“ไฟลต์ซูริก”ป่วน สังคมวิจารณ์หึ่ง สมาคมกัปตันโต้ สั่งสอบหาข้อยุติ

การบินไทยชี้แจง วุ่น เหตุเที่ยวบินซูริก-กรุงเทพฯล่าช้า ต้องให้ผู้โดยสารชั้นเฟิร์สต์คลาสเปลี่ยนที่นั่งให้ 4 นักบินนั่ง ก่อนโต้เถียงกันวุ่นวาย เครื่องต้องดีเลย์ “ดีดีบินไทย” สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงด่วน ยอมรับกระทบภาพพจน์องค์กร หากระบบจองตั๋วบกพร่องต้องแก้ไข ถ้าเกิดจากคนก็ต้องลงโทษ เสียใจ ขออภัย ผู้โดยสาร ด้านนายกสมาคมนักบิน ครวญ ตกเป็นจำเลยสังคม ทั้งที่เป็นสิทธิของนักบินนั่งชั้นเฟิร์สต์คลาสได้ก่อน

ที่นั่งชั้นเฟิร์สต์คลาส

จากกรณีผู้โดยสารร้องเรียนความล่าช้าของเที่ยวบิน ทีจี 971 เส้นทางนครซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ บินมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 11 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยระบุว่าเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน เชิญผู้โดยสารให้เปลี่ยนที่นั่งเฟิร์สต์คลาส เนื่องจากมีคณะนักบิน 4 คนต้องการที่นั่ง หากไม่เปลี่ยนก็จะไม่บิน ทำให้ผู้โดยสารต้องยอมเปลี่ยนที่นั่ง เพื่อให้เที่ยวบินเดินทางต่อไปได้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางในสังคม ส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ของการบินไทยอย่างมาก

ที่นั่งเฟิร์สต์คลาส / ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 19 ต.ค. นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเมื่อวันที่ 18 ต.ค. ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว โดยมอบหมายให้รักษาการผอ.ฝ่ายกฎหมายเป็นประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง

“หลังจากทราบข่าว ผู้ใหญ่หลายท่าน ทั้งประธานบอร์ดการบินไทย รัฐมนตรีที่ดูแลโทรศัพท์มาพูดคุยแสดงความกังวลกับปัญหานี้กันมาก คุยยาวนานเกินเที่ยงคืน เรียกว่าไฟลุกตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เพราะเรื่องนี้กระทบภาพลักษณ์ของการบิน ผมไม่แฮปปี้กับเรื่องที่เกิดขึ้น ดังนั้น เราต้องสอบว่าเป็นปัญหาที่คน หรือระบบการจองที่นั่ง หากพบว่าระบบเฮงซวยก็ต้องแก้ไข แต่หากเป็นปัญหาเกิดจากคน ก็ต้องลงโทษคนที่ทำผิด” นายสุเมธกล่าว

ดีดีการบินไทยกล่าวต่อว่าขณะนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายจำหน่ายตั๋วโดยสาร นายสถานีที่ซูริก หัวหน้านักบิน ได้จัดทำรายงานข้อเท็จจริงของแต่ละหน่วยงานเสนอมา เพื่อให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ส่วนจะสอบข้อเท็จจริงแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ยังบอกไม่ได้ เพราะหากสอบเสร็จเร็วมาก ก็จะถูกว่าทำลวกๆ แต่ถ้าช้ามาก ก็อาจจะถูกตำหนิจากคนที่คาดหวัง รวมทั้งการบินไทยยังเป็นรัฐวิสาหกิจ การจะตัดสินใจอะไรทำแบบเถ้าแก่ไม่ได้ ต้องทำเป็นระบบ

“ในฐานะผู้บริหารสูงสุดของบริษัท ผมขอแสดงความเสียใจ ขออภัยต่อผู้โดยสารทุกท่าน ที่ทำให้ทุกท่านได้รับผลกระทบต่อการปฏิบัติงานที่ไม่เป็นมืออาชีพ ทำให้เกิดความล่าช้า ขอโทษท่านผู้โดยสารที่ได้ผลกระทบโดยตรงจากการย้ายที่นั่ง ผมขอน้อมรับผิด ต่อผู้โดยสารในเที่ยวบินในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนี้เชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบข้อเท็จจริง และดำเนินการที่เหมาะสม รวมทั้งกำหนดมาตรการ เพื่อให้มั่นใจว่าจะ ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกในอนาคต” ดีดีการบินไทยกล่าว

ขณะที่นายจุฬา สุขมานพ ผอ.สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่าเป็นเรื่องภายในที่บริษัทการบินไทยฯ ต้องไปตรวจสอบ และมีมาตรการว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อีก กพท.จะไม่เข้าตรวจสอบอะไร และไม่ต้องรายงานมาที่ กพท. เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการ ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยที่ กพท.กำกับดูแลอยู่

ผอ.กพท.กล่าวว่า ตามมาตรฐานองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) ที่เกี่ยวข้องกับนักบินนั้น กำหนดไว้ว่านักบินมีความจำเป็นต้องสะสมชั่วโมงพักผ่อนให้ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด จึงจะทำการบินต่อหลังจากลงเครื่องได้ ดังนั้น หากเครื่องบินมีที่นอน นักบินก็จะได้นอน แต่หากไม่มีที่นอน ก็ต้องให้นักบินนั่งอยู่ในที่นั่งที่พักผ่อนได้มากที่สุด เพื่อให้สะสมชั่วโมงการพักผ่อนเพียงพอตามกฎหมายกำหนด จึงจะทำการบินต่อได้

รายงานข่าวจากการบินไทยแจ้งว่า สำหรับที่นั่งโดยสารบนเครื่องบิน ที่ทำให้นักบินพักผ่อนได้ดีที่สุด จะเป็นที่นั่งชั้นเฟิร์สต์คลาส เพราะนอนราบได้ถึง 180 องศา ถือเป็นการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ส่วนใหญ่กัปตันจะใช้ที่นั่งในส่วนนี้ เพราะเปรียบเสมือนที่นอนชั่วคราวที่ใช้สะสมชั่วโมงการพักผ่อนให้ เป็นไปตามเกณฑ์ที่ กพท.กำหนด เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ที่จะทำการบินต่อเนื่องได้

ในส่วนของบริษัทการบินไทยฯ ให้สิทธินักบินที่เดินทางไปทำงาน และอยู่ระหว่างเปลี่ยนกะทำงานให้ สามารถขอใช้ที่นั่งเฟิร์สต์คลาสได้ แต่จะใช้ได้กรณีที่นั่งเฟิร์สต์คลาสว่าง โดยไม่มีผู้โดยสารจองเท่านั้น หากมีผู้โดยสารจองแล้ว นักบินต้องไปนั่งชั้นธุรกิจแทน

สำหรับเที่ยวบิน ทีจี 971 ซูริก-กรุงเทพฯ เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 ถูกปรับเปลี่ยนจากเดิมที่ใช้เครื่องบินเครื่องบินโบอิ้ง 777-300 อีอาร์ โดยเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 มีที่นั่งเฟิร์สต์คลาส 9 ที่นั่ง แต่ไม่ได้นำมาจำหน่าย

เนื่องจากเป็นเครื่องบินทดแทน จึงขายตั๋วแค่ 2 ราคา เท่านั้น คือชั้นธุรกิจ และชั้นประหยัด ไม่จำหน่ายตั๋วชั้นหนึ่ง หรือเฟิร์สต์คลาส แต่ระบบการจำหน่ายตั๋วจะโหลดผังที่นั่งเฟิร์สต์คลาสเข้าไปในระบบด้วย หากผู้โดยสารรายใดจองและเลือกที่นั่ง ระบบจะโหลดผังที่นั่งเฟิร์สต์คลาสเข้าไปด้วย

โดยคนที่จองที่นั่งชั้นธุรกิจไว้ก่อน มีสิทธิเลือกนั่งเฟิร์สต์คลาสได้ด้วย เนื่องจากปัจจุบันการบินไทยให้สิทธิ์ผู้โดยสารเลือกที่นั่งเองได้ผ่านทางคอลเซ็นเตอร์ หรือเอเยนต์ตัวแทนจำหน่าย หรือแม้กระทั่งระบบจองออนไลน์บางระบบ ทำให้ที่นั่งเฟิร์สต์คลาสเที่ยวบินดังกล่าวถูกจองเต็ม

ขณะที่ในเที่ยวบินจะต้องมีนักบิน 2 คน และลูกเรือจะต้องเปลี่ยนกะเดินทางกลับมาด้วย ซึ่งตามปกตินักบินจะขอนั่งเฟิร์สต์คลาส แต่ที่นั่งกลับไม่ว่าง จึงทำให้เกิดปัญหาโต้เถียงกัน ทำให้เที่ยวบินเกิดความล่าช้า และถูกร้องเรียนตามที่มีผู้ร้องเรียน

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เคยเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว โดยหลายฝ่ายมองว่าต้นเหตุของปัญหาอาจเกิดที่ระบบการสำรองที่นั่งของการบินไทย ที่จะยังมีช่องว่าง ทำให้ผู้โดยสารและนักบินต้องมาแย่งที่นั่งกัน ทั้งๆ ที่การบินไทยก็ทราบล่วงหน้า ว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะเดินทางในเที่ยวบินนั้น หากจัดสรรที่นั่งล่วงหน้าไว้ให้ชัดเจน อาจจะไม่เกิดปัญหาขึ้น

ขณะเดียวกัน นายศักดิ์ดา พันธ์กล้า อดีตรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ตนและภรรยาเป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน ต้องเปลี่ยนที่นั่งเฟิร์สต์คลาส ทั้งที่จองตั๋วและจ่ายค่าโดยสารในราคาสูงตามปกติ ไม่ได้ใช้สิทธิพิเศษใดๆ การได้รับปฏิบัติแบบนี้ก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะเท่ากับเจ้าหน้าที่ทำลายองค์กรของตัวเอง โดยหลังจากเกิดเรื่องได้เขียนจดหมายร้องเรียนตามช่องทางปกติแล้ว ตามคำแนะนำของที่คอลเซ็นเตอร์ที่แจ้งว่าต้องทำหนังสือตามขั้นตอนปกติ

หนึ่งในผู้โดยสารเที่ยวบินปัญหากล่าวต่อว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่การบินไทยติดต่อเข้ามาทางโทรศัพท์ แจ้งว่าจะขอเข้าพบเพื่อชี้แจง พร้อมขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ขอร้องเป็นการส่วนตัวว่าอย่าเพิ่งให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน พร้อมระบุว่าจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อไม่ให้เรื่องขยายวงกว้าง ก็รับปากไว้แล้ว จึงให้ข้อมูลได้เพียงเท่านี้ก่อน

ด้านผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Sanong Mingcharoen ปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนักบิน โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความไม่สบายใจต่อเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่านักบินเพื่อนร่วมอาชีพในเที่ยวบิน ทีจี 971 ต้องกลายเป็นจำเลยสังคม ถูกสังคมวิจารณ์ในทางเสียหาย

โดยนำเสนอข้อมูลออกไปสู่สื่อสาธารณะด้านเดียว และไม่มีโอกาสได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ มองว่าไม่เป็นธรรม เนื่องจากยังไม่มีผลสอบสวนข้อเท็จจริง รวมทั้งยังนำเอกสารภายในของสายการบินออกมาเผยแพร่ จะหารือกับผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย ถึงที่มาของหนังสือที่นำมาเผยแพร่กัน แต่เนื้อหาก็ทำให้นักบินเสียชื่อเสียงนั้น สามารถเรียกร้องค่าเสียหายอะไรได้บ้าง

ผู้ใช้เฟซบุ๊กคนเดิมระบุถึงสิทธิของกัปตันด้วยว่า ในอดีตเมื่อ 20 ปีก่อน บริษัทให้สิทธิตามสัญญาจ้างให้กัปตันสามารถที่เดินทางไปทำงานให้บริษัท ใช้สิทธินั่งที่นั่งในชั้นเฟิร์สต์คลาสได้ก่อน แต่ภายหลังฝ่ายบริหารตัดสิทธิ์นั้น โดยจะสำรองที่นั่งในชั้นธุรกิจแทน ยกเว้นในกรณีที่นั่งในชั้นเฟิร์สต์คลาสว่าง จึงจะนั่งได้ แม้ว่าจะรู้สึกเสียสิทธิที่เคยมี แต่ทุกคนก็ยอมเสียสละ เพื่อให้บริษัทมีรายได้จากการขายตั๋วในชั้นเฟิร์สต์คลาส

“มาถึงวันนี้ เกิดกรณีที่แม้ไม่มีผู้โดยสารเฟิร์สต์คลาส กัปตันก็ไม่ได้ถูกสำรองที่นั่งให้ตามสิทธิที่มี ซ้ำร้ายต้องกลายเป็นจำเลยสังคม พรุ่งนี้ผมตั้งใจว่าจะหารือกับผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมาย ถึงที่มาของหนังสือที่นำมาเผยแพร่กัน ที่แม้จะไม่ได้ลงลายมือชื่อ แต่เนื้อหาก็ทำให้นักบินเสียชื่อเสียงนั้น สามารถเรียกร้องค่าเสียหายอะไรได้บ้าง เพราะวันนี้ผมเชื่อแล้วว่า ถ้าเราถอยมากๆ วันหนึ่งเราจะไม่มีที่ให้ยืน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน