เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึงกรณีที่นายวุฒิธร มิลินทจินดา หรือวู้ดดี้ พิธีกรชื่อดังออกมากล่าวว่า เตรียมจะให้น้องสะใภ้อุ้มบุญให้หลังจากตัวเองได้แต่งงานกับแฟนหนุ่ม ว่า มาตรา 21 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า การตั้งครรภ์แทนจะดำเนินการต้องเป็นกรณีที่เป็นสามีและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ประสงค์จะมีบุตรแต่ภริยาไม่อาจตั้งครรภ์ได้

 

ทั้งนี้ ตามกฎหมายของประเทศไทยอนุญาตให้มีการจดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายเฉพาะชายกับหญิงเท่านั้น คู่รักชายรักชายยังไม่สามารถจดทะเบียนเป็นสามีภรรยากันได้ จึงไม่ถือเป็นสามีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายกฎหมายของไทยคู่รักชายรักชายยังไม่สามารถจดทะเบียนสมรสกันได้ ถือว่าการแต่งงานไม่ได้รับการรับรองตามกฎหมาย จึงไม่ถือเป็นสามีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่สามารถดำเนินการเพื่อให้มีการตั้งครรภ์แทน หรือทำอุ้มบุญได้ในประเทศไทย

 

ทพ.อาคม กล่าวอีกว่า กรณีเป็นสามีภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายที่ประสงค์จะให้มีการตั้งครรภ์แทน จะต้องยื่นขออนุญาตจากคณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (คทพ.) ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ผู้ยื่นขออนุญาตจะต้องเป็นผู้ให้บริการคือแพทย์ โดยจะต้องยื่นขออนุญาตเป็นรายๆไป แต่ส่วนใหญ่แพทย์จะไม่ได้ดำเนินการยื่นขออนุญาตด้วยตัวเองจะมอบหมายให้ตัวแทน จึงอาจเป็นได้ว่าสามีภรรยาที่ต้องการให้มีการตั้งครรภ์แทนเป็นผู้ยื่นขออนุญาตเอง แต่จะต้องมีหนังสือมอบหมายจากแพทย์ที่จะให้บริการ สามีภรรยาไม่สามารถยื่นขออนุญาตเองโดยไม่มีหนังสือจากแพทย์

 

ทั้งนี้ ปัจจุบันคทพ.มีการอนุญาตให้มีการตั้งครรภ์แทนแล้ว 57 ราย และมีอีกจำนวนหนึ่งที่ยื่นเรื่องมาขออนุญาตแต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน เนื่องจากคณะกรรมการฯจะต้องพิจารณาเอกสารหลักฐานต่างๆอย่างรอบคอบ ทั้งเอกสารเกี่ยวกับสุขภาพ และเอกสารรับรองภาวะที่ภรรยาไม่สามารถตั้งครรภ์เองได้ เช่น หนังสือรับรองการผ่าตัดมดลูก การเป็นเนื้องอกที่มดลูก หรือการเป็นมะเร็งที่มดลูก ซึ่งแพทย์ให้การรับรอง

 

“ในส่วนของหญิงที่จะตั้งครรภ์แทนนั้น โดยหลักการจะต้องไม่เป็นบุพการีหรือผู้สืบสันดานของสามีหรือภรรยาที่ต้องการให้มีการตั้งครรภ์แทน คือต้องไม่เป็นแม่หรือลูกของคู่สามีภรรยา และหากมีญาติสืบสายโลหิตของสามีหรือภรรยาที่สามารถตั้งครรภ์แทนได้จะพิจารณาจากตรงนี้ก่อน หากพบว่าไม่มีตรงนี้จึงจะพิจารณาให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทนได้ ซึ่งหากเป็นน้องสะใภ้ก็สามารถตั้งครรภ์แทนได้ แต่จะต้องเป็นไปตามที่หลักเกณฑ์กำหนดด้วย อย่างเช่น มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 40 ปีบริบูรณ์ และเคยมีบุตรมาแล้วโดยการคลอดตามธรรมชาติไม่เกิน 3 ครั้ง หรือในกรณีที่ผ่าคลอดไม่เกิน 1 ครั้ง และเป็นผู้ที่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากสามีที่ชอบด้วยกฎหมายหรือชายที่อยู่กินฉันสามีภรรยา เป็นต้น”ทพ.อาคมกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน