4 รมต.นำเปิดตัวพรรค พลังประชารัฐ “อุตตม” นั่งหัวหน้าตาม โผ “สุวิทย์” รองหัวหน้า “สนธิรัตน์”เลขาฯ “กอบศักดิ์”โฆษก 2 กปปส. “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์-ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ”เป็นกก.บห. หัวหน้า”อุตตม”เผยบิ๊กตู่อวยพรให้โชคดี ส่วน”สมคิด”แค่กุนซือใจ

ลั่นไขก๊อกจากรมต.พร้อมกันเมื่อเวลาเหมาะสม ยันไม่ใช่พรรคทหาร กั๊กชงชื่อ “บิ๊กตู่”คัมแบ๊ก นายกฯ เพื่อธรรมลุ้น “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” เป็นหัวหน้า “ธนาธร”ชวนติดแฮชแท็ก อนาคตใหม่ ปชป.ไม่ให้ราคา “บิ๊กจิ๋ว”เสนอตั้งรัฐบาลเฉพาะกาล เพื่อไทยลั่นขอ เดินหน้าเลือกตั้งตามกติกา

พปชร.ประชุมใหญ่คึกคัก

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรคตามระเบียบวาระเพื่อพิจารณาชื่อ ชื่อย่อ เครื่องหมายพรรค อุดมการณ์พรรค นโยบาย ข้อบังคับ และเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำสุนัข ดมกลิ่นตรวจวัตถุต้องสงสัย รวมทั้งนำเครื่องตรวจวัตถุระเบิดมาสแกนบุคคลที่ผ่านเข้าออกทุกประตู

โดยมีสมาชิกและผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะ นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะเป็นหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ช่วยรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา

ขณะที่สมาชิกกลุ่มสามมิตร มีนายอนุชา นาคาศัย แกนนำ พร้อมด้วยนาย สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ อดีตส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศตัวพร้อมเป็นว่าที่ผู้สมัครส.ส. ชลบุรี นอกจากนี้ยังมี 4 อดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และแกนนำกปปส. ได้แก่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง นายสกลธี ภัทธิยกุล รองผู้ว่าฯกทม. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตส.ส.กทม. นายทศพล เพ็งส้ม อดีตส.ส.นนทบุรี ร่วมสังเกตการณ์

ตามโผ “อุตตม”หน.-สนธิรัตน์เลขาฯ

จากนั้นเวลา 14.30 น. นายชวน ชูจันทร์ ผู้จดจัดตั้งพรรค ได้เปิดการประชุมผู้จัดตั้งพรรคตามระเบียบวาระ ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบชื่อ “พรรคพลังประชารัฐ” ชื่อย่อ “พปชร” ชื่อ ภาษาอังกฤษ “PALANGPRACHARATH PARTY” ชื่อย่อ “PPRP” และโลโก้พรรคเป็นสีแดง สีขาว และสีน้ำเงินครามของกรอบหกเหลี่ยม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรังผึ้ง ร่วมแรง ร่วมใจ มีความหมายว่าเป็นความสามัคคีของทุกคนในชาติให้เป็นหนึ่งเดียวปราศจากความขัดแย้ง เป็นความร่วมมือร่วมใจประชาชนร่วมพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้ามั่นคงและยั่งยืน และเห็นชอบเลือกกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) จำนวน 25 คน ได้แก่

1.นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค 2.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค 3.นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ เหรัญญิก 4.นายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนสมาชิก 5.นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค 6.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค 7.นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค

กรรมการบริหารพรรคประกอบด้วย 8.นายอิทธิพล คุณปลื้ม 9.นายกรัณย์ สุทธารมณ์ 10.นายชวน ชูจันทร์ 11.นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ 12.นายณพพงศ์ ธีระวร 13.นางนฤมล สอาดโฉม 14.นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ 15.ดร.วลัยพร รัตนเศรษฐ 16.นายวิเชฐ ตันติวานิช 17.นายชาญวิทย์ วิภูศิริ 18.นายสันติ กีระนันทน์ 19.นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล 20.นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์ 21.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 22.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 23.น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ 24.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 25.นายอนุชา นาคาศัย

ชูอุดมการณ์ 7 ข้อ

สำหรับอุดมการณ์ของพรรคพลังประชารัฐ 7 ข้อ ได้แก่ 1.การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.พรรคเป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชน บ่มเพาะพลเมืองที่ตื่นรู้ มุ่งเน้นการพัฒนาประชาธิปไตยที่ตื่นรู้ มุ่งเน้นการพัฒนาประชาธิปไตยวิถีไทย 3.น้อมนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมกันเป็นกลุ่มอย่างมีพลังสร้างความเข้มแข็งจากฐานรากอย่างยั่งยืน ชูประเทศไทยสู่ประชาคมโลกอย่างสมศักดิ์ศรี

4.ก้าวข้ามความขัดแย้ง ฟื้นความสมานฉันท์ 5.สร้างสังคมที่เป็นธรรมยึดนิติรัฐ นิติธรรม 6.ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสที่เป็นของจริง ขจัดความยากจนสร้างความมั่นคงในสังคม และ7.สร้างสังคมที่เกื้อกูลแบ่งปันเติมเต็มศักยภาพและโอกาสของผู้คนเตรียมความพร้อมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21

“อุตตม”เปิดใจเหตุผลเล่นการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวน ได้มอบเสื้อประจำพรรคให้กับนายอุตตม เพื่อนำไปมอบให้กรรมการบริหารพรรค และนำธงพรรคสีน้ำเงินไปโบกบนเวที เพื่อประกาศการตั้งพรรคอย่างเป็นทางการ โดยธงดังกล่าวได้รับการปลุกเสก จากวัดนางใน จ.อ่างทอง

นายอุตตมกล่าวเปิดใจเหตุผลลงเล่นการเมืองว่า การมาทำงานทางการเมืองเป็นการตัดสินใจที่ไม่ง่ายเลยสำหรับตน แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว ตัดสินใจด้วยความภาคภูมิใจที่สุด ครั้งหนึ่งในชีวิตที่อาสาเข้ามาทำงานการเมืองอย่างเป็นระบบเป็นครั้งแรก โดยได้รับความไว้วางใจจากคณะผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ให้ทำหน้าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลายคนรู้จักตน คงทราบว่าโตมาจากวิชาการและนักธุรกิจ ไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ แต่ครั้งนี้พวกเรารวมถึงหลายๆท่านในที่นี้ มีประสบการณ์ ไม่ใช่นักการเมืองมืออาชีพ เรามานั่งปรึกษากัน ถ้าเราจะมาเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ให้ประเทศไทย เราจำเป็นต้องกู้บัลลังก์คนดีและคนเก่ง รวมทั้งคนที่ไม่กล้าก้าวเข้ามาในทางการเมือง แต่มีใจให้ประเทศอยากรับใช้บ้านเมืองทั้งหมดนี้ ต้องให้มาร่วมกันทำงานวิจัยในครั้งนี้

ก้าวพ้นความขัดแย้ง-ทำงานโปร่งใส

“ด้วยเหตุนี้พรรคพลังประชารัฐ จึงจะเกิดขึ้นด้วยอุดมการณ์ ที่จะรวมพลังของประชาชนเข้ามาช่วยขับเคลื่อนประเทศไทย ให้ก้าวข้ามอุปสรรคปัญหาที่ทำให้ประเทศไทยชะงักมาเป็นเวลานาน จากการเมืองแบบเดิมๆ ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง มากกว่าทศวรรษ นับว่าเป็นทศวรรษของการสูญเสียของแทบในทุกมิติ แต่ที่สำคัญที่สุด สำหรับประเทศไทยและคนไทยทุกคน ผมเชื่อว่าเราทุกคนเห็นพ้องต้องกัน ว่าเราเสียเวลาและเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศของเรา ให้ก้าวหน้ามานานพอแล้ว” นายอุตตมกล่าว

นายอุตตมกล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาส เราจะทำให้ประเทศก้าวพ้นความขัดแย้งอย่างจริงจัง ขอให้ทุกท่านมั่นใจ ว่าพรรคพลังประชารัฐ จะมุ่งหน้าแก้ไขปัญหาให้ประชาชนทุกภาคส่วน ทุกหมู่เหล่า ในทุกพื้นที่ พลังประชารัฐ จะรวมประเทศไทยให้กลับมาเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียว เราจะจับมือเดินด้วยกันไปข้างหน้า และเราจะทำงานด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส ด้วยความรับผิดชอบ ที่มีเป้าหมายเดียวคือรับใช้แผ่นดินเกิด เพราะวันนี้เราเตรียมพร้อมเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นขอเชิญชวนมาร่วมมือกัน เพื่อให้ประเทศไทยพ้นจากความขัดแย้ง และจัดให้ประเทศไทยยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างทัดเทียม เข้มแข็ง ส่งต่ออนาคตสู่รุ่นลูกรุ่นหลานของเรา

ยังไม่ไขก๊อกรมต.-ถึงเวลาค่อยไป
นายอุตตมกล่าวว่า อีกประการที่อยากเปิดใจ ตนทราบดีว่าการรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองคืองานหนักแน่ๆ จากนี้ไปชีวิตเปลี่ยน แต่สัญญาว่าจะใช้ความรู้ความสามารถ ใช้ประสบการณ์และคำแนะนำจากทุกๆ ท่าน ในการขับเคลื่อนพลังประชารัฐ ให้เป็นทางออกของประเทศไทย เราจะเน้นการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาที่ทำได้จริง และยั่งยืนจะไม่ฉาบฉวย เพื่อนำประโยชน์สุขมาสู่คนไทย

“ขอโอกาส ให้ท่านมั่นใจว่าผมจะอยู่ในตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีในรัฐบาล แต่รับรองได้ ผมจะไม่ใช้เวลาและทรัพยากรของรัฐมาใช้ประโยชน์ เอารัดเอาเปรียบคนอื่นอย่างแน่นอน ผมตระหนักดีว่า ผมมีความรับผิดชอบ มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคม ต่อการปฏิบัติที่ได้รับมอบหมายในทุกๆเรื่อง เราพร้อมที่จะให้ตรวจสอบการทำงาน เราตระหนักว่าต้องทำให้ถูกต้อง ยืนยันว่า เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม พวกเราจะใส่หมวกใบเดียว คือหมวกของพลังประชารัฐ ไม่ต้องห่วง ถึงเวลาไปแน่นอน พวกเราไม่อยากให้เสียโอกาสสำหรับประเทศไทย ขอให้มารวมพลังทำให้ประเทศชาติบ้านเมือง” นายอุตตมกล่าว

กั๊กชงชื่อนายกฯ-“สมคิด”กุนซือใจ

นายอุตตมให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมถึงกรณีที่ระบุเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะสวมหมวกใบเดียวคือพรรคพลังประชารัฐว่ารัฐมนตรีทั้ง 4 คนได้คุยกันแล้วว่าจะเป็นไปในจังหวะเวลาเดียวกัน เงื่อนไขเดียวกัน เมื่อถึงช่วงเวลาที่เหมาะสมจะลาออกพร้อมกัน และยืนยันที่บอกว่าไม่เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นนั้น จะทำตั้งแต่ต้น ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐไปในทางที่ผิด ไม่ใช่อำนาจไปข่มคนอื่น และพร้อมให้ทุกคนตรวจสอบ ส่วนพรรคจะสนับสนุนใครเป็นนายกฯถือว่ายังเร็วไปที่จะพูด เพราะเราเพิ่งประชุมจัดตั้งพรรค การสนับสนุนใครเป็นนายกฯต้องมีขั้นตอน มีกรรมการและสมาชิกพรรคที่จะร่วมสรรหา ส่วนนโยบายของพรรคนั้น วันนี้เรากำลังร่างอยู่ อีกระยะหนึ่งคงได้เห็นรายละเอียด และสื่อจะเป็นคนบอกได้เองว่านโยบายของพรรคพลังประชารัฐตรงหรือขัดแย้งกับรัฐบาลหรือไม่อย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ 4 คนมาร่วมพรรคการเมือง ได้มีการปรึกษานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า “รัฐมนตรีทั้ง 4 คนคุยกันเองเพราะจะมาร่วมลงเรือด้วยกัน ท่านสมคิดเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งเรารู้จักดีแต่การตัดสินใจมาขอให้ชัดเจนว่าเป็นการตัดสินใจของเราท่านไม่ได้มีส่วนบอกให้มาหรือไม่มา เอาเป็นว่าหากจะบอกว่าท่านสมคิดเป็นอะไร เราอาจจะบอกว่าเป็นที่ปรึกษาทางใจเท่านั้นเอง” ต่อข้อถามว่าพรรคการเมืองที่เกี่ยวโยงกับการรัฐประหารมักผิดหวังในการเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐพร้อมหรือไม่ นาย อุตตมกล่าวว่า เราทำทุกอย่างให้เต็มที่ ดีที่สุด ผลเป็นอย่างไรประชาชนเป็น ผู้พิพากษาเราต้องรับให้ได้

เผยนายกฯอวยพรให้โชคดี

ต่อข้อถามว่าพรรคพลังประชารัฐพร้อมจับมือกับพรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์หรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า วันนี้พรรคกำลังเริ่มต้นยังมีกระบวนการอีกยาว ก่อนจะไปถึงจุดที่จะพูดคุยกับใคร เราจึงยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะคุยกับใครอย่างไร เราจะเดินตามจังหวะจะโคนตามที่สมาชิกและ ผู้บริหารพรรคเห็นชอบร่วมกัน จะคุยกับใครต่อไปอย่างไรเป็นเรื่องอนาคต

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้คำแนะนำหรือคำเตือนอะไรกับ 4 รัฐมนตรีหรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า “ท่านไม่ได้ให้คำแนะนำหรือคำเตือนอะไรเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องที่เราตัดสินใจท่านเข้าใจ ท่านก็บอกว่าโชคดี” ต่อข้อถามว่าที่พรรคพลังประชารัฐ ระบุพร้อมก้าวข้ามความขัดแย้ง จะสามารถทำงานกับทีมนายทักษิณ ชินวัตร หรือไม่ นายอุตตมกล่าวว่า การจะทำงานอะไรกับใครเป็นเรื่องของทุกคนในพรรคที่จะมาพูดคุยกันว่าวันข้างหน้าถ้าเหตุการณ์เป็นเช่นนี้หรืออะไรเป็นอย่างไร แต่วันนี้พรรคเราเกิดได้ด้วยความปรองดอง เราไม่ได้ตั้งเงื่อนไขอะไรในเวลานี้ ซึ่งต้องดูต่อไปในอนาคต และยังเร็วเกินไป

“สนธิรัตน์”ยันไม่มีทหารเป็นแบ๊ก

ด้านนายสนธิรัตน์กล่าวถึงเรื่องการเสนอรายชื่อนายกฯว่า โดยหลักการประชาธิปไตย ถ้าจะให้นายอุตตม ตอบคงเป็นเรื่องที่ลำบากใจ แต่ ณ วันนี้ เราเสนอชื่อนายอุตตม เป็นนายกฯ เพราะนายอุตตม ดำรงตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรค ส่วนอีกสองรายชื่อที่เหลือเป็นเรื่องที่กรรมการบริหารพรรคต้องพิจารณาต่อไป ส่วนชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ พรรคจะเสนอหรือไม่นั้น ถือเป็นเรื่องของอนาคต ยังไม่ทราบว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะตัดสินใจอย่างไร และเลือกพรรคไหน และที่ท่านพูดว่าสนใจการเมืองจะเป็นไปในบทบาทใดคงต้องรอและสอบถามจากตัวท่านเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากพล.อ.ประยุทธ์ ชัดเจนถึงบทบาททางการเมือง พรรคพลังประชารัฐจะเสนอชื่อเป็นนายกฯในการเลือกตั้งหรือไม่ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า เป็นการพิจารณาของกรรมการบริหารพรรคในอนาคต พรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนจะเลือกคนที่ดีที่สุดรับใช้ประชาชน เป็นผู้นำประเทศ ต่อข้อถามถึงเสียงวิจารณ์การตั้งพรรครองรับการอยู่ต่อของทหาร นายสนธิรัตน์กล่าวว่า เราตั้งใจตั้งพรรคขึ้นมาเป็นทางเลือกให้ประชาชน ต้องการเป็นทางออกของประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง พวกเราอาจถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลแล้วอาจจะเข้ามาสืบทอดอำนาจ แต่จะเห็นว่าการดำเนินการของเราไม่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินการตรงนั้น ขอให้ดูการทำงานของเราต่อไป เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าพรรคนี้มีทหารเป็นแบ๊กอัพ นายสนธิรัตน์กล่าวว่า “ไม่มี ยืนยันว่าพรรคเราไม่ใช่พรรคของทหาร”

“อิทธิพล”พร้อมลุยงานอีอีซี

นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ช่วยรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ว่า โครง การเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เป็นหนึ่งในนโยบายที่สานต่อ และก้าวข้ามความขัดแย้ง เช่นเดียวกับเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ การเมืองวันนี้ต่างจากการ เมืองสมัยก่อน จะเป็นการเมืองจำเพาะในแต่ละด้าน ไม่ใช่ในเชิงเหมือนเมื่อก่อน ผู้สื่อข่าวถามถึงจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐกับพรรคพลังชล แตกต่างกันอย่างไร นายอิทธิพลกล่าวว่า เป็นแนวทางเดียวกัน เราเห็นถึงผลสัมฤทธิ์ของนโยบาย และยุทธศาสตร์ที่นำพาประเทศ และแนวทองของการสร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ

เมื่อถามกรณีที่นายสนธยา คุณปลื้ม ได้รับตำแหน่งนายกเมืองพัทยา จะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ นายอิทธิพลกล่าวว่า คงไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์ตอบแทน แต่เป็นเรื่องที่เราแสดงเจตนารมณ์ตั้งแต่เริ่มต้น เราไม่ได้ยึดตำแหน่งมาเป็นตัวตั้ง แต่เน้นเรื่องการทำงานที่ตรงกันกับรัฐบาลปัจจุบัน และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มองเห็นศักยภาพของจ.ชลบุรี เรื่องผลประโยชน์นั้นทุกคนมีสิทธิคิดได้ แต่เรามองเป้าหมายปลายทางคือยุทธศาสตร์เชิงพื้นที่ ส่วนมุมทางการเมืองเป็นเรื่องรอง ลงมา สำหรับที่ทำการพรรคพลังประชารัฐเบื้องต้นอยู่ที่อาคารปานศรี ถ.ประชาชื่น กรุงเทพฯ

บอยแบนด์กปปส.ไม่ขอตำแหน่ง
นายสกลธี ภัทธิยกุล รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า พวกเราเป็นคนรุ่นใหม่ที่สนใจทำงานการเมือง วันนี้ได้พาคนรุ่นใหม่ที่สนใจงานการเมือง มาร่วมงานด้วย คิดว่าไม่ใช่การหักกับพรรคประชาธิปัตย์เพราะพวกตนได้ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์หมดแล้ว ได้ลานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในครั้งนี้หรือไม่ นายสกลธีกล่าวว่า พวกตนยังไม่ลงสมัคร เพียงแค่เป็นคนรุ่นใหม่ที่สนใจงานการเมืองเหมือนกัน คุยแล้วเข้าใจตรงกัน จึงอยากมาช่วยประเทศชาติ แต่จะช่วยด้านใดคงไม่มีใครเรียกร้องแบบนั้น คงต้องคุยกันอีกที

เมื่อถามว่าได้ปรึกษาผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ นายสกลธีกล่าวว่า ไม่ได้ปรึกษา เป็น การตัดสินใจส่วนตัว คงไม่ต้องขออนุญาตผู้ว่าฯ กทม. และไม่ต้องลาออกจากตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม.เพราะเป็นผู้มาสังเกตการณ์ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง

ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ไม่มีการพูดเรื่องตำแหน่ง พวกเราเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความตั้งใจดี และได้พารุ่นน้องหน้าใหม่ทางการเมือง ไม่ได้เป็นทายาทนักการเมืองคนไหนเลย และไม่มีเงื่อนไขต่อรองตำแหน่ง แต่มาร่วมกันทำงานการเมืองเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้กับประชาชน ทั้งนี้ ยังไม่รู้ว่าจะช่วยงานด้านใด และเมื่อเราได้เห็นนโยบายที่ชัดเจนของพรรคนี้แล้ว จะมีคนมาร่วมงานกับเรามากขึ้น

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลายคนที่มาในวันนี้มีความรู้ความสามารถ พรรคพลังประชารัฐให้โอกาสทุกคน

3 มิตรรอร่วมหอ-ชู”บิ๊กตู่”นายกฯ

ที่จ.นครราชสีมา นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน อดีตแกนนำ นปช. กล่าวว่า ตนคาดว่าน่าจะมีการประชุมใหญ่สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ อีกครั้งในปลายเดือนต.ค.นี้ เพื่อจัดสรรตำแหน่งต่างๆ ภายในพรรคให้มีความสมบูรณ์ก่อนเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อนั้นกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสามมิตร กลุ่มพลังโคราช และกลุ่มอื่นๆ ก็จะเข้าร่วม และพรรคพลังประชารัฐจะมีความพร้อมที่สุดสำหรับการลงสนามเลือกตั้งที่กำลังจะมา

ตนมั่นใจว่านโยบายของพรรครวมกับ ผลงานของรัฐบาลชุดปัจจุบันจะทำให้ประชาชนตัดสินใจเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐอย่างแน่นอน และพรรคพลังประชารัฐจะนำเสนอชื่อ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯลำดับที่ 1 พรรคพลังประชารัฐจึงขอส่งสัญญาณไปถึงทุกพรรคการเมืองว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกพรรคจะต้องช่วยกันสร้างสรรค์บรรยากาศการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยบริสุทธิ์ ยุติธรรม ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้เสียงมาเป็นอันดับ 1 ก็พร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเป็นพันธมิตรกับพรรคการเมืองที่เห็นว่าจะร่วมกันทำงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและสร้างความเจริญให้กับประเทศชาติได้

“เสี่ยหนู”ปัดวิจารณ์พปชร.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Suthichai Live ถึงความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐว่า ตนถือคติเอาบ้านตัวเองให้เรียบร้อยก่อน เรื่องนี้อยู่ที่แต่ละคนคิดอย่างไร ชีวิตตนเองนั้นโตมาบนวังเวียนของการแข่งขัน ประมูลงานทุกอย่างก็ไม่เคยไปดูว่าใครมีแต้มพิเศษอะไร แต่พิจารณาที่ตัวเองว่าจะมีกลยุทธ์อะไรให้ชนะเขาได้ ต้องมองข้างหน้า ไม่มองด้านข้าง จุดนี้เองที่ตนนำมาใช้ในสนามเลือกตั้ง

ส่วนข่าวที่ออกไปว่าภูมิใจไทยถูกดูดไปเยอะนั้น ล้วนแต่เป็นผู้สมัครที่สอบตกแล้วก็เงียบหายไปเลย ขณะที่ภูมิใจไทยไปดูดใครมาหรือไม่ ขอตอบว่า เขามาเอง จากความเชื่อมั่นในพรรค เพราะเรามีจุดขายว่าเราเปิดร้าน 24 ชั่วโมง ต้อนรับทุกคน พนักงานของร้านยิ้มแย้มแจ่มใส ทำอาหารอร่อย

เมื่อถามถึงจุดยืนว่าจะจับมือกับฝ่ายใด นายอนุทินกล่าวว่า ตนไม่ได้อยู่ในจุดที่จะฟันธง ที่ตนทำได้คือหานโยบายที่ทำได้เลยและทำได้จริง ตรงนี้ตนพูดชัดเจนว่า ถ้าเราเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลก็จบ แต่ถ้าไม่ได้แล้วต้องไปร่วมรัฐบาล ก็ต้องนำสิ่งที่สัญญาไว้กับเจ้านายคือประชาชน มาเป็นเงื่อนไขว่าสิ่งเหล่านั้นต้องได้รับการปฏิบัติ ถ้ารับเงื่อนไขไม่ได้ก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน เพราะหน้าที่หลักของเราคือเป็นผู้แทนราษฎร ไม่ใช่เป็นรัฐมนตรี ส่วนการเลือกนายกฯส่วนตัวอยากให้เป็นไปตามกระบวนการที่สง่างาม รองลงมาคือเป็นไปตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ

อนค.ชวนติดแฮชแท็ก

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนาย ปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่(อนค.) เฟซบุ๊กไลฟ์คืนวันศุกร์ถึงกรณีที่กกต. มีมติอนุมัติให้อนาคตใหม่เป็นพรรคการเมือง โดยนายธนาธรกล่าวว่า ถือว่าต้องลุ้นกันนาทีสุดท้าย ยังคิดอยู่ว่า หากในวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมายังไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร เพราะเราจะมีการเปิดตัวพรรคในวันที่ 1 ต.ค.นี้ แต่สุดท้ายก็เป็นพรรคได้ภายใน 1 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดทำการดังนั้น จึงอยากเชิญชวนผู้สนับสนุน หากในวันที่ 1 ต.ค.นี้ที่พรรคอนาคตใหม่จะแสดงวิสัยทัศน์ ได้เวลาอนาคตใหม่ไทย 2 เท่า หากใครฟังแล้วถูกใจก็ร่วมกันติดแฮชแท็กพรรคอนาคตใหม่กับไทย 2 เท่าได้ในทุกช่องทางโซเชี่ยลมีเดียเพื่อแสดงพลังว่า พรรคอนาคตใหม่ได้ถือกำเนิด ขึ้นแล้ว

นายปิยบุตรกล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาที่ทำให้เราต้องมาขบคิดร่วมกันเพราะคสช. ได้วางสนุ้กไว้ โดยตั้งเงื่อนไขให้พรรค การเมืองทำเป็นจำนวนมาก หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นในเดือนก.พ.2562 จริง จะทำให้พ.ร.ฎ.กำหนดวันเลือกตั้งจะออกในช่วงเดือนธ.ค.2561 นั่นเท่ากับว่า พรรคการเมืองจะมีเวลาอีกแค่ 3 เดือนเท่านั้น จึงน่าเป็นห่วงกับพรรคที่สนับสนุนคสช.อาจจะหา สมาชิกพรรคไม่ทันตามเงื่อนไข แต่สำหรับอนาคตใหม่ ต้องหาสมาชิกให้ได้ 1 หมื่นคน ระดมทุนเพื่อรณรงค์หาเสียง ตั้งสาขาพรรค ทำตัวแทนประจำจังหวัด และไพรมารีโหวตผู้สมัครทั้ง 350 เขต นี่จึงทำให้ 3 เดือนที่เหลืออยู่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของอนาคตใหม่ และอนาคตประเทศ แต่ยืนยันว่า เราจะทำเต็มที่ จึงอยากเรียกร้องให้กกต.และผู้มีอำนาจให้ช่วยกันพิจารณาปรับปรุงหรือยกเลือกกฎหมายใดที่ไม่ทำให้การเลือกตั้งนั้นเสรีเป็นธรรมด้วย

ลุ้น”สมชาย”นั่งหน.เพื่อธรรม

รายงานข่าวจากบุคคลใกล้ชิดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดถึงการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ของพรรคเพื่อธรรม ที่โรงแรมเชียงใหม่ ออร์คิด จ.เชียงใหม่ในวันที่ 30 ก.ย.ว่า เพื่อรับรองรายงานการประชุม เมื่อปี 2557 หรือ 4 ปีที่ผ่านมา พร้อมแก้ไขข้อบังคับพรรคจัดทำคำประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองและนโยบายพรรคให้ถูกต้องตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และเลือกตั้ง ส.ส.รวมทั้งเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ยังไม่ทราบว่านายสมชายจะเข้าร่วมประชุมหรือไม่ ต้อง รอลุ้นเป็นหัวหน้าพรรคเอง ส่วนคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และสมาชิกพรรค ไม่ซ้ำซ้อนพรรคเพื่อไทย เป็นคนละกลุ่ม ไม่มีอดีต ส.ส.เชียงใหม่ เพื่อไทยเข้าร่วม เพราะทิศทางและนโยบายพรรคต่างกัน แต่พร้อมดำเนินกิจกรรมทางการเมือง เพื่อเสนอตัวรับใช้ประชาชนในอนาคต

นายนพคุณ รัฐผไท อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เขต 8 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยวข้องพรรคเพื่อธรรม เพราะนโยบายการบริหาร โครงสร้าง สมาชิก แตกต่างกัน และยังไม่มีอดีต ส.ส.เพื่อไทย ของเชียงใหม่ หรือภาคเหนือเข้าไปร่วม เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้เป็นเพียงสมาชิกพรรคเดียวเท่านั้น สมาชิกจึงไม่ซ้ำซ้อน ส่วนอนาคตทั้งสองพรรค อาจเป็นพันธมิตรทางการเมืองกันได้ ขึ้นอยู่กับนโยบาย อุดมการณ์ และแนวทางประชาธิป ไตยสอดคล้องกันหรือไม่

นายประสิทธิ์ วุฒินันชัย อดีต ส.ส.เชียง ใหม่ เขต 5 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่มีใครทาบทามเข้าร่วมพรรคเพื่อธรรม และไม่มีสัญญาณให้อดีต ส.ส.เชียงใหม่ย้ายพรรค

“เกียน”เฮ-กกต.ไฟเขียวชื่อพรรค

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด ผู้ร่วมจดจัดตั้งพรรคเกียน เปิดเผยว่า สำนักงานกกต. นัดให้ตนไปรับเอกสารการขออนุมัติการใช้ชื่อพรรคเกียน ที่แปลว่า อ่าว หรือทะเล ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ หลังจากที่กกต.ได้ใช้เวลาพิจารณาแค่ชื่อมานานกว่า 5 เดือน นับจากที่ชื่อเกรียนที่มีความหมายว่า สั้น สะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่ได้รับการอนุมัติ โดยขั้นตอนภายหลังรับเอกสารการอนุมัติชื่อ ตนจะต้องดำเนินการหาสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้ง 500 คน หาทุนประเดิม ก่อนจัดประชุมใหญ่เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อนำไปยื่นต่อกกต.ให้อนุมัติเป็นพรรค การเมืองที่ถูกต้องตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งทั้งหมดเป็น กระบวนการที่พรรคใหม่อื่นๆ ทำกันไปชาติหนึ่งแล้ว แต่พรรคเกียนเพิ่งได้รับการ อนุมติชื่อ

เมื่อถามว่า วันที่ 1 ต.ค.นี้ เตรียมเซอร์ไพรส์ไว้หรือไม่ นายสมบัติกล่าวว่า ขณะนี้ตนเป็นกังวลมาก เพราะยังไม่รู้จะแต่งกายอย่างไร สำนักงานกกต.เป็นสถานที่ราชการที่ต้องแต่งกายเคารพสถานที่ จึงเป็นปัญหาใหญ่ว่า จะแต่งตัวแบบไหนดี เพราะขนาดเวทีการเข้าร่วมหารือกับกกต.เมื่อวันที่ 28 ก.ย. ใช้โรงแรมเป็นสถานที่ ตนยังไม่ได้เข้าร่วมหารือ หากเกิดผิดพลาดแบบวันนั้นอีก ตนคงไม่ได้เข้าไปรับเอกสารเป็นแน่ ดังนั้น วันที่ 1 ต.ค.นี้ ตนต้องจัดเต็มเพื่อเป็นการเคารพสถานที่ราชการ

ปชป.ไม่ให้ราคา”บิ๊กจิ๋ว”

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงที่กรณีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีเสนอทางออกตั้งรัฐเฉพาะกาลว่า ตอนนี้กฎหมายค่อนข้างระบุระยะเวลาของการเลือกตั้งไว้ชัดเจน ไม่ว่าบุคคลใดจะออกมาแสดงความคิดเห็นหรือดำเนินการอย่างไรเราต้องมุ่งไปสู่การเลือกตั้งที่สงบเรียบร้อย สุจริตและเที่ยงธรรม ต่อสู้กันด้วยความเสมอภาค การออกมาแสดงความคิดเห็นโดยผิดไปจากวิธีการที่กฎหมายกำหนดคงต้องไปถามผู้ที่ออกมาแสดงความเห็นนั้นว่ามีเจตนาอะไร หรือมีความมุ่งหมายเพื่อสิ่งใด แต่อยากให้เชื่อว่าเมื่อกระบวนการกฎหมายกำหนดว่าจะเข้าสู่การเลือกตั้ง และรัฐบาลได้ระบุว่าจะมีเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ.2562 เราก็ต้องเชื่อตามนี้ และทุกฝ่ายต้องร่วมใจกันที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งอย่างเรียบร้อย การที่สมมติว่าจะมีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้นในประเทศท่านเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองการจะออกมาแสดงความเห็นก็ต้องวินิจฉัยก่อน

ด้าน นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากพล.อ.ชวลิตพูดจากการคาดการณ์ก็ขออย่าใส่ใจ และไม่คิดว่าการพูดครั้งนี้จะเป็นความหวังดีต่อชาติบ้านเมือง หรืออาจจะคาดการณ์จากสถานการณ์ในอดีตที่เคยเกิดขึ้นจริง แต่คิดว่าฝ่ายความมั่นคงของรัฐคงจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือหรืออาจจะเป็นการบ่งบอกถึงกลุ่มคนบางกลุ่มที่จะทำอะไรหรือไม่อย่างไรตนไม่ทราบ แต่หากเรื่องเหล่านี้ออกจากปากของพล.อ.ชวลิต สำหรับตนไม่เชื่อถือและถ้าติดตามท่านมากๆ ตนอาจจะบ้าตามก็ได้

“เต้น”ชี้รบ.เฉพาะกาลไม่เป็นปชต.

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวว่า ตนมีจุดร่วมที่ชัดเจนกับพล.อ. ชวลิตคือประเทศไทยต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าท่านมีความปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง ส่วนข้อเสนอให้มีรัฐบาลเฉพาะกาลนั้นเคยได้ยินผ่านสื่อมาเป็นระยะ แต่ไม่ทราบรายละเอียดที่มาที่ไปเพราะไม่เคยหารือกันเรื่องนี้

“การมีรัฐบาลเฉพาะกาลนอกจากไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตย และอาจถูกมองเป็นเจตนาล้มการเลือกตั้งแล้ว ยังไม่มีหลักประกันว่าจะแก้ปัญหาได้ รัฐบาลชุดนี้ใช้เวลาเกือบ 5 ปี บอกว่ารวบรวมคนดี คนรักชาติไว้เต็มลำ ก็ยังเป็นแค่เรือแป๊ะ ไม่เป็นสับปะรด จึงเชื่อว่าการฟังเสียงประชาชนเป็นสิ่งที่ใกล้ความจริงมากกว่า” นายณัฐวุฒิ กล่าว

พท.โนคอมเมนต์-กลัวยุบพรรค

นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อเสนอตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลของ พล.อ. ชวลิต ถือเป็นเสียงสะท้อนของผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เข้าใจว่า พล.อ. ชวลิตฝังใจกับการมีรัฐบาลแห่งชาติตั้งแต่สมัยที่ท่านออกจากตำแหน่ง ผบ.ทบ.ใหม่ๆ ท่านคงมีความเชื่อว่าประเทศจะเดินต่อไปได้เมื่อทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน ที่สำคัญเป็นช่วงจังหวะที่กำลังพลทุกเหล่าทัพชุดใหม่กำลังจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ท่านจึงออกมาพูดในช่วงนี้เพื่อให้เหล่าทัพนำกลับไปคิด

“ที่รู้สึกแปลกคือเห็นนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.นั่งร่วมแถลงข่าวอยู่ด้วย ซึ่งหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าตั้งแต่นายจตุพรออกจากเรือนจำก็มีท่าทีปรองดองมากขึ้น แต่เราในฐานะพรรคการเมืองต้องเดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามกติกาที่มีแม้ว่าจะเป็นกติกาที่สับสน แม้เลือกตั้งไปแล้วอาจจะเกิดปัญหาตามมา แต่เรามีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกติกา ไม่สามารถคิดเป็นอื่นได้เพราะอาจถูกยุบพรรคได้หากมีแนวคิดการได้มาซึ่งอำนาจที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรม นูญอย่างที่ พล.อ.ชวลิตเสนอ” นายสามารถกล่าว

ส่วนการหารือระหว่างกกต.กับพรรค การเมืองเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่าน ถือว่าพรรคการเมืองไม่ได้ความชัดเจนอะไรจาก กกต.เท่าที่ควร ทางออกจากความสับสนวุ่นวายทั้งหมดคือคสช.ควรปลดล็อกคำสั่ง 2 ฉบับ ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองและห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรม ทุกอย่างจะไม่ต้องสับสนกันอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน