พิษระฆัง-บานหนัก “โจ๊ก”ลุย! คอนโดของคนร้อง

ตรวจสอบปมฝรั่งเช่า พบอื้อกว่า 30 ห้องพัก ไม่แค่วัด-มัสยิดก็โดน โวยว่าดัง-“เขต”บ้าจี้สั่ง ให้ลดเสียงพิธีละหมาด

บิ๊กโจ๊ก – ไม่ใช่แค่วัด-มัสยิด ก็โดนร้องเรียนด้วยเหมือนกัน อ้างละหมาด เสียงดัง เขตบางคอ แหลม ทำหนังสือเตือน ให้ลดเสียงลง หลังชาวบ้านในชุมชนบางอุทิศ ถนนเจริญกรุงทำหนังสือถึงกทม.อ้างสร้างความรบกวน ด้านอิหม่ามยอมรับมีหนังสือมาถึง 7-8 ครั้ง แต่แก้ไขปรับลดเสียงไม่ดังเกินไปแล้ว ชี้เหตุบางคนอาจไม่คุ้นชินกับพิธี ของมุสลิม ส่วนกรณีร้องวัดไทรตีระฆังนั้น “บิ๊กโจ๊ก”สั่งผบก.สส.บช.สตม.-ตำรวจท้องที่บุกคอนโดฯหรู ตรวจสอบเจ้าของห้องเช่าให้ฝรั่งมาพักทำถูกกฎหมายคนเข้าเมืองหรือไม่ พบถึง 30 ห้อง และชาวจีนคนหนึ่งแจ้งที่อยู่ไม่ตรงกับที่ให้ไว้กับตม. เตรียมถอนวีซ่าส่งประเทศ

จากกรณีสำนักงานเขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ส่งหนังสือลงวันที่ 2 ต.ค. พระอธิการปรีชา ปุณณสีโล เจ้าอาวาส วัดไทร ถนนพระราม 3 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. ระบุว่า ประชาชนแจ้งเรื่องร้องทุกข์ว่าได้รับความเดือดร้อน กรณีที่วัดไทรตีระฆังช่วงเช้ามืดส่งเสียงดังรบกวน สร้างความเดือดร้อนให้ผู้พักอาศัยบนคอนโดมิเนียมหรูหราที่อยู่ติดวัด พร้อมกับขอความร่วมมือให้ลดเสียงลงหรือปรับระดับตามความเหมาะสม หลังจากสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้พักอาศัยบนคอนโดฯ ที่อยู่ติดวัดร้องเรียน แต่ภายหลังพบว่าผู้ร้องเรียนคนดังกล่าวเปิดเช่าห้องในคอนโดฯ ดังกล่าวให้ชาวต่างชาติพักอาศัยนั้น

เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. เปิดเผยว่า หากผู้ร้องเรียนให้ชาวต่างชาติเช่าพักอาศัยต้องตรวจสอบว่าผู้เช่าได้แจ้งตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ทราบหรือไม่ว่ามีชาวต่างชาติมาพักอาศัยตามมาตรา 38 พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง หากไม่แจ้งผู้ให้เช่ามีโทษตามกฎหมาย ส่วนชาวต่างชาติที่พักอาศัยต้องถูกตรวจสอบว่าแจ้งถิ่นที่อยู่ตรงกับที่แจ้งไว้กับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหรือไม่ ซึ่งหากตรวจสอบว่าไม่ตรงกันต้องถูกเพิกถอนวีซ่าการอยู่ในราชอาณาจักรไทยแล้วผลักดันออกนอกราชอาณาจักรไทย

ต่อมาเมื่อเวลา 16.00 น. พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รรท.ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สตม. พร้อมด้วย พ.ต.อ.โฆษิต บุญทวี ผกก.สน.วัดพระยาไกร และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร เข้าตรวจสอบคอนโดมิเนียมสตาร์วิว อาคารชุดหรู ริมถนนพระราม 3 ที่อยู่ติดกับวัดไทร โดยหลังเกิดกรณีผู้เข้าพักอาศัยร้องเรียนเสียงระฆังจากวัดไทรรบกวน ต่อมาพบข้อร้องเรียนเปิดห้องเช่าในคอนโดฯดังกล่าวให้ชาวต่างชาติพักอาศัย

พ.ต.อ.พนัญชัย เปิดเผยว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม.ได้สั่งให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเข้าตรวจสอบคอนโดฯดังกล่าว โดยได้ให้ตำรวจเข้าไปพูดคุยกับนิติบุคคล เพื่อขอรายชื่อผู้พักอาศัยภายในคอนโดฯทั้งหมด และขอข้อมูลว่ามีใครปล่อยห้องภายในคอนโดฯให้เช่าหรือไม่ โดยจะนำไปตรวจสอบว่าผู้เช่าได้แจ้งตำรวจตรวจคนเข้าเมืองในพื้นที่ทราบหรือไม่ว่ามีชาวต่างชาติมาพักอาศัย ตามมาตรา 38 ของพ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมืองฯ ซึ่งหากไม่แจ้งผู้ให้เช่าก็ถือว่ามีโทษตามกฎหมาย ส่วนชาวต่างชาติที่พักอาศัยต้องถูกตรวจสอบว่าแจ้งถิ่นที่อยู่ตรงกับที่แจ้งไว้กับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหรือไม่ ซึ่งหากตรวจสอบว่าไม่ตรงกันต้องถูกเพิกถอนวีซ่าการอยู่ในราชอาณาจักรไทยแล้วผลักดันออกนอกราชอาณาจักรไทย

รายงานข่าวระบุว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามี 30 ห้อง ที่ปล่อยให้ชาวต่างชาติเข้าพักอาศัย โดย 1 ห้องพบให้ชาวจีนพักอาศัยอยู่ ตำรวจขอตรวจสอบพบว่าที่อยู่ไม่ตรงกับที่แจ้งไว้กับตม. จึงเตรียมแจ้งข้อหาและเพิกถอนวีซ่า ส่งกลับประเทศ ขณะที่จะดำเนินคดีกับเจ้าของห้องคนไทยที่ปล่อยให้เช่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดว่ามีผู้กระทำความผิดกี่ราย

เมื่อเวลา 12.30 น.ที่มัสยิดบางอุทิศ ถนนเจริญกรุง ซอยเจริญกรุง 99 แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สัมภาษณ์นายอนุสรณ์ องอาจ อิหม่ามประจำมัสยิด หลังประชาชนร้องเรียนว่ามัสยิดทำพิธีละหมาดเปิดลำโพงเสียงดัง การสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้พักอาศัย ทางเขตบางคอแหลม จึงส่งหนังสือแจ้งให้ละหมาดเสียงเบาลง

นายอนุสรณ์เปิดเผยว่า มัสยิดแห่งนี้เปิดมา 200 ปีแล้ว อยู่ท่ามกลางชุมชน บริเวณโดยรอบส่วนใหญ่ก็เป็นมุสลิม จะมีการประกาศเพื่อเชิญชวนให้มาร่วมละหมาด ซึ่งเป็นพิธีกรรมเกี่ยวกับการนมัสการของศาสนาอิสลาม เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้าและชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ โดยจะมีการละหมาดทั้งหมด 5 ครั้ง แบ่งเป็นช่วงเวลา คือ 04.30 น., 12.30 น., 15.45 น., 18.10 น. และ 20.10 น. ซึ่งเวลาละหมาดจะมีการสวดเรียก ออกเครื่องขยายเสียง ประมาณ 2-3 นาที เพื่อเป็นสัญญาณให้รับทราบว่าจะมีการละหมาดเกิดขึ้น เชิญชวนให้พี่น้องชาวมุสลิมที่สะดวกให้มาละหมาดที่มัสยิด เช่นเดียวกับการตีระฆังของทางศาสนาพุทธ ที่เป็นสัญญาณให้พระสงฆ์ออกมาทำวัตรเช้าและบิณฑบาต

นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า ด้วยความที่มัสยิดแห่งนี้อยู่บริเวณใจกลางชุมชนและบริเวณโดยรอบอย่างนี้มัสยิด 2 แห่ง เมื่อถึงเวลาละหมาดก็จะทำพร้อมกันทั้งหมด จึงมีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่ทราบชื่อ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังกรุงเทพมหานคร และกรุงเทพมหานครได้ส่งมายังสำนักงานเขตบางคอแหลม เพื่อให้เข้ามาตรวจสอบความดัง โดยสำนักงานเขตบางคอแหลมได้ส่งหนังสือมาให้ลดเสียง ประมาณ 7-8 ครั้ง เมื่อทางเขตมาตรวจสอบจึงได้ขอความร่วมมือให้ทางมัสยิดลดเสียงละหมาดลง โดยทางมัสยิดยินดีให้ความร่วมมือ เนื่องจากสังคมในสมัยนี้เปลี่ยนไป อาจมีประชาชนจากที่อื่นมาอาศัยบริเวณใกล้เคียงกับมิสยิด เมื่อมีการละหมาดอาจทำให้ไม่เคยชินกับเสียง ซึ่งทางมัสยิดก็เข้าใจได้ จึงได้ลดระดับเสียงละหมาดให้อยู่ตามมาตรฐานที่สำนักงานเขตแจ้งไว้

นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ทุกครั้งที่มีหนังสือร้องเรียนจากเขต ทางมัสยิดจะนำมาติดประกาศให้ทราบ เพื่อเป็นสิ่งเตือนใจว่าอย่าทำเสียงดังมากจนเกินไป โดยหนทางการแก้ไขปัญหานี้ คือ การใช้ความเข้าใจอยู่แบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ต่างคนต่างศาสนามีการนับถือที่แตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญคือจะต้องไม่ทำให้ผู้อื่นที่ต่างศาสนาเดือดร้อน แต่ภายหลังจากการแก้ไขปัญหาเสียงได้ลดลงตามมาตรฐานของเขตที่แจ้งไว้แล้ว ก็ยังคงมีการเรียกร้องมาบ่อยครั้ง ซึ่งทางมัสยิดก็ได้ทำใจ และยังปฏิบัติตามกฎที่ถูกต้องต่อ

นายอนุสรณ์กล่าวว่า โดยหลังจากที่มีกระแสข่าวมีบุคคลร้องเรียนว่าวัดไทร ตีระฆังเสียงดังนั้น ตนอยากจะฝากถึงบุคคลที่ไม่เข้าใจว่า ในประเทศไทยเป็นสังคมของพุทธศาสนา วัฒนธรรม สิ่งเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นเสียงระฆังจากวัด หรือเสียงละหมาดจากมัสยิดนั้น คือเสียงแห่งธรรม เป็นเสียงที่นำไปสู่ถึงความดีงาม แต่เมื่อจิตใจของมนุษย์ลงไปสู่ที่ต่ำก็ไม่สามารถเห็นคุณงามความดีของศาสนาได้ เพราะทุกศาสนาต่างสอนให้ทุกคนเป็นคนดี

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสอบถามความเห็นของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกมัสยิดบางอุทิศ ถึงกรณีที่มีคนร้องเรียนว่ามีการละหมาดเสียงดังนั้น

ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวว่า ตนเป็นคนจีน นับถือศาสนาพุทธ และอาศัยอยู่ใกล้กับมัสยิดนี้มานานกว่า 60 ปี ได้ยินเสียงละหมาดทุกเช้า เข้าใจได้ว่าการละหมาดคืออะไร จึงไม่ได้มี ผลกระทบอะไร และเข้าใจว่าแต่ละศาสนามีความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ในทุกๆ ที่ย่อมมีความแตกต่าง แต่เราจะ ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและสังคมที่เราอยู่

ที่สวนลุมพินี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการลงพื้นที่สวนลุมพินี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้สอบถามพล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ถึงกรณีข้อพิพาทเรื่องระฆังวัดไทร ที่มีการร้องเรียนจากผู้อยู่อาศัยในคอนโดฯ ใกล้เคียงว่ามีเสียงดังรบกวน จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวให้บริษัทเอกชนและวัดไปพูดคุยแก้ปัญหากันเองให้ได้ ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. ได้สั่งการเรื่องนี้ไปแล้วจึงขออย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ หากมีการพูดคุยและยอมรับกันแล้วก็ควรจบ

ที่ศาลาว่าการกทม. นางศิลปสวย ระวี แสงสูรย์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ในฐานะกำกับดูแลกลุ่มเขตกรุงเทพฯใต้ กล่าวว่า กรณีที่เขตทำหนังสือถึงอิหม่ามมัสยิดบางอุทิศ เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ขอให้ผอ.เขตบางคอแหลม เร่งไปทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเร็ว เนื่องจากสิ่งที่ปฏิบัติเป็นประเพณีที่มีมาอย่างยาวนาน เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างปกติ เพราะวิธีการเจรจาหรือการพูดคุย เป็นวิธีที่ดีสุด

ด้านนายอนันต์ กายพรรณ ผู้อำนวยการเขตบางคอแหลม เปิดเผยกรณี น.ส.วันทนีย์ สว่างตระกูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตบางคอแหลม ลงนามหนังสือขอความร่วมมือวัดไทร ลดระดับเสียงการตีระฆัง จนกลายเป็นกระแสสังคมวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานที่เหมาะสมหรือไม่ ว่า เหตุการณ์นี้ในฐานะ ผู้บังคับบัญชา ต้องขอโทษในสิ่งที่ผู้ช่วยผอ.เขตกระทำลงไป เพราะเป็นสิ่งที่ไม่สมควร และยอมรับว่าเป็นการทำงานที่ขาดความรอบคอบ สิ่งเหล่านี้ถือว่าเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส เป็นบทเรียนการดำเนินงานของเขตบางคอแหลม คาดว่า ภายในวันนี้จะรายงานข้อเท็จจริงส่งให้พล.ต.อ. อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ รับทราบ ส่วนจะมีคำสั่งโยกย้าย หรือบทลงโทษใดๆ เป็นอำนาจของผู้ว่าฯ เป็น ผู้พิจารณา

นายอนันต์กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเชื่อว่าไม่มีเจตนาไปทำร้ายอะไร เพราะตัวผู้ช่วยเอง นับถือศาสนาพุทธเหมือนกัน แต่ด้วยความที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเสนอหนังสือมาจึงไม่ตรวจสอบให้ดีก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วควรลงพื้นที่ไปพูดคุยกับเจ้าอาวาสก่อนออกหนังสือ ซึ่งกรณีนี้จะเรียกประชุมภายใน เพื่อวางกรอบนโยบายการทำงานของเขตให้ชัดเจน โดยขณะนี้ปัญหาระหว่างวัดกับผู้ร้องเรียนมีทางออก และจบแล้ว โดยที่วัดยังคงสามารถดำเนินการทุกอย่างตามปกติ

ส่วนกรณีจะส่งเจ้าหน้าที่ไปทำความเข้าใจกับผู้ร้องเรียนหรือไม่ ผอ.เขตบางคอแหลม กล่าวว่า กระแสข่าวดังขนาดนี้ ผู้ร้องเรียนคงไม่อยู่แล้ว หากจะเกิดการร้องเรียนลักษณะเช่นนี้อีกแล้วพูดคุยกันไม่เข้าใจ จะพาไปพบผู้ว่าฯ กทม. ให้ชี้แจงด้วยตัวเอง

สำหรับการขออนุญาตก่อสร้างคอนโด มิเนียม ที่มีความสูงกว่าวัด ผอ.เขต กล่าวว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของสํานักการโยธา เป็น ผู้อนุญาตให้ดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งคอนโดฯ ดังกล่าวได้ทำประชาพิจารณ์ สอบถามความคิดเห็นจากวัด และคนในชุมชน ผ่านกฎหมายอีไอเอแล้ว อย่างไรก็ตามสำนักงานเขตมีอำนาจหน้าที่ดูแลความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่เท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน