เรด บูลล์ จีน แจ้งจับผู้บริหาร เรด บูลล์ ไทย อ้างปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียง
เรด บูลล์ / เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 25 ต.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) น.ส.วรพนิต รวยรุ่งเรือง อายุ 28 ปี บุตรสาวของนายชาญชัย รวยรุ่งเรือง หรือเหยียนปิง นักธุรกิจชาวจีน ประธานกรรมการบริหารบริษัท เรด บูลล์ ไวตามิน ดริ๊ง จำกัด (ประเทศจีน) ซึ่งมีโรงงานผลิตเครื่องดื่ม “เรด บูลล์” หรือ “กระทิงแดง” มูลค่า 4,500 ล้านหยวน ในปักกิ่ง และอีก 3 แห่งในประเทศจีน (เรด บูลล์ ไชน่า) พร้อมนายกอปรลาภ อภัยภักดี ทนายความ เดินทางเข้าพบร.ต.ท ธนพล ยิ่งงามแก้ว รองสว.(สอบสวน) กก.3บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัท เรด บูลล์ ไวตามิน ดริ๊ง (ประเทศไทย) จำกัด (อาร์บีวีที) ซึ่งมีนายสราวุธ อยู่วิทยา และ น.ส.ภาวนา หลั่งธารา กรรมการบริหารบริษัทดังกล่าว ในข้อหานำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยนำเอกสารหลักฐานมามอบเพื่อประกอบการพิจารณา
นายกอปรลาภ กล่าวอ้างว่า สืบเนื่องจากกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัท เรด บูลล์ ไวตามิน ดริ๊ง (ประเทศไทย) จำกัด (อาร์บีวีที) ได้จ้างวานบริษัทหนึ่งในการเผยแพร่ข้อความโจมตีเครื่องดื่มเรด บูลล์ ไชน่า ผ่านเว็บไซต์ ว่าไม่มีประสิทธิภาพ และละเมิดเครื่องหมายการค้า ซึ่งข้อความในส่วนนี้เป็นเท็จและไม่เป็นความจริง
เจ้าของเรดบูลล์จีน แจ้งจับผู้บริหารเรดบูลล์ไทย อ้างปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียง
นายกอปรลาภ กล่าวอ้างอีกว่า เนื่องจากเมื่อประมาณปี 2538 นายเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของบริษัทเครื่องดื่มกระทิงแดง ได้ตกลงกับนายชาญชัยในการเปิดโรงงานผลิตเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดงที่ประเทศจีน โดยซื้อหัวเชื้อจากทางประเทศไทยไปผลิต และปันผลหุ้นส่วนในบริษัท เรด บูลล์ ไชน่า แบ่งเป็นของไทยถือ 50 เปอร์เซ็นต์และของจีน 50 เปอร์เซ็นต์ โดยมีการส่งคนจากประเทศไทยไปคุมโรงงานที่ประเทศจีนดำเนินธุรกิจเรื่อยมา และเมื่อนายเฉลียวเสียชีวิตลงตั้งแต่ปี 58 ลูกชายขึ้นมาคุมธุรกิจได้ตกลงว่าจะมอบหุ้นให้ทางจีนเป็น 49 เปอร์เซ็นต์ และทางไทยจะถือไว้ 49 เปอร์เซ็นต์ โดยจะมีหุ้นแขวนไว้ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่ปรากฎว่าไม่เป็นไปตามข้อตกลง จนอาจเป็นเหตุให้เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ ทำให้ในวันนี้จึงต้องมาเข้าแจ้งความเอาผิดดังกล่าว
ด้านร.ต.ท.ธนพล เปิดเผยว่า หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบรายละเอียดทางคดีอย่างละเอียดอีกครั้งว่ามีการกระทำผิดตามที่มีการกล่าวหาหรือไม่ และต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าใครหรือบริษัทอะไรเป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว และข้อมูลดังกล่าวนั้นถูกเขียนลงในพื้นที่ราชอาณาจักรไทยหรือไม่ ก่อนประสานส่งต่อเรื่องให้กับผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
