ศาลอุทธรณ์ภาค 4 เริ่มไต่สวนรื้อคดีครูแพะใหม่วันนี้ หลังร้องถูกตัดสินจำคุกคดีชนแล้วหนีทั้งที่ไม่เกี่ยวข้อง ด้านเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมเผยขั้นตอนเมื่อศาล รับคำร้องเเล้ว นัดสืบพยานฝ่ายผู้เสียหายก่อน แต่อัยการเเละโจทก์คดีเก่ามีสิทธิ์ยื่นคำคัดค้านได้ก่อนวันนัดสืบพยาน ระบุการรื้อคดีมีน้อยมากเนื่องจากมีข้อกำหนดและเงื่อนไข โดยเฉพาะประเด็นต้องมีพยานหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และที่ผ่านมามีแค่ 1-2 คดีเท่านั้นที่ได้รับการกลับคำพิพากษา ชี้หากกลับคำพิพากษาจริง ผู้เสียหายสามารถฟ้องทั้งจนท.รัฐ-พยาน รวมทั้งรื้อฟื้นคดีแพ่งขึ้นมาเรียกทรัพย์สินที่จ่ายไปคืนได้ด้วย นอกจากนี้ผู้เสียหายได้รับการเยียวยา รับเงินชดเชย วันละ 500 บาทตามจำนวนวันที่ติดคุก

จากกรณีนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.สกลนคร ที่ตกเป็นผู้ต้องคดีถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 3 ปี 2 เดือน ในคดีขับรถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน บค 56 สกล นคร โดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิตที่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม และได้รับอภัยโทษเมื่อปี”58 รวมติดคุก 1 ปี 6 เดือน เข้าร้องทุกข์กระทรวงยุติธรรมและดีเอสไอให้รื้อคดีขึ้นมาไต่สวนใหม่ โดยยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำความผิด ขณะที่พนักงานสอบสวนเจ้าของคดียืนยันว่าดำเนินการไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ โดยฝ่ายนางจอมทรัพย์ อ้างว่าญาติๆ ช่วยกันตามหาเบาะแสและพบพยานระบุว่า ผู้ก่อเหตุเป็นผู้ชาย และยังพบว่ารถที่ก่อเหตุเป็นปิกอัพอีกคันที่ทะเบียนเหมือนกัน แต่อยู่ที่จ.มุกดาหาร ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 15 ม.ค. นายอธิคม อินทุภูติ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการรื้อฟื้นคดีอาญาของนางจอมทรัพย์ ว่าขณะนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นมาใหม่ โดยศาลจังหวัดนครพนมซึ่งเป็นศาลชั้นต้นนัดสอบคำให้การคดีในวันที่ 16 ม.ค.นี้ ขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นไปตาม พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ คือเมื่อศาลรับคำร้องเเล้ว ให้ศาลเเจ้งวันนัดสืบพยาน นางจอมทรัพย์ ผู้ร้องให้ไปพบพนักงานอัยการเเละโจทก์ในคดีเดิมที่มีการขอรื้อฟื้นคดี โดย อัยการเเละโจทก์ มีสิทธิ์ยื่นคำคัดค้านได้ก่อน วันนัดสืบพยาน เมื่อนัดพร้อมตรวจพยานหลักฐานเเล้วศาลจะสืบพยานฝ่ายนางจอมทรัพย์ จำเลยซึ่งเป็นผู้ร้องขอรื้อฟื้นคดีก่อน

“ส่วนของคดีนี้ซึ่งเป็นคดีที่ศาลฎีกา มีคำพิพากษาเด็ดขาดมาเเล้วหากสืบพยานคู่ความทั้งสองเสร็จสิ้น ศาลจังหวัดนครพนมซึ่งเป็นศาลชั้นต้นต้องส่งสำนวนบันทึกการพิจารณาสืบพยานคดีในศาล ไปให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณามีคำพิพากษาชี้ขาดต่อไป” นายอธิคมกล่าว

เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาการรื้อฟื้นคดีเกิดขึ้นได้ยากมาก เพราะข้อกำหนดในการรื้อฟื้นคดี ต้องมีพยานหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเเละพยานหลักฐานใหม่นั้นมีผลที่จะเปลี่ยนเเปลงคดี หรือพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ซึ่งในทางปฏิบัติโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ที่ผ่านมาเห็นเพียง 1-2 คดีเท่านั้นที่ศาลมีคำสั่งให้รื้อฟื้นคดีจนกลับคำพิพากษาเด็ดขาดของเดิมได้ เพราะหากพิสูจน์เเล้วว่าจำเลยคดีนี้ไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดก็จะมีผลตามมาหลายอย่าง เช่น พยานที่สืบไปในตอนเเรกจนทำให้จำเลยต้องโทษคำพิพากษาจะมีความผิดอย่างไรบ้าง จำเลยซึ่งเป็นผู้เสียหายสามารถ ดำเนินคดีเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐได้ด้วย

เมื่อถามว่าในกรณีที่จำเลยโดนเรียกค่าเสียหายทางเเพ่งไปเเล้ว เมื่อคดีอาญารื้อฟื้นขึ้นมาใหม่จะสามารถรื้อฟื้นในส่วนเเพ่งได้ด้วยหรือไม่ นายอธิคมกล่าวว่า หากรื้อฟื้นคดีเเล้วศาลฎีกาพิพากษาว่าจำเลยไม่มีความผิด ก็สามารถรื้อฟื้นคดีแพ่งได้ เพราะเมื่อไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดอาญาจึงไม่จำเป็นต้องรับผิดทางละเมิด ล่าสุดประสานขอคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนี้มาอ่านดู ส่วนถ้ารื้อฟื้นสำเร็จ จำเลยต้องได้รับการเยียวยา ซึ่งสมัยนี้จะเทียบเท่าการติดคุกเเทนค่าปรับคือวันละ 500 บาทเเละตามขั้นตอนสามารถใช้สิทธิดำเนินคดีตามกฎหมายได้อีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน