ส่วนสามียังยืนยัน-อยู่ด้วยกัน หลังยกฟ้องคดียา-ผิดฟอกเงิน

“เบนซ์” สามี “แพท-ณปภา” พ้นคุกแล้ว หลังศาลให้ประกัน แต่ชีวิตคู่ส่อไม่ราบรื่น ดาราสาวแพทจับเข่าเคลียร์ ปัญหารัก จะแยกกันอยู่หรือไม่ เหตุห่างเหินกันเป็นปี เผยไม่ห่วงเรื่องคดี แต่กังวลชีวิตคู่จะเอายังไง ขณะที่ฝ่ายชายเปิดใจหลังถูกปล่อยตัว ยันจะกลับไปใช้ชีวิตร่วมกันเหมือนเดิม ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนคดีความ ศาลพิพากษาจำคุก 8 ปี ฐานฟอกเงิน แต่ยกฟ้องข้อหาช่วยเหลือ สมคบค้ายาเสพติด เตรียมยื่นอุทธรณ์ อ่านข่าว สุดประทับใจ! พ่อลูกได้เจอหน้า เบนซ์ สวมกอด น้องเรซซิ่ง

อ่านข่าว “เบนซ์ เรซซิ่ง” พ้นคุก!! กราบเท้าแม่ ลั่นไม่แยกกันอยู่กับแพท คืนนี้เจอกัน!

อ่านข่าว เจอกันคืนนี้ แพท ณปภา รับยังรัก ลั่นเปิดอกคุย เบนซ์ เรซซิ่ง ปมแยกกันอยู่!

เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาคดีฟอกเงินยาเสพติด ตามที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง อายุ 31 ปี นักแข่งรถ สามี “แพท”ณปภา ตันตระกูล ดาราและพิธีกรสาวชื่อดัง, นายสรรเสริญ หรือ เน็ต รสานนท์ อายุ 26 ปี, น.ส. อังสุพร หรืออุ้ม อินา อายุ 30 ปี ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากัน เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานฟอกเงินและสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินฯ และสนับสนุน หรือช่วยเหลือหรือสมคบค้ายาเสพติด

สำหรับคดีนี้อัยการยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 26 พ.ค.2560 ว่าจำเลยทั้งสาม กับนายณัฐพล หรือ บอย นาคคำ จำเลยคดีอาญา, นายชัยวัฒน์ หรือ แป๊ะ ชูสาย จำเลยคดียาเสพติด และนายนพ หรือ บาส รัตนวิสุทธิ์ จำเลยคดียาเสพติด พวกที่หลบหนี และยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันสมคบสนับสนุนช่วยเหลือเพื่อกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดชนิดยาไอซ์และยาบ้า และร่วมกันวางแผนแบ่งหน้าที่กันทำ ในการเป็นผู้จัดหา ครอบครอง เก็บรักษา ลำเลียงยาหาลูกค้าและเป็นเครือข่ายการรับยาเสพติด

รวมทั้งดำเนินการจัดการด้านการเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายยาเสพติดที่นายณัฐพลกับพวกเป็นผู้จัดหายาเสพติด และเป็นผู้ประสานงานในการขนถ่ายลำเลียง ซึ่งวันที่ 26 พ.ย.2559 เจ้าพนักงานจับกุมนายนพ หรือ บาส กับพวกได้พร้อมของกลางยาบ้า 140,000 เม็ด และยาไอซ์น้ำหนัก 19 ก.ก.เศษ โดยนายณัฐพล หรือ บอย โอนเงินที่กระทำเกี่ยวกับยาเสพติดผ่านบัญชีธนาคารบุคคลอื่น

ส่วนนายอัครกิตติ์, นายสรรเสริญ และน.ส.อังสุพร จำเลยที่ 1-3 เปิดบัญชีธนาคารเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ซึ่งจัดการรับฝากเงินและโอนเงินค่ายาเสพติดไปยังบัญชีธนาคารชื่อนายอู๋ ปังโอฬารภาวะกุล, นายสุวัฒน์ พวงมาลี ที่เป็นเครือข่ายของนายณัฐพล เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน เป็นการช่วยเหลือให้นายณัฐพลกับพวกไม่ต้องรับโทษ โดยระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.2557 ถึงวันที่ 1 ก.พ.2560 โอนและรับโอนเงินตามคำสั่งของนายณัฐพล รวม 53 ครั้ง เป็นเงิน 11,072,547 บาท

โดยนายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 นำเงินที่ได้รับจากนายณัฐพลไปซื้อรถลัมโบร์กินี และรถจักรยานยนต์ราคาแพง ในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณานายอัครกิตติ์ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ส่วนนายสรรเสริญและน.ส. อังสุพรให้การรับสารภาพฐานฟอกเงินในชั้นพิจารณา ภายหลังถูกอัยการฟ้องเป็นคดีแล้วจำเลยทั้งสามไม่ได้รับการประกันตัว โดยนายอัครกิตติ์และนายสรรเสริญถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ส่วนน.ส. อังสุพรถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลเบิกตัวนายอัครกิตติ์ นายสรรเสริญ และน.ส.อังสุพรมาจากเรือนจำเพื่อฟังคำพิพากษา โดยนายอัครกิตติ์มีรูปร่างอ้วนขึ้นกว่าเดิม ยิ้มให้แม่และญาติ พี่น้อง รวมทั้งแพท ณปภา ภรรยาอุ้มน้องเรซซิ่งลูกชายมาให้กำลังใจด้วยเช่นกัน นายสรรเสริญและน.ส.อังสุพรก็มีแม่และญาติมาให้กำลังใจ

ศาลอ่านคำพิพากษาโดยสรุปว่า จากการพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบและจำเลยหักล้างแล้ว วินิจฉัยแล้วว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 รู้เห็นเกี่ยวกับเครือข่ายยาเสพติด ดังนั้น พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยนี้ให้จำเลยที่ 1 สำหรับประเด็นสมคบฟอกเงินหรือไม่นั้น จำเลยที่ 1 ต่อสู้ว่าเงินหลายล้านบาทที่โอนระหว่างกันกับนายณัฐพลนั้นเป็นการชำระเงินค่าซื้อรถจักรยานยนต์ ค่าอะไหล่ ค่าตกแต่งรถ โดยจำเลยก็เป็นนักแข่งรถและประกอบธุรกิจร้านตกแต่งรถ ค่าออกงานเป็นพรีเซ็นเตอร์คู่กับภรรยา รวมทั้งเป็นการชำระเงินกู้ยืมกัน

ศาลเห็นว่าแม้จำเลยที่ 1 จะประกอบธุรกิจหลายอย่าง และน่าจะมีรายได้หลายล้านต่อปี แต่ไม่สอดคล้องกับการชำระภาษี ประกอบกับการโอนเงินก็มีผ่านบุคคลอื่น ไม่ใช่การโอนโดยตรงต่อนายณัฐพล ซึ่งเงินก็มีจำนวนสูง หากเป็นการโอนชำระเงินต่อกันก็ย่อมเสี่ยงที่เงินนั้นจะถึงกันหรือไม่ โดยจำเลยก็ย่อมจะได้รับความเสียหายที่ไม่ได้รับเงินตามจำนวน จึงไม่สมเหตุสมผล อีกทั้งการโอนเงินของจำเลยที่ 1 มีความสลับซับซ้อน ไม่ตรงไปตรงมา มีข้อพิรุธปกปิดธุรกรรมเลี่ยงการตรวจสอบ จัดอยู่ในข่ายธุรกรรมน่าสงสัย

ส่วนเงินที่อ้างว่ายืมจากนายณัฐพลมาซื้อรถยนต์ลัมโบร์กินีนั้นผ่อนกัน 48 งวด ก็ไม่มีการทำสัญญาเช่าซื้อรถเป็นลายลักษณ์อักษร ขณะที่ในวันที่ซื้อรถยนต์นายณัฐพลก็ยังอยู่ที่เต็นท์รถด้วย และทางนำสืบฟังได้ว่าบางครั้งนายณัฐพลก็เป็นผู้ใช้รถนั้นด้วย จึงยังไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ครอบครองรถและใช้รถเพียงคนเดียว จึงมีข้อสงสัยตามสมควรว่ารถนั้นเป็นของจำเลยที่ 1 หรือไม่

ศาลจึงพิพากษาว่าให้จำคุก 8 ปี นายอัครกิตติ์ จำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันฟอกเงิน และให้ยกฟ้องข้อหาสนับสนุน หรือช่วยเหลือหรือสมคบค้ายาเสพติด ส่วนนายสรรเสริญ และน.ส.อังสุพร จำเลยที่ 2-3 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันฐานสนับสนุน หรือช่วยเหลือ หรือสมคบค้ายาเสพติด และฐานร่วมกันฟอกเงิน ให้ลงโทษทุกกรรม จำคุกคนละ 8 ปี ฐานร่วมกันฟอกเงิน แต่จำเลยที่ 2-3 ให้การรับสารภาพข้อหาฟอกเงิน จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง จึงจำคุกฐานฟอกเงินคนละ 4 ปี และฐานสมคบกันทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้จำคุกอีกคนละ 20 ปี กับปรับคนละ 400,000 บาท รวมจำคุกจำเลยที่ 2-3 ทั้งสิ้นคนละ 24 ปี และปรับคนละ 400,000 บาท

จากนั้นทนายความของนายอัครกิตติ์ทำคำร้องประกอบการยื่นหลักทรัพย์ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดี โดยพี่ชายนายอัครกิตติ์เป็นผู้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินย่านดินแดง เนื้อที่ 2 งาน 25 ตารางวา มูลค่า 44,369,280 บาท ซึ่งในคำร้องยังแสดงความประสงค์ต่อศาลพิจารณาขอติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ข้อเท้า และยืนยันว่าพร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่งศาลทุกประการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ศาลอ่านคำพิพากษาในช่วงที่ยกฟ้องนายอัครกิตติ์ ข้อหาสมคบทำผิดยาเสพติด นายอัครกิตติ์ถึงกับยิ้มให้กลุ่มญาติ ส่วนบรรดาญาติและญาติจำเลยที่ 2-3 ถึงกับร่ำไห้และสวมกอดจำเลย ขณะเดียวกัน แพทอุ้มลูกชายมาให้กำลังใจพูดคุยกับนายอัครกิตติ์ผ่านลูกกรงห้องขัง ที่ห้องควบคุมตัวชั้น 1 ใต้ถุนศาลอาญา

แพทกล่าวสั้นๆ ว่า เบนซ์มีกำลังใจดี อยากออกไปเลี้ยงน้องเรซซิ่งข้างนอกแล้ว ส่วนเรื่องจะได้ประกันตัวหรือไม่นั้น ทนายความกำลังยื่นเรื่องประกันตัว ส่วนชีวิตหลังจากนี้ก็ยังไม่ได้วางแผนไว้ ตอนนี้รอการประกันตัวก่อน จากนั้นจะเป็นอย่างไรก็ค่อยว่ากัน

ต่อมาศาลมีคำสั่งอนุญาตให้นายอัครกิตติ์ประกันตัว โดยตีราคาประกัน 1,000,000 บาท พร้อมกำหนดให้ติดกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอ นิกส์ หรือกำไลอีเอ็มกับจำเลยด้วย และห้ามมิให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล จากนั้นเจ้าหน้าที่ติดกำไลข้อเท้าให้แก่จำเลยตามคำสั่งศาล พร้อมส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ปฏิบัติตามขั้นตอนปล่อยตัว ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ในเวลา 20.00 น. วันที่ 7 ก.ย.

เย็นวันเดียวกัน แพทให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังจากเบนซ์ได้รับการประกันตัวว่า โทร.ไปหาแม่และได้คุยกับแม่พี่เบนซ์แล้ว ตอนนี้คิดไม่ออกว่าจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ ตอนนี้รู้ข่าวได้ออก ดีใจอยากไปรับ บอกเบนซ์ไว้แล้วว่าวันนี้ทำงานยาวเลิก 2 ทุ่ม ถ้าไปได้จะไปรับ แต่ถ้าไปรับไม่ได้ จะไปเจอกันที่บ้าน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะกลับไปอยู่ด้วยกันอีกหรือไม่ แพทกล่าวว่าคืนนี้จะคุยกัน เพราะการที่เบนซ์ติดกำไลติดตามตัว ยังไม่รู้ว่าขอบเขตไปไหนได้บ้าง ยังไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย แต่บอกพี่เบนซ์แล้วว่าแพทสะดวกอยู่บ้านแพท ต้องไปคุยกันว่าเราจะแยกกันอยู่ก่อน หรือจะอยู่ด้วยกัน จะเอาอย่างไร เพราะเราห่างกันไปเป็นปีแล้ว เรื่องคดีไม่กังวลอะไร กังวลเรื่องชีวิตคู่นี่แหละว่าจะเอาอย่างไร คุยเรื่องนี้กันมาอย่างต่อเนื่อง ว่าเมื่อออกมาแล้วจะคุยกันอย่างจริงจังว่าจะเอาอย่างไร

“เราผ่านอะไรกันมาเยอะมากในชีวิตเราสองคน เขาอาจไม่ได้รับรู้ทั้งหมดว่าความในใจของเราเป็นอย่างไร สุดท้ายเราสองคนต้องตัดสินใจร่วมกัน ทางในใจของเราก็ไปในทางที่ดีอยู่แล้ว แพทก็ไม่ได้อยากจะแยกกัน แต่มันมีอะไรหลายๆ อย่าง ลูกโตขึ้นอยากใช้พื้นที่ เราต้องดูแลแม่ ต้องคุยว่าเขาจะมากับเราไหม ต้องคุยกัน ส่วนบ้านเบนซ์ก็ต้องให้เบนซ์ที่เป็นคนกลางไปคุยกันเอาเอง” แพท กล่าว

ต่อข้อถามว่ารักเบนซ์หรือไม่ ดาราสาวกล่าวว่า รัก ยังรักเบนซ์อยู่ ก่อนหน้านี้เบนซ์ยังอยู่ในวัยรุ่น ยังเพลย์บอย เมื่อมีลูกเราสองคนกำลังปรับตัว แต่ก็ต้องแยกกันเป็นปี ตอนนี้เราต้องกลับมาสร้างอีกรอบหนึ่ง ถ้าไปด้วยดี ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก

ต่อมาเวลา 20.15 น. ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง กทม. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ปล่อยตัวนายอัครกิตติ์ หรือเบนซ์ เรซซิ่ง ที่ใส่กำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์ตามคำสั่งศาล โดยมีนางสุพรเพ็ญ วรโรจน์เจริญเดช แม่ ครอบครัว และเพื่อนมารับท่ามกลางความดีใจ ก่อนโผสวมกอดและก้มกราบแม่ ซึ่งเบนซ์ถูกควบคุมตัวที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.2560 นาน 1 ปี 3 เดือน

นายอัครกิตติ์กล่าวว่าหลังจากนี้จะกลับไปหาแพท แต่ที่แพทไม่ได้มารับเพราะติดงาน จะกลับไปใช้ชีวิตร่วมกันเหมือนเดิม ไม่มีปัญหาอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าอยากทำอะไรสิ่งแรกหลังออกจากเรือนจำ นายอัครกิตติ์กล่าวว่าอยากกินอาหารฝีมือแม่ ส่วนกำไลข้อเท้าไม่น่าจะมีปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่น่าจะมีปัญหาเรื่องแข่งรถมากกว่า สามารถเดินทางได้ทั่วประเทศ ยกเว้นขึ้นเครื่องบิน เพราะอาจจะมีสัญญาณรบกวน

ขณะที่นายสมโพธน์ คำทอง ทนายความกล่าวว่าจะยื่นอุทธรณ์อย่างแน่นอน โดยจะขอดูคำพิพากษาฉบับเต็มของศาลชั้นต้นก่อน เพื่อพิจารณาว่าจะต่อสู้ในประเด็นไหน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน