ชัดเจน!! ‘อาม ชุติมา’ ตอบแล้ว ถ้า ‘ลำไย’ ร้องผู้สาวขาเลาะ ให้จับได้เลยมั้ย!?

จากกรณีมหากาพย์ดราม่าไหแตก ระหว่างนักร้องและนักแต่งเพลงสาว อาม ชุติมา กับนายห้างประจักษ์ชัย เนาวรัตน์ เจ้าของค่ายไหทองคำ ที่ถึงตอนนี้ยังไม่มีบทสรุป แต่ทั้ง 2 ฝ่าย ก็ได้งัดข้อกฎหมายขึ้นมาต่อสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเอง โดยฝ่าย อาม ชุติมา มี ทนายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ เข้ามาช่วยเหลือด้านข้อกฎหมาย

ล่าสุด อาม ชุติมา ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว เมื่อถามว่าตอนนี้ถ้ายังกลัวอยู่ไหม ถ้ามีตำรวจหรือมีคนมาร่วบอีกตอนเราขึ้นร้องเพลงอีก อามบอกว่า ต้องบอกว่าก่อนหน้านี้กลัว แต่ตอนนี้ตอนนี้สบายใจมากขึ้นตั้งแต่มีผู้ใหญ่ (ทีมทนายอัจฉริยะ) เข้ามาให้การช่วยเหลือ ตั้งแต่ยกพานไปเตรียมไหว้ขอขมา แล้วไม่เจอในวันนั้นก็เสียความรู้สึกเหมือนกัน เพราะว่าตั้งใจ ส่วนเรื่องคดีต่างๆ ถามว่าอยู่ขั้นตอนไหน ก็ได้มอบให้ผู้ใหญ่เป็นคนดูจัดการ ถามว่ามั่นใจไหม ก็มีความมั่นใจ ส่วนเรื่องที่ถามว่าตอนที่เซ็นสัญญา ทางห้างไหทองคำ บอกว่า แม่-พ่อ ที่มาเป็นพยาน มีสติสัมปชัญญะดี ครบถ้วน มีความสุขดี ไม่ได้โดนบังคับนั้น ตรงนี้แล้วแต่ความคิดเห็น ส่วนว่าจะเป็นช่องโหว่ไหม ต้องถามทีมทนาย ตอนนั้นคือเมื่อ 3 ปี ที่แล้ว อายุ 16 ปี บรรยากาศตอนนั้น คือตนมีความฝัน เป็นเด็กบ้านนอก กำลังจะมีเพลงเป็นของตนเอง

ถามว่าเรื่องที่ ค่ายนายพล เอนเตอร์เทนเม้นท์ มีให้เซ็นสัญญาอีกชุดหนึ่งนั้น
“ยังไม่ขอพูดดีกว่า จะออกมาพูดอีกครั้งตอนที่ฉีกสัญญาแล้วค่ะ ซึ่งถามว่าตอนนั้นได้ขอให้ค่ายนายพลมาช่วยไหม และถามว่าที่เซ็นชื่อที่สระแก้ว ก็ตามข่าวเลยค่ะ ตอนนี้ยังไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะว่าผู้ใหญ่บอกว่า เรื่องนี้หนูไม่ต้องพูดแล้วดีกว่า หนูขอยังไม่พูดอะไรหลังจากนี้ ถ้าฉีกสัญญาแล้วเดี๋ยวหนูมาเล่า มาอธิบายให้ฟัง และตอนที่เซ็น เขาไม่ได้บอกว่าต้องอยู่กี่ปี ตอนนั้นที่ต้องเซ็น ในความรู้สึกคือต้องออกจากโรงพัก เขาบอกว่าเซ็นเพื่อออกจากโรงพัก คือถ้าไม่เซ็นหนูจะติดคุกค่ะ ไม่ได้บอกอะไร เขาบอกว่าสัญญามันไม่มีผล พอออกมาก็เสร็จ ถามว่าเสียความรู้สึกไหม เสียความรู้สึกค่ะ เพราะมันซ้ำซ้อน เหมือนเรื่องเดิมซ้ำอีก ตจอนนี้ยังงงอยู่ว่าสัญญามันซ้อนขึ้นมาได้ยังไง ที่มาที่ไปเป็นยังไง รอให้ฝ่ายกฎหมายดูแลดีกว่าค่ะ ถามว่ากลัวไหม ก็เป็นไงเป็นกัน ได้สู้แล้วค่ะ ที่ถามว่าทางค่ายนายพล เอาเอกสารมาให้เซ็น ดูเหมือนเป็นกลลวงไหม คือมันไม่ใช่เอกสารค่ะ มันเป็นบันทึกประจำวัน เขาไม่ได้ชี้แจงว่าเป็นเอกสารอะไรยังไง ถามว่าได้อ่านไหม เขาแค่บอกว่าให้เซ็นเพื่อออกจากโรงพักตอนนั้น และตอนนั้นเป็นสถานการณ์ที่กดดัน หนูก็กลัวด้วย แต่อ่านแค่ผ่านๆ และก็งงด้วย และถ้าตอนนี้เป็นสัญญาซ้อน คือสัญญามันซ้อนได้กันไหม แต่ก็ได้เอกสารนั้นกลับมาด้วยนะค่ะ เขาบอกว่าเป็นเอกสารไว้สำหรับกันตำรวจมาจับ ให้เอาเอกสารนี้ให้ตำรวจดูค่ะ ถามว่าได้กลับมาศึกษาไหมว่าเอกสารละบุว่าอะไร คือตอนนี้เอกสารอยู่กับผู้ใหญ่หมดเลยค่ะ ถามว่าต่อจากนี้ถ้าทำงาน จะมีค่ายนายพลมาเกี่ยวข้อง ในส่วนนี้ไม่ขอพูด เดี๋ยวให้ผู้ใหญ่มาชี้แจงดีกว่าค่ะ”

วันจันทร์นี้ ถ้าค่ายนายพลฯ และไหทองคำ เรียกคุยที่ค่ายนายพล จะไปไหม
“ถ้าว่างหนูก็อยากไป เอาตามตรงหนูอยากจบ เริ่องราวตรงนี้ไม่ได้อยากให้บานปลาย ถ้าคุยแล้วจบก็จะคุยค่ะ หนูก็อยากเป็นอิสระค่ะ คือไม่ต้องมีค่าย ไม่ใช่ว่าจบอีกค่ายหนึ่งไปอยู่อีกค่ายหนึ่ง ก็ไม่อิสระ ตามที่ทนายบอกก็สามารถเป็นไปได้ค่ะ ถามว่ามั่นใจไหม ก็มั่นใจค่ะ แต่ถ้าอะไรยังไง เราก็ได้สู้แล้วก็ให้ถึงที่สุด ผู้ใหญ่ว่ายังไงก็ว่าตามกัน หนูอยากเป็นอิสระค่ะ ถามว่าถ้าฉีกสัญญา ต้องจ่าย 2 ล้าน คือตอนนี้หนูไม่มี ถ้ามีก็พร้อมนะคะ แต่ไม่มี คือมันหลายๆ เรื่อง เหมือนจบจากอีกเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่ง คือมันก็หนักสำหรับหนูค่ะ ก็ยังดีที่มีผู้ใหญ่ที่เขามาดูแล”

“ส่วนเรื่องงานตอนนี้ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามหลีกเลี่ยง 3 เพลง ที่จะยังไม่ร้องในตอนนี้ มี อดีตที่เคยพัง ผู้สาวขาเลาะ ภาพเก่า ค่ะ ก็ร้องเพลงอื่นที่ไม่ได้เป็นปัญหาไปค่ะ ถามว่าเสียดายลิขสิทธิ์เพลงที่แต่งไหม คือในความรู้สึกมันยังเป็นเพลงของหนูอยู่ดี ถึงยังไงก็ยังเป็นของหนูค่ะ ส่วนเรื่องานตอนนี้ก็ยังมีงานเข้ามาเรื่อยๆ ค่ะ งานก็ต้องเดินต่อ และตอนนี้ส่วนมากคนจ้างงานเข้าใจและเป็นนายจ้างที่รู้จักกันด้วย และตอนนี้ก็รับงานเพิ่มเรื่อยๆ ค่ะ แต่ก็ต้องดูด้วยว่างานเป็นยังไง”

ถามว่า ถ้าลำไย ไหทองคำ นำเพลงผู้สาวขาเลาะไปร้องก็จะจับเหมือนกัน
“หนูกับพี่ลำไยตั้งแต่โดนจับ หลังๆ มาก็ไม่ได้คุยแล้ว อันนี้ก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่จัดการ อันนี้หนูไม่เกี่ยว เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ค่ะ ถามว่ามีการได้พูดคุยกันไหม ไม่มีค่ะ ที่ถามว่ายังสนิทกันอยู่ไหม ความห่างก็ห่าง แต่ความรู้สึกยังเหมือนเดิม ไม่ได้มีทะเลาะกัน”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน