เรียกว่าเป็นที่ฮือฮาอีกประเด็นในโลกโซเชี่ยล กรณี “น้องพี สุวิน” เด็กชายชาวมอญ วัย 7 ขวบ โชว์สกิลซัดลูกฟุตบอลบอลชนคานติดต่อกันถึง 5 ครั้งเพื่อแลกกับลูกฟุตบอลลูกแรกในชีวิต แน่นอนว่าทักษะการเตะลูกฟุตบอลชนคานไม่ใช่เรื่องที่ใครๆ ก็ทำได้ แต่หนูน้อยรายนี้พิสูจณ์ให้เห็นแล้วว่า “การฝึกซ้อมเท่านั้นที่จะนำพาสู่ความสำเร็จ

 

ข่าวสดเฉพาะกิจ ได้รับเกียรติจาก “อาจารย์สมบัติ ลีกำเนิดไทย” อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทยและเป็นผอ.ศูนย์ฝึกฟุตบอลอินเตอร์ไทยแลนด์ อะคาเดมี่ ผู้เห็นแววที่เจิดจรัสของน้องพีและนำมาปลุกปั้นจนกลายเป็นนักเตะรุ่นจิ๋วจะมาบอกเล่าเรื่องราวของ “นักเตะพรสวรรค์” รุ่นจิ๋วรายนี้

อาจารย์สมบัติ เล่าย้อนกลับไปว่า น้องพีเป็นเด็กที่เรียกได้ว่าเติบโตที่สนามฟุตบอลและพ่อแม่เป็นคนงานขายอาหารที่นี่ น้องพีชอบมายืนเกาะสนามดูรุ่นพี่ซ้อมเป็นประจำจนอยากฝึกฝนทักษะด้านฟุตบอลอย่างรุ่นพี่บ้าง วันหนึ่งตนเอ่ยถามไปว่าต้องการที่จะซ้อมฟุตบอลหรือไม่และคำตอบที่ได้จากน้องพีนั้นชัดถ้อยชัดคำ จนเห็นถึงความมุ่งมั่นกระทั่งเรียกมาทดสอบฝีเท้าโดยมีข้อแม้ว่าจะต้องทำตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ให้ได้

 

“ผมเห็นแววตาของน้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจ เลยเรียกเข้ามาคุยและบอกว่าให้ไปฝึกเดาะบอลให้ได้ 10 ครั้งแล้วจะสอนฟุตบอลให้ เชื่อมั้ยว่าน้องทำได้ภายในเวลาแค่ 1 อาทิตย์ สามารถเดาะได้จาก 3 ครั้งเป็น 10 ครั้ง และจากการที่เป็นเด็กเล่นฟุตบอลด้วยเท้าซ้ายและยิงฟุตบอลด้วยหลังเท้าได้ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กในวัยนี้ เพราะส่วนใหญ่เด็กเล็กชอบที่จะยิงด้วยการจิ้มหัวเกือกหรือเรียกว่าลูกฉีดยา แต่กับน้องเขามาด้วยหลังเท้าเลยถือว่าเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ ทั้งยังเรียนรู้ทักษะต่างๆ ได้เร็วและมีความพยายามเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับกับเด็กทั่วไป”

อดีตนักบอลทีมชาติไทย บอกต่อว่า เหตุที่น้องพีแม่นยำในการเตะลูกฟุตบอลชนคาน มาจากการที่ตนได้วางตารางการฝึกซ้อมไว้ในช่วงเย็นของทุกวัน เริ่มจากการวิ่งรอบสนาม การเคลื่อนตัวและการเล่นกับลูกฟุตบอล การส่งลูกเรียดวางลูกโด่ง แต่ตนมองว่าควรกำหนดจุดหมายให้เด็กที่มาฝึกซ้อมการวางบอลโดยเรียกคานประตูเป็นเป้าหมาย

 

“ธรรมชาติของเด็กอายุประมาณนี้จะไม่ชอบการวิ่งรอบสนาม ผมเลยตั้งโจย์มาว่าถ้าใครเตะบอลชนคานได้จะไม่ต้องวิ่ง เด็กๆ หลายคนก็ซ้อมกันอย่างหนักหวังให้ลูกบอลชนคานให้ได้ แต่น้องพีแม่นที่สุด ชนคานบ่อยสุด แต่จุดประสงค์ของการให้เด็กเตะชนคานก็คือ ให้เด็กๆ ฝึกความแม่นยำในการวางบอล ถ้าเตะกันไปมาเฉยๆ ก็ไม่ได้อะไร เด็กจะไม่รู้น้ำหนักของลูกบอล ไม่รู้จักการวางเท้า นั่นถือว่าเป็นการฝึกซ้อมอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน”

แน่นอนว่า ฝีเท้าของน้องพีเจิดจรัสฉายแววจนเข้าตาหลายทีมใหญ่ใน “ไทยพรีเมียร์ลีก” ที่สนใจคว้าตัวนักเตะรุ่นจิ๋วรายนี้ไปปลุกปั้นและสานฝันสู่นักเตะทีมชาติไทย

 

แต่ประเด็นดังกล่าว สมบัติ มองว่า ด้วยสภาพแวดล้อมบวกกับเด็กวัย 7 ขวบ อาจจะต้องให้เวลาอีกสักระยะเพื่อฟูมฟักทั้งสภาพร่างกาย จิตใจและทักษะพื้นฐานอีกหน่อย ส่วนตัวไม่คิดจะรั้งไว้ในเมื่อมีโอกาสที่จะก้าวคิดสู่นักเตะอาชีพตนก็ยินดี แต่คิดว่าเวลานี้ยังไม่เหมาะที่จะเดินทางเข้าสู่อ้อมอกของทีมในไทยพรีเมียร์ลีก

 

“น้องยังต้องอยู่ในความดูแลของพ่อและแม่ ยังต้องได้รับการเสริมทักษะให้แน่นกว่านี้ก่อนที่จะไปอยู่กับทีมใหญ่ ยอมรับว่ามีหลายสโมสรติดต่อขอตัวน้องไปอยู่ด้วย แต่ด้วยสภาพแวดล้อม ความเป็นอยู่ที่แตกต่างไปจากที่เคยเป็น เด็กอาจจะไม่คุ้นเคยก็เลยอยากให้น้องมีอายุที่มากกว่านี้อีกนิด ให้เขาได้เรียนรู้การใช้ชีวิตเพิ่มเติม รับรองว่าผมไม่กั๊กตัวเด็กเอาไว้แน่นอนและพร้อมสนับสนุนเต็มที่ เข้าใจดีว่าทุกคนก็อยากให้น้องได้ดิบได้ดีแต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าน้องเกิดที่นี่ อยู่กับพ่อกับแม่และสภาพร่างกายยังต้องพัฒนาให้มากกว่านี้ก่อน ตอนนี้ขอทำหน้าที่เรือจ้างเป็นผู้สร้างเด็กคนนี้ให้แข็งแกร่งถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที”

แม้ว่าน้องพีจะไม่ใช่ไทยแท้เพราะถือเชื้อชาติมอญ แต่ความตั้งใจที่จะเป็นนักเตะทีมชาตินั้นพรั่งพรูมาจากสายตาอันมุ่งมั้น น้องพี รับอย่างเต็มปากว่า ทีมชาติไทยคือ ชาติที่เขาจะเลือกลงสนามให้และสโมสรเดียวที่น้องใฝ่ฝันที่จะร่วมเล่นลีกอาชีพคือ “เมืองทอง ยูไนเต็ด”

 

“ผมอยากเป็นเหมือนพี่อุ้ม ธีราทร พี่เจ ชนาธิป เพราะพี่ๆ เขาเก่ง อยากเล่นให้ทีมชาติไทยด้วยและอยากเก่งเหมือนลีโอแนล แมสซี่ อนาคตอยากไปเตะให้สโมสรบาร์เซโลน่าด้วยครับ” คำตอบสั้นๆ จากปากน้องพี่สะท้อนให้เห็นถึงความใสสื่อบริสุทธิ์และความมุ่งมั่นตั้งใจ

 

อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนในสัญชาติของน้องพียังเป็นที่ข้อสงสัย แม้ว่าเจ้าตัวจะยืนยันชัดเจนว่า “อยากเป็นนักเตะทีมชาติไทย” ประเด็นนี้จะเป็นตัวปิดกั้นโอกาสสู่เส้นการค้าแข้งหรือไม่? ในมุมของ “นายสุรพงษ์ กองจันทึก” ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสัญชาติ ให้ความเห็นว่า ในกรณีของน้องพีนั้น ต้องย้อนกลับไปดูว่าพ่อแม่ของน้องเข้ามาในประเทศไทยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ และถ้าเข้ามาถูกก็คงเป็นในฐานะแรงงานข้ามชาติ และต้องดูว่าพ่อแม่ของน้องมีสัญชาติพม่าหรือไม่ ซึ่งกระบวนการขอสัญชาติของเด็กที่มีพ่อแม่เป็นใน 2 กรณีนี้นั้นค่อนข้างยากต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.59 ครม.ได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ “บุตรของคนต่างด้าวทุกกลุ่มที่เกิดในประเทศไทย” อาศัยอำนาจตามกฎหมายสัญชาติมีมติอนุมัติให้เด็กที่เกิดในไทย ซึ่ง“เป็นบุตรของคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลานานแล้ว” และ อยู่ในระหว่างศึกษาเล่าเรียน หรือเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ให้มีสิทธิขอมีสัญชาติไทยตามขั้นตอนของกฎหมายสัญชาติ ได้ 2 กรณี คือ 1.บุตรของคนต่างด้าวกลุ่มชาติพันธุ์หรือชนกลุ่มน้อยที่กระทรวงมหาดไทยได้จัดทำทะเบียนและออกบัตรประจำตัวไว้แล้วกับสำนักทะเบียนอำเภอ โดยบิดาหรือมารดาต้องอาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 15 ปี 2.บุตรคนต่างด้าวอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่กลุ่มชาติพันธุ์หรือชนกลุ่มน้อย ที่เกิดและเรียนหนังสือในประเทศไทยจนจบการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีแล้ว เท่ากับว่าเป็นคนอาศัยอยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 20 ปี แต่ถ้าเด็กกลุ่มนี้ยังเรียนไม่จบปริญญาตรี ต้องให้รมว.มหาดไทยพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน โดยทั้งสองกลุ่มต้องมี “สูติบัตร” หรือ “หนังสือรับรองการเกิด” ซึ่งในส่วนของน้องพี ต้องไปดูว่าจะสามารถขอสัญชาติได้ตามเงื่อนไขนี้หรือไม่

 

สุดท้ายนี้ อาจารย์สมบัติ ฝากว่า ผู้ใดที่สนใจอยากฝึกซ้อมและก้าวสู่นักเตะอาชีพ โดยไม่จำเป็นต้องเล่นฟุตบอลเก่ง ขอแค่มีอายุตั้งแต่ 5-17 ปี ก็สามารถมาร่วมฝึกซ้อมได้ โดยจะทำการฝึกทุกวันจันทร์-พุธ-ศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ ช่วงเวลาหลังเลิกเรียน ติดต่อได้ที่เบอร์ 081-619-0228 โดยตรง

 

 

Live เกาะขอบสนามคุยกับ “โค้ชสมบัติ” สมบัติ ลีกำเนิดไทย อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย และ “น้องพี” สุวิน นักเตะพรสวรรค์รุ่นจิ๋ว ที่สนามอินเตอร์ ไทยแลนด์ ศรีนครินทร์

โพสต์โดย Khaosod – ข่าวสด บน 10 มกราคม 2017

 

ศศิประภา ดีรบรัมย์ รายงาน

 

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน