รองผู้บัญชาการภาค 7 รุดจี้คดีหนุ่มร้อง แฟนสาว ถูกบังคับค้ากาม เกาหลีใต้ เผยประสานตร.สากล ติดตามตัวผู้ร้อง ให้ข้อมูลเพิ่มเติม หลังตรวจสอบ ยังไม่พบหลักฐานเข้าข่ายค้ามนุษย์

ถูกบังคับค้ากาม / เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รองผู้บัญชาการภาค 7 เดินทางมาติดตามความคืบหน้า กรณีมีผู้ร้องเรียนไปยังข่าวสดออนไลน์ เพื่อขอให้ช่วยติดตามแฟนสาว ที่ถูกหลอกไปขายบริการทางเพศที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยหนุ่มผู้ร้องเรียนบอกว่า แฟนสาวสมัครใจไปทำงานนวดแผนไทย แต่เมื่อไปถึงเกาหลีใต้ กลับถูกบังคับให้ขายบริการทางเพศ เหตุเกิดตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และไม่สามารถติดต่อได้จนถึงปัจจุบันนี้

อ่านข่าว : หนุ่มร้อนใจ! แฟนถูกบังคับขายตัวที่เกาหลี ยังไม่รู้ชะตากรรม แฉพิกัดนายหน้า

พล.ต.ต.อุดร เปิดเผยว่า หลังจากได้ข้อมูลจากผู้ร้องเรียน เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้เข้าตรวจค้นที่อาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ในตำบลคลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นพิกัดที่ได้รับแจ้ง ว่าเป็นสถานที่รับจัดหางานไปประเทศเกาหลี แต่จากการตรวจสอบแล้ว พบหญิงสาว 6 ราย โดยให้การว่าเป็นเพียงแค่สถานที่พักชั่วคราว และเป็นที่ฝึกสอนผู้ที่จะไปทำงานนวดแผนไทยในเกาหลีใต้เท่านั้น

โดยไม่พบผู้เช่า หรือผู้นำพาบุคคลทั้ง 6 คนมาพัก สาวไทย 6 คนที่พบในที่พักนั้นสมัครใจมาเอง ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน จึงได้มีการสนธิกำลังร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศเกาหลีใต้ และตำรวจสากล ตลอดจนหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า แฟนสาวของหนุ่มดังกล่าวนั้น ถูกหลอกไปขายบริการทางเพศจริงหรือไม่

หรือเป็นเพราะความห่วงใย จนทำให้เจ้าตัวเกิดความร้อนใจที่ติดต่อแฟนสาวไม่ได้ เลยคาดการณ์ว่าอาจจะถูกลวงไปขายบริการทางเพศ ซึ่งล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการคุยแช็ตผ่านไลน์กับผู้ร้องเรียนแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้

โดยขณะนี้เจ้าตัวยังอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ และกำลังจะเริ่มงานที่นั่น จึงไม่สะดวกที่จะกลับมาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ทั้งนี้ทางตำรวจไทยก็ได้ประสานกับตำรวจสากล เพื่อให้ช่วยติดตามหาตัว เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม อันจะนำไปสู่การติดตามหาตัวแฟนสาว ว่าถูกหลอกหรือถูกบังคับให้ค้าประเวณีจริงหรือไม่

ส่วนทางด้านตำรวจไทยก็จะสืบสวนขยายผลต่อไปอีก ว่ามีขบวนการหลอกพาสาวไทย ไปค้าประเวณีหรือขายบริการทางเพศที่ประเทศเกาหลีใต้จริงหรือไม่

พล.ต.ต.อุดร กล่าวอีกว่า หากเรื่องของการหลอกพาสาวไทยไปค้าประเวณีเป็นเรื่องจริง ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยและตำรวจสากล ตลอดจนหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ที่จะต้องร่วมกันขจัดขบวนการนี้ให้หมดสิ้นไป แต่ถ้าสิ่งที่ร้องเรียนไม่เป็นความจริง ก็ต้องไปสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ที่ทำลงไปนั้นเพราะสาเหตุอะไร

แต่ตอนนี้สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเร่งดำเนินการก่อนคือ การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนตามที่รับร้องเรียนไว้ นอกจากนี้ยังเป็นการเตือนสังคมอีกด้วย ถึงพิษภัยของโซเชียลมีเดีย ที่มีภัยอาชญากรรมร้ายแฝงมา และเข้าถึงประชาชนได้ง่าย

ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง ก็มีสิ่งที่เตือนสติได้คือ หากจะไปทำงานต่างประเทศนั้น ก็จะต้องมีการตรวจสอบให้เป็นที่แน่ชัดก่อนว่า บริษัทจัดหางานที่ประกาศอยู่นั้น มีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด

พล.ต.ต.อุดร ยอมเจริญ รองผู้บัญชาการภาค 7 กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามสืบหาข้อเท็จจริง ในกรณีหนุ่มดังกล่าวและแฟนสาวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รู้ผลเป็นที่ชัดเจนอย่างเร็วที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน