อแย่งไม้เบสบอลกัน ซึ่งทางผู้ต้องหาอ้างว่าฝ่ายหญิงได้ไปหยิบไม้เบสบอลที่อยู่ในช่องใกล้ๆ โซฟา จะนำมาใช้ตีผู้ต้องหา แต่ถูกฝ่ายผู้ต้องหาแย่งได้แล้วก็ตีที่ศีรษะฝ่ายหญิงจนแน่นิ่งไป แต่จำไม่ได้ว่าตีไปกี่ครั้ง โดยได้โยนไม้เบสบอลทิ้งไว้บนเตียงนอน ก่อนจะหลบ หนีไป

ต่อมาเวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่คุมตัวนาย อัศยา และนายอนุวัฒน์ ไปฝากขัง โดยคุมตัวนายอัศยาไปฝากขังที่ศาลอาญา รัชดาฯ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ส่วนนายอนุวัฒน์คุมตัวแยกไปส่งที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ถูกดำเนินคดีในข้อหาช่วยพากันหลบหนี โดยทั้ง 2 คนทางพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ไม่มีญาตินายอัศยามายื่นหลักทรัพย์และคำร้องขอปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน