ยื่นหนังสือถึง “ปิยะสกล” ค้านแก้ พ.ร.บ.สสส. ตัดงบฯ – ดึงเข้า ‘ระบบราชการ’ ขีดเส้น 18 พ.ย. หากยังแก้กม. เตรียมบุกทำเนียบ ด้าน “หมอเสรี” เผยร่างกม. ยังไม่ประกาศใช้ อยู่ระหว่างวิเคราะห์ผลกระทบ

พ.ร.บ.สสส. – เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 ต.ค. ที่สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายเจกะพันธ์ พรหมมงคล ผู้ประสานงานขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน ภาคใต้ (ขสช.) นำตัวแทนเครือข่ายจาก 4 ภาค กว่า 100 คน ยื่นหนังสือถึง นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อแสดงจุดยืนขอให้ยุติการแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 เนื่องจากเครือข่ายมองว่า มีเจตนาลดทอนความเข้มแข็งของภาคประชาชน ที่ตื่นตัวลุกขึ้นมาช่วยภาครัฐในการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน ซึ่งมีผู้แทนจากสำนักเลขาธิการรัฐมนตรีฯ มารับหนังสือแทน เนื่องจากรัฐมนตรีฯ ติดภารกิจการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร

นายเจกะพันธ์ กล่าวว่า จากการที่นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีบัญชาให้แก้ไข พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 มาตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งขบวนการแก้ไขผ่านไป 19 มาตรา แต่ยังไม่จบ กลับพบว่ามีการแก้ไขอีก โดยกระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมดำเนินการแก้ไขพ.ร.บ.ฉบับนี้อีก สวนทางกับโจทย์ความยั่งยืนตามดำริของนายกรัฐมนตรี ด้วยการกำหนดให้มีการนำระบบราชการเข้ามาบริหารจัดการกองทุน สสส. ตลอดจนการจำกัดเพดานเงิน โดยเร่งรีบให้มีการนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.และสภานิติบัญญัติ (สนช.)

ที่น่าตกใจคือ มีการนำร่างพ.ร.บ.นี้แขวนในเว็บไซต์ของสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อสอบถามความคิดเห็นผ่านออนไลน์ แต่กลับไม่มีการสอบถามภาคประชาชนจริงๆ อย่างเป็นทางการ จึงทำให้เห็นว่าต้องการจะยึด ตัดรากตัดต้นไม้ให้หมดสิ้น โดยเฉพาะการจำกัดงบประมาณ สสส.ให้เหลือ 4,000 ล้านบาท แต่ในความเป็นจริงภาวะคุกคามทางสุขภาพมากมาย ทำแบบนี้เหมือนเป็นการตัดแขนตัดขา และยังให้ไปอยู่ในกองทุนหมุนเวียนของกระทรวงการคลัง โดยการทำงานอะไรก็ต้องผ่านกระทรวงการคลังหมด ซึ่งเป็นการดึงให้สสส.ไปอยู่ภายใต้ระบบราชการ ที่มีขั้นตอนการทำงานล่าช้า ทั้งๆ ที่สสส.มีกฎหมายเฉพาะของตนเอง ซึ่งระบุชัดว่า องค์กรอิสระที่มีกฎหมายของตัวเองไม่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้พ.ร.บ.ฯ ใดๆ อีกการทำเช่นนี้จึงเป็นเหมือนกันฮุบ สสส.ไป” นายเจกะพันธ์ กล่าว

นายเจกะพันธ์ กล่าวอีกว่า ดังนั้นเราขอให้มีการยกเลิกการร่างพ.ร.บ.สสส. เสีย หากแก้ไขแล้วไม่ก่อประโยชน์ อย่าทำ โดยจะให้เวลาถึงวันที่ 18 พ.ย.นี้ หากไม่มีการเคลื่อนไหวหรือท่าทีว่าจะยกเลิก พวกเราทั้งประเทศจะรวมพลครั้งใหญ่ มาเรียกร้องที่ทำเนียบรัฐบาล นอกจากนี้เครือข่ายฯทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศจะเคลื่อนไหวในพื้นที่ของตน โดยการยื่นเรื่องข้อเรียกร้องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมในแต่ละจังหวัด เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค. 2561 เป็นต้นไป ซึ่งหากไม่มีความคืบหน้าในการยุติการแก้กฎหมายดังกล่าว ทางภาคีเครือข่ายทั้ง 4 ภาคจะมาพบนายกรัฐมนตรีปลายเดือนพ.ย. นี้แน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีเรื่องจำกัดวงเงิน เนื่องจากที่ผ่านมามองว่า การใช้งบฯของสสส.มากเกินไป และการให้งบฯ อาจเอื้อประโยชน์พวกพ้องหรือไม่ นายเจกะพันธ์ กล่าวว่า ก็ยอมรับว่าเมื่อปี 2559 มีประเด็นเรื่องประโยชน์ทับซ้อนในเรื่องของผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ ที่อาจจัดสรรงบให้องค์กรที่ตนเองอยู่ หรือที่รู้จัก แต่ขณะนั้นได้มีการดำเนินการแก้ไข เพื่อไม่ให้มีช่องว่างดังกล่าวแล้ว จนในที่สุดคณะกรรมการติดตาม และตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินก็ประกาศว่า การดำเนินงานของ สสส. โปร่งใส ซึ่งก็ต้องจบไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่ครั้งนี้กลับมีการแก้ไขกฎหมายที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนในอนาคต จึงควรยกเลิกเสีย

เมื่อถามว่าได้เรียกร้องที่กระทรวงไหนมาแล้วบ้าง นายเจกะพันธ์ กล่าวว่า กระทรวงการคลัง แต่ก็เงียบ ไม่สนใจ จึงต้องมาที่กระทรวงสาธารณสุข แต่หากไม่ได้รับความสนใจอีก ก็จะไปทำเนียบรัฐบาล

ด้าน นายชูวิทย์ จันทรส เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ กล่าวว่า เดิมทีเคยเรียกร้องมาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.สสส. ก็เงียบไป ไม่คิดว่าจะมีการเดินหน้าเรื่องนี้อีก โดยเฉพาะในมาตรา 11 จำกัดวงเงิน 4,000 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 4,600 ล้านบาท และมาตรา 16 เรื่องการพิจารณาระเบียบ หรือเรื่องต่างๆ ที่บอร์ด สสส.พิจารณาแล้ว แต่จะอนุมัติหรือไม่ต้องผ่านกระทรวงการคลังก่อน ซึ่งเจตนาในการแก้กฎหมายแบบนี้ มีความชัดเจนว่า ต้องการยึดสสส. ให้อยู่ภายใต้ระบบราชการ อย่างไรก็ตามตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค. ทางเครือข่ายจะเคลื่อนไหวต่อต้านเรื่องนี้ โดย จ.ชุมพร จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ (30 ต.ค.) ด้วย

ด้าน นพ.เสรี ตู้จินดา ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานจัดทำร่างพ.ร.บ.สสส. กล่าวว่า ในส่วนของการจัดทำร่างพ.ร.บ.ฯ ได้จัดทำเสร็จแล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์ผลกระทบ และประชาพิจารณ์ โดยมีข้อคิดเห็นอะไรก็เสนอมาได้ ซึ่งร่างพ.ร.บ.ฯ ไม่ใช่ว่าจะประกาศใช้เลย ยังต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน