เจอครบแล้ว 28 ศพ เหยื่อเรือล่มที่อยุธยา ปภ.ประกาศปิดศูนย์ หลังไม่พบมีผู้สูญหายแล้ว ระบุเด็กวัย 2 ขวบรายที่ 29 เป็นการแจ้งข้อมูลผิดพลาดของญาติ ด้านคมนาคมออกมาตรการป้องกัน ให้ติดตั้งอุปกรณ์ชูชีพ และสำรวจความปลอดภัยของท่าเรือทั้งหมดภายใน 1 เดือน ส่วนในอนาคต เรือโดยสารที่บรรทุกคนตั้งแต่ 25 คนขึ้นไป ต้องมีระบบติดตาม ส่วนซากเรือก็กู้สำเร็จแล้ว กรมเจ้าท่าใช้เครนยักษ์ยก ก่อนลากไปเตรียมพิสูจน์หลักฐาน ขณะที่ตร.แจ้ง 4 ข้อหาคนขับเรือแล้ว เบื้องต้นให้การรับสารภาพทั้งหมด

จากกรณีเกิดเหตุเรือ นำเที่ยว “สมบัติมงคลชัย” ซึ่งเป็นเรือ 2 ชั้น บรรทุกผู้โดยสารชาวมุสลิมที่เหมาเป็นขบวน 15 ลำ จาก 2 มัสยิดพื้นที่ ต.สำเภาล่ม กับ ต.ประตูชัย จ.พระนคร ศรีอยุธยา มาพบปะสังสรรค์ตามประเพณีที่ถือปฏิบัติกันมานาน เสียหลักชนแพท่าน้ำหน้าวัดสนามไชย ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วล่ม เป็นเหตุให้มี ผู้เสียชีวิตและสูญหายจำนวนมาก เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ท่าเรือวัดสนามไชย ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนคร ศรีอยุธยา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การค้นหาผู้สูญหายยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดย เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการทางน้ำ สังกัดกรมตำรวจน้ำ ร่วมกับมูลนิธิร่วมกตัญญู มูลนิธิพุทไธสวรรย์ พร้อมด้วยอาสาสมัครจากหลายหน่วยงาน ค้นหาตลอดคืนวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยแบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็นสองหน่วยปฏิบัติการ ทำหน้าที่สลับหมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง กระทั่งค้นพบผู้สูญหายเพิ่ม 6 ศพ ไล่ตั้งแต่เวลา 04.00 น. พบศพนางอนันดา บุญรักษ์ อายุ 39 ปี เวลา 04.50 น. พบศพ ด.ญ.อามีรา กระจ่างแสง อายุ 3 ขวบ เวลา 05.00 น. พบศพด.ช.ธิเบต มาทอง อายุ 4 ขวบ ทั้งสามศพพบบริเวณคุ้งน้ำร้านอาหารกู๊ดวิว

ต่อมาเวลา 06.15 น. พบศพน.ส.มนัญญา รัตนะวัน อายุ 25 ปี บริเวณสะพานใหม่ หมู่บ้านญี่ปุ่น และล่าสุดในเวลา 10.50 น. พบศพด.ช.อภิลักษณ์ บุญรักษ์ อายุ 3 ขวบ บริเวณคุ้งน้ำหน้าคริสตจักรโยเซฟ

เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่ลงเรือค้นหาร่างผู้เสียชีวิตในแม่น้ำเจ้าพระยา พบศพลอยอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณใกล้กับหน้าโบสถ์โยเซฟ ต.สำเภาล่ม อ.พระนคร ศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 5 ก.ม. ทราบชื่อนางทองใบ ขันธรักษ์ อายุ 89 ปี ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 28 ราย

นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา ปภ.พระนครศรีอยุยา เผยว่า สรุปยอดผู้เสียชีวิตรวม 28 ราย ส่วนรายที่ 29 ชื่อด.ช.อภินันท์ แสงขำ อายุ 2 ขวบ ที่มีการแจ้งหายไว้นั้น ตรวจสอบแล้วว่าญาติแจ้งข้อมูลผิดพลาด จึงสรุปว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ทั้งหมด 28 ราย บาดเจ็บ 51 คน ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 8 คน

ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศการดำเนินการกู้เรือโดยสารล่ม โดยเจ้าหน้าที่จากกรมเจ้าท่า พร้อมด้วยมูลนิธิร่วมกตัญญูและมูลนิธิพุทไธสวรรย์ ร่วมกันเคลียร์พื้นที่โดยรอบที่เกิดเหตุ โดยการนำกองผักตบชวาที่ลอยมาติดบริเวณซากเรือและเศษไม้ต่างๆ ออกเพื่อรอการดำเนินการใช้เรือเครนขนาด 40 ตัน 2 ลำ ยกซากเรือขึ้นจากน้ำ ทั้งนี้ระหว่างการดำเนินการกระแสน้ำในแม่น้ำเริ่มไหลแรงขึ้น รวมทั้งมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงานของเจ้าหน้าที่

นายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า เบื้องต้นจะใช้เรือเครนดังกล่าวยกส่วนหัวและท้ายของซากเรือ จากการสำรวจของนักประดาน้ำพบว่า ที่ด้านกราบขวาของตัวเรือมีรอยแตกขนาดใหญ่ ยาว 7 เมตร กว้าง 1 เมตร ซึ่งเป็นส่วนที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะใช้เครนกู้เรือ จากนั้นจะใช้แผ่นยางหรือสังกะสีอุดรูรั่ว และจะดำเนินการสูบน้ำออกจากตัวเรือ แต่อย่างไรก็ตามต้องดูที่หน้างานร่วมด้วย เนื่องจากมีกระแสน้ำที่ไหลแรงซึ่งเป็นอุปสรรคในการทำงานของ เจ้าหน้าที่ ดังนั้นต้องคอยกำกับดูแลการทำงานอย่างใกล้ชิดและต้องปลอดภัยที่สุด

รอง อธิบดีกรมเจ้าท่ากล่าวต่อว่า สำหรับซากเรือเมื่อกู้ขึ้นมาได้จะนำไปไว้ที่อู่ต่อเรือสีเจริญก่อนส่งมอบให้ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นของกลางเพื่อรอการตรวจสอบอีกครั้ง ในส่วนของคนขับเรือ เบื้องต้นกรมเจ้าท่าแจ้งข้อหา และไม่ต่อใบประกาศนียบัตรการขับเรือกับคนขับเรือดังกล่าวแล้ว

ต่อ มาเมื่อเวลา 14.40 น. เมื่อเรือเครนทั้ง 2 ลำมาถึงจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ในรัศมี 3 เมตร เพื่อสะดวกต่อการปฏิบัติหน้าที่ จากนั้นเรือเครนทั้งสองลำนำเชือกผูกเข้ากับเสาส่วนท้ายและส่วนหัวของตัวเรือ แล้วยกซากเรือให้สูงขึ้นเมื่อเรือถูกยกขึ้นจากผิวน้ำและบริเวณชั้นที่ 1 ของตัวเรือโผล่พ้นผิวน้ำ เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการใต้น้ำเข้าไปค้นหาผู้สูญหายอีกครั้งแต่ไม่พบ โดยใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่กู้เรือจึงนำซากเรือดังกล่าวไปไว้ที่อู่ต่อเรือสีเจริญ เพื่อรอเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบอีกครั้งต่อไป

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินการค้นหาอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะพบ ผู้สูญหายทั้งหมด โดยกระจายกำลังหน่วยปฏิบัติการทางน้ำออกค้นหาตามแม่น้ำรัศมีห่างจากที่เกิด เหตุ 5 กิโลเมตร ก่อนสรุปยอดรวมอีกครั้งต่อไป

ทางด้านการ ดำเนินคดี พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา แจ้งข้อกล่าวหาผู้ควบคุมเรือคือนายวิรัช ชัยศิริกุล อายุ 67 ปี 4 ข้อหา ได้แก่ 1.กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2.กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ 3.ควบคุมเรือขณะที่ใบอนุญาตหมดอายุ 4.ควบคุมเรือโดยบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่ากำหนด ทั้งนี้ผู้ต้องหาได้รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา และพนักงานสอบสวนได้ฝากขังผัดแรกไปแล้วโดยศาลไม่ให้ประกันตัว

ที่ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังประชุมครม.ถึงการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเรือบรรทุกผู้โดยสาร อับปางกลางแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณวัดสนามไชย ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยาว่า ให้กระทรวงคมนาคมไปดูรายละเอียด ส่วนทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงมหาดไทย จะดูว่าสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ไม่ต้องห่วงเพราะรัฐบาลเยียวยาเต็มที่ และขณะนี้ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ลงไปดูแลแล้ว

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการ ประชุมครม. กรณีเรือโดยสารล่มกลางแม่น้ำเจ้าพระยา จ.พระนครศรีอยุธยา ว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม รายงานในที่ประชุมครม.ถึงสาเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก คือ 1.เรือรับผู้โดยสารเกินอัตราเกือบ 2 เท่าของจำนวนผู้โดยสารที่รองรับได้ 2.ผู้โดยสารเห็นว่าเรือเต็มและแออัดก็ยังคงใช้บริการอยู่ และ 3.อุปกรณ์เครื่องชูชีพในการช่วยเหลือมีไม่ครบ รวมถึงระดับน้ำในขณะนี้ขึ้นสูง ทำให้ไม่สามารถเห็นตอม่อที่อยู่กับโป๊ะเรือทำให้เรือมองไม่เห็นจึงทำให้เรือ ชนเข้ากับตอม่อ

พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สั่งการว่าขั้นตอนที่ 1 สอบสวนว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องและเกิดจากความประมาทหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบกฎหมายกับการขนส่ง การจราจรทางน้ำ ขณะเดียวกันผู้โดยสารขึ้นเรือโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งนี้ ถือเป็นอุทาหรณ์สำคัญ จึงขอให้กรมเจ้าท่าใช้อำนาจที่มีอยู่สั่งการให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องพักใบ อนุญาตเรือ โดยรมว.คมนาคมรายงานในที่ประชุมครม.ว่าจะต้องดำเนินการกับผู้กระทำผิดทั้ง ทางแพ่งและอาญา รวมถึงดำเนินการบริษัทเจ้าของเรือ โดยให้ทุกฝ่ายแจ้งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับตรวจสอบไม่เฉพาะ ทางเรืออย่างเดียว ทั้งนี้ขอให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมาย ปฏิบัติตามคำแนะนำไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก

ด้าน นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า ผลการสอบสวนอุบัติเหตุดังกล่าวเบื้องต้นพบว่าเรือลำที่เกิดเหตุมีการบรรทุก ผู้โดยสารเกินกว่าจำนวนที่ได้รับอนุญาตที่ระบุไว้ 50 คน แต่ในวันเกิดเหตุมีการบรรทุกผู้โดยสารถึง 120 คน ซึ่งถือว่ากระทำผิดที่ชัดเจน เจ้าของเรือจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ข้อหาไม่ปฏิบัตตามใบอนุญาตโดยมีการบรรทุกผู้โดยสารเกินกำหนด จะมีโทษสูงสุดจำคุก 6 เดือนปรับ 10,000 บาท แต่ในกรณีนี้ซึ่งมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจำนวน มาก ก็จะส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี ในส่วนของคดีอาญาอื่นๆ ต่อ ไปด้วย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม แถลงว่า เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนอีก จึงสั่งให้แก้ไขปัญหาใน 2 ระยะ คือ 1.ระยะ เร่งด่วน โดยให้กรมเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงการกำกับดูแลการบังคับใช้กฎหมายที่ เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จใน 10 วัน และให้ตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยของท่าเรือ ทั้งของสาธารณะและเอกชน ให้เสร็จใน 1 เดือน และตรวจสอบมาตฐานความปลอดภัยของเรือโดยสาร การติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัย และอุปกรณ์อื่นที่กฎหมายกำหนด ให้เสร็จภายใน 1 เดือน

นายอาคมกล่าวว่า ระยะที่ 2 สั่งให้กรมเจ้าท่าตรวจเรือโดยสาร ที่รับผู้โดยสาร 25 คนขึ้นไปต้องติดตั้งเครื่องติดตามเรือให้เสร็จภายในปี 2560 เพื่อจะได้ติดตามควบคุมได้ตลอด และจะเชิญผู้ประกอบการ ผู้คุมเรือ มาอบรมด้านความปลอดภัยจากปีละ 2 ครั้งเป็นปีละ 4 ครั้ง และให้เรือทุกลำมีวิทยุสื่อสารติดตั้งทุกลำ นอกจากนี้จะพิจารณาแก้ไขกฎหมายลงโทษผู้ฝ่าฝืนให้หนักขึ้นด้วย

p0102210959p3

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน