เสี่ยลภ มอบตัวแล้วพร้อมปืน 9 ม.ม. หลังถูกตำรวจกดดันหนักจนทนไม่ไหวคดีฆ่า น้องเนิส แฟนสาวสวยแม่ค้าออนไลน์ “บิ๊กอวบ” รุดสอบสวนเอง เจ้าตัวยังปากแข็งปฏิเสธทุกข้อหา แต่ยอมรับว่ามีปัญหากับแฟนสาวและอาจเป็นคนสุดท้ายที่อยู่ด้วยก่อนเสียชีวิต ตร.เรียกสอบพี่ชายด้วยหลังพบเป็นเจ้าของรถ

เมื่อวันที่ 6 ก.ย. ที่สภ.เมืองนครปฐม พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พร้อมพล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข ผบช.ภาค 7 พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รองผบช.ภาค 7 พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ไชยา สุนทรกิจ รองผบก.สส.ภาค 7 พ.ต.อ.ชูชาติ โชคสถาพร รองผบก.ศพฐ. 7 พ.ต.อ.ไพบูลย์ แพรสีนวล ผกก.สส.บก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม ร่วมกันสอบปากคำ นายวัลลภ ห้วยหงษ์ทอง หรือ เสี่ยลภ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 112 ม.15 ต.ห้วยขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ผู้ต้องหาฆาตกรรม น.ส.นภธร หรือ เนิส กนกเกษมโสภณ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/1 ม.3 ต.ถนนขาด อ.เมือง จ.นครปฐม แฟนสาว

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก ประกอบกับตำรวจประกาศให้รีบเข้ามอบตัวของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ทำให้นายวัลลภตัดสินใจติดต่อผู้ใหญ่ที่นับถือช่วยประสานพ.ต.อ.ไชยาและพ.ต.อ.ไพบูลย์ไปรับมอบตัว พร้อมอาวุธปืน ขนาด 9 ม.ม. ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงควบคุมไปสอบสวนเบื้องต้นที่ กก.ปพ.ภาค 7 (หัวโป่ง) อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ก่อนคุมตัวไปที่สภ.เมืองนครปฐม

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติให้สัมภาษณ์หลังสอบปากคำผู้ต้องหาว่า นายวัลลภทนแรงกดดันของเจ้าหน้าที่ไม่ไหวจนต้องขอมอบตัว แต่ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาว่าจะให้การกับเจ้าหน้าที่อย่างไร แต่ตำรวจยังต้องเก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่อไป เพราะสิ่งที่จะมัดตัวนายวัลลภได้คือหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก ทั้งลายนิ้วมือ ดีเอ็นเอ ซึ่งในขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดนายวัลลภได้

หลังจากนี้จะทำเรื่องส่งฟ้องศาล 5 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, 2.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, 3.พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, 4.มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุสมควร และไม่มีกรณีที่ต้องมีอาวุธปืนติดตัว เมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วน ตามสมควรแก่พฤติการณ์, 5.ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน เบื้องต้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว

ส่วนอาวุธปืนที่นำมามอบให้กับเจ้าหน้าที่ นายวัลลภยืนยันว่าอาวุธปืนของเขาเอง แต่ไม่มีทะเบียน เป็นอาวุธปืนขนาด 9 ม.ม. ตรงกับที่ใช้ก่อเหตุฆ่าน.ส.นภธร สำหรับความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ นายวัลลภยอมรับว่าคบหากับ ผู้ตายประมาณ 9 เดือน และยังยอมรับว่ามีปัญหากัน รวมถึงให้การว่าเขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับน.ส.นภธรก่อนจะเสียชีวิต

ด้านพล.ต.ต.คำรณเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า รถของคนร้ายที่ใช้ขับตามและแซงปาดหน้ารถของผู้ตายเพื่อบังคับให้หยุดรถ เป็นรถกระบะซึ่งมีชื่อ พี่ชายของนายวัลลภผู้ต้องหาเป็นผู้ครอบครอง เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างประสานเชิญตัวมาสอบปากคำ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่

ต่อมาเวลา 15.30 น. พ.ต.อ.สุวิทย์ ชาวศรีทอง รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม รับผิดชอบคุมงานสอบสวน พร้อม พ.ต.อ.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ. ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม และร.ต.อ.สถาพร ดวงศรี รองสว.สอบสวน ร่วมกันสอบปากคำนายวัลลภอย่างละเอียดอีกครั้งต่อหน้าทนายความของผู้ต้องหาตามระเบียบ เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง

พ.ต.อ.สุวิทย์เปิดเผยว่า โดยรวมผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะขอไปให้การในชั้นศาล พร้อมอ้างว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุยิงผู้เสียชีวิต แต่ยอมรับว่ารู้จักคบหาเชิงชู้สาวกันได้ระยะหนึ่ง สำหรับอาวุธปืนที่นำมามอบให้กับตำรวจเป็นปืนที่ซื้อมาแบบไม่มีทะเบียนจากด่านชายแดนด้าน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เบื้องต้นส่งอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวไป ศพฐ.7 ตรวจพิสูจน์โดยละเอียด เพื่อตรวจสอบประวัติอาวุธปืนว่าสัมพันธ์กับปลอกกระสุนหัวกระสุนที่เก็บได้ในรถของ ผู้ตายในวันเกิดเหตุหรือไม่อย่างไร

สำหรับผู้ต้องหาซึ่งให้การปฏิเสธก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่สามารถกระทำได้ และในวันที่ 7 ก.ย.ซึ่งครบกำหนดการควบคุมตัวผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนจะนำตัวส่งฝากขังผัดแรกต่อศาลจังหวัดนครปฐม พร้อมทั้งให้พนักงานสอบสวนทำหนังสือคัดค้านการประกันตัวแนบไป เนื่องจากเกรงว่าจะยุ่งเหยิงกับพยาน ส่วนกรณีรถยนต์ที่ชุดสืบสวนได้ตรวจสอบพบในกล้องวงจรปิด นายวัลลภอ้างว่าเป็นรถของพี่ชายซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้ให้ชุดสืบสวนติดตามนำรถคันดังกล่าวมาตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อประกอบการสอบสวนสืบสวนต่อไป

ส่วนที่วัดเกาะวังไทร ถนนขาด อ.เมือง จ.นครปฐม สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพน.ส. นภธร นางศทิกา กนกเกษมโสภณ อายุ 56 ปี มารดาของน.ส.นภธร เปิดเผยว่า เพิ่งทราบว่านายวัลลภผู้ต้องหาเข้ามอบตัว แต่ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อยากให้ตำรวจดำเนินการให้ถึงที่สุด ไม่อยากให้ประกันตัว เพราะกลัวความปลอดภัยของครอบครัว เชื่อว่านายวัลลภเป็นผู้ก่อเหตุแน่นอน เพราะลูกสาวไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยได้สัมผัสตัวตนที่แท้จริงของนายวัลลภเท่าไหร่ เพราะเวลาที่นายวัลลภมาหาลูกสาวจะเช้ามาเย็นกลับ

วันเดียวกัน นายวัลลภ ห้วยหงส์ทอง อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 366 ถนนทหารบก ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม เข้าพบพนักงานสอบสวนสภ.เมืองนครปฐม เพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากมีชื่อและนามสกุล เหมือนนายวัลลภผู้ต้องหาคดีดังกล่าว รวมถึงอายุใกล้เคียงกัน ทำให้มีญาติและคนรู้จักต่างโทรศัพท์มาสอบถามเพราะความเข้าใจผิด นอกจากนั้นลูกสาวซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม ยังถูกเพื่อนๆ เข้าใจผิดไปด้วย จึงมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานว่าไม่ใช่ตนเองและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย เพื่อความสบายใจของตนเองและครอบครัว พร้อมยืนยันว่าห้วยหงส์ทองเป็นสกุลใหญ่ในพื้นที่มีผู้ใช้นามสกุลนี้มากมาย โดยที่ไม่เคยรู้จักหรือเป็นเครือญาติกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน