#บอยสกล ลุุยแจ้งความจับเพื่อน!! ยันไม่เคยโกงเงิน 8 แสน ไม่เคยพูดว่าเป็นนิสิตจุฬา

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 31 ต.ค. ที่สน.บางรัก นายสกล เอี่ยมสะอาด หรือ บอยสกล เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.ศุภชัย หาญคำหล้า รองผกก.(สอบสวน) สน.บางรัก และ ร.ต.อ.ณัฎฐ์ธิพงศ์ สีดา รองสว.(สอบสวน) สน.บางรัก พร้อมให้ข้อเท็จจริงเรื่องเงินและนำเอกสารหลักฐานที่อดีตเหรัญญิกให้สัมภาษณ์สื่อช่องหนึ่ง เมื่อ วันที่ 12 ก.ย. กล่าวหาพาดพิงว่าตนเป็นผู้ยักยอกนำเงินรุ่นของคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.บูรพาไป ในความผิดตามพรบ.คอมพิวเตอร์ และข้อหาหมิ่นประมาท

นายสกล กล่าวว่า ขอชี้แจงเรื่องเงินม.บูรพาที่มีบุคคลกล่าวหาว่าตนเป็นคนนำเงินจำนวนประมาณ 8 แสนบาทไป ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยได้มีบุคคลคนหนึ่งได้ไปให้สัมภาษณ์กล่าวหาตนกับสื่อช่องหนึ่งว่าเป็นคนเอาเงินไปใช้ชีวิตหรูๆ ถอยรถป้ายแดง และมีคอนโดอยู่ ซึ่งวันนี้จะแจ้งเอาผิดกับบุคคล 2 คน เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับตนเองโดยตรงคือเป็นเพื่อน ในข้อหาหมิ่นประมาท และพรบ.คอมพิวเตอร์ รู้จักกับเพื่อนคนดังกล่าวแต่ไม่สนิท ไม่ทราบสาเหตุว่า ทำไมถึงออกมาว่าให้ร้ายกล่าวหาตน

นายสกล กล่าวยืนยันว่า เงินจำนวนดังกล่าวตนไม่ได้เป็นคนเอาไป เพราะชื่อบัญชี ไม่ได้เป็นชื่อของตนเอง โดยตนไม่ได้เป็นเจ้าของบัญชี ซึ่งการเบิกถอนเงินแต่ละครั้ง ตนไม่สามารถเป็นคนไปเบิกถอนได้ โดยเงินจำนวนดังกล่าวมีอยู่จริง แต่ไม่ถึง 850,000 บาท ยืนยันว่าเงินจำนวนดังกล่าวได้นำไปใช้ในสโมสรมีสลิปยืนยันเรียบร้อย ไม่ได้นำไปใช้ส่วนตัว

นายสกล กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องกล่าวหาว่า ตนเองแอบอ้างและปลอมแปลงเอกสาร รวมทั้งเข้าเรียน เป็นนิสิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง ขณะนี้ได้ส่งหนังสือไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว โดยยืนยันว่าตนไม่เคยหนี หากจะเรียกตนไปสอบสวนหรือไปชี้แจงข้อเท็จจริง ก็พร้อมที่จะเข้าให้ข้อมูล ตนได้เข้าไปที่จุฬาฯ เป็นความจริง ตามภาพที่ปรากฎในสื่อสังคมออนไลน์ ในเรื่องการไปถือป้ายประเพณีฟุตบอล

นายสกล กล่าวอีกว่า อันดับแรกขอชี้แจงก่อนว่าป้ายที่ไปถือเป็นป้ายของขบวนเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งในงานประเพณีฟุตบอลมีหลายขบวนเป็นสิบๆ ขบวน ขบวนที่ถือป้ายเป็นขบวนหลังสุด ซึ่งป้ายที่ถือไม่ได้เป็นป้ายหลักหรือป้ายเด่นอะไร ซึ่งช่วงนั้นคนที่ถือป้ายอาจมีการประชาสัมพันธ์ของข้างในไม่ชัดเจน งานดังกล่าวเป็นงานเปิดไม่ใช่งานปิด คนนอกสามารถเข้าไปร่วมภายในงานได้

ตนได้เข้าไปเพราะรู้จักกับคนในนั้น ป้ายจะต้องถือซ้ายกับขวาซึ่งส่วนสูงก็เป็นปัญหาหลักๆ และน้ำหนักของป้ายประมาณ 10 กว่ากิโลกรัมถือว่าค่อนข้างหนัก ตนจึงเข้าไปถือ ซึ่งหลังจากนั้น 8 เดือน ก็ไม่เคยมีดราม่าหรือกระแสอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้วมีดราม่าเกิดขึ้น ทั้งนี้หากย้อนกลับไปได้ตนก็คงจะไม่ไปถือป้าย

นายสกล กล่าวว่า ปัจจุบันตนยังเรียนไม่จบ กำลังศึกษาอยู่ที่ม.รามคำแหง เพิ่งจะสอบเสร็จเมื่อวันที่ 30 ต.ค. ตนได้ศึกษาที่ม.บูรพาเมื่อปี 2557 นั้นเป็นความจริง และพ้นสภาพนิสิตออกมาจริง เนื่องจากเรียนแล้วรู้สึกไม่ได้ชอบไม่ถูกทางก็เลยออกมา ส่วนเรื่องได้เข้าไปอ่านหนังสือที่หอสมุดกลางจุฬาฯ เป็นความจริง เพราะหอสมุดดังกล่าวเป็นหอสมุดที่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าไปได้

นายสกล กล่าวยืนยันอีกว่า ไม่ได้มีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อให้เข้าไปในหอสมุดกลาง การเข้าไปในหอสมุดของผมจะต้องแลกบัตรประชาชนและจ่ายเงิน 20 บาท เป็นบัตรผู้ติดต่อ ตนต้องการเคลียร์ดราม่าว่าไม่ได้ต้องการแอบอ้างเป็นนิสิตจุฬาฯ แต่อย่างใด

เพิ่มเพื่อนคลิกเพิ่มเพื่อนกับไลน์ข่าวสด รู้ข่าวก่อนใคร!

“ยืนยันว่าไม่ได้ปลอมเอกสาร และไม่เคยพูดสวมรอยว่าเป็นนิสิตจุฬาฯ ในการประกอบธุรกิจ หรือทำธุรกรรมใดๆ ทั้งสิ้น ล้วนแต่ไม่เป็นความจริง” นายสกล กล่าวยืนยันหนักแน่น

นายสกล กล่าวอีกว่า ส่วนเพื่อนที่ออกมาโพสต์เรื่องนี้ยอมรับว่ารู้จักกันจริง แต่ก็ไม่ได้สนิทสนม และไม่เคยเข้าไปนั่งเรียนในคลาสกับเพื่อนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระทบกับชีวิตอย่างมาก เดินไปไหนมีแต่ถูกตราหน้าว่าเป็นคนไม่ดีไปแล้ว ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนทำเรื่องโกงเงินม.บูรพา และปลอมแปลงสิทธิเข้าไปเรียนที่จุฬาฯ ไม่เป็นความจริง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน