ตร.ดาหน้ายืนยันคดีครูจอมทรัพย์เป็นไปโดยชอบ ผบ.ตร.เตือนระวังกลายเป็นคดีแจ้งเท็จ ถ้าหากไม่เป็นไปตามที่กล่าวหา พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ รุดสอบพยานเด็ด ย้ำรูปคดีเดิมถูกต้อง แต่มีบางกลุ่มพยายามปั้นเรื่องให้เป็นแพะ ขณะที่โฆษกศาลยุติธรรมระบุคดีครูสาวขับรถชนคนตายต้องโทษติดคุกถึงปีครึ่งยังถือว่าผิดอยู่ เพราะยังไม่มีคำตัดสินใหม่ให้เป็นผู้บริสุทธิ์ ยังไม่ถึงขั้นตอนที่จะต้องเยียวยา ศาลจังหวัดนครพนมนัดไต่สวนคำร้องขอฟื้นคดี มีรองปลัดกระทรวงยุติธรรมพร้อมเจ้าหน้าที่นิติกรร่วมอำนวยความช่วยเหลือ แต่ผู้ต้องหาตัวจริงที่อ้างว่าเป็นผู้ขับรถชนพร้อมพยานไม่ได้มาศาล จึงเลื่อนไปไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 8-9-10 กุมภาพันธ์ ด้านครูสาวร่ำไห้ร้องขอต่อศาลให้ช่วยพิจารณา โดยเร็ว พร้อมขอบคุณสื่อและเพื่อนครูทั่วประเทศที่ให้กำลังใจ

เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 16 ม.ค. ที่ห้องพิจารณาคดีบัลลังก์ที่ 6 ศาลจังหวัดนครพนม นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตครูโรงเรียนบ้านม่วงไข่ประชาราษฎร์สงเคราะห์ ต.ด่านม่วงคำ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร แพะในคดีถูกกล่าวหาขับรถชนคนตาย พร้อมด้วย พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายพงศา ราตรี นิติกรสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ญาติและทนายความ ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดนครพนม หลังศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งขอให้รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาปักหลักรอทำข่าวเป็นจำนวนมาก

คดีนี้ สืบเนื่องจากกรณีนางจอมทรัพย์ ถูกกล่าวหาว่าขับรถกระบะหมายเลขทะเบียน บค 56 สกลนคร ชนนายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิต เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อปี 2548 กระทั่งศาลพิพากษาเมื่อปี 2556 ให้จำคุก 3 ปี 2 เดือน และได้รับอภัยโทษออกมาเมื่อปี 2558 รวมถูกจองจำในคุก 1 ปี 6 เดือน กระทั่งเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2557 นายสับ วาปี ชาว ต.กุดแข้ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ได้รับสารภาพโดยหลังเข้าพบกับพนักงานสอบสวน สภ.นาโดน ว่าตนขับรถกระบะอีซูซุ สีเขียว รุ่นเคบีแซด ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ขับรถชนนายเหลือตาย หลังนางจอมทรัพย์พ้นโทษออกมา จึงเข้าร้องที่ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ดังกล่าว

ต่อศาลจังหวัดนครพนม นายนรเทพ สอนเผือก นายอภิสิทธิ์ วิระมิตรชัย ผู้พิพากษาศาลจังหวัดนครพนม ได้ออกนั่งบัลลังก์นัดไต่สวน ตามคดีหมายเลขดำที่ รฟ.1/58 หมายเลขแดงที่ 2/58 คดีระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดนครพนม เป็นโจทก์ นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ผู้ร้องและจำเลย ในเรื่องความผิดต่อชีวิต ประมาท ความผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก(ชั้นขอให้รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่) ตาม พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 มาตรา 9

ในช่วงพิจารณาคดี อัยการจังหวัดนครพนม โจทก์ในคดีดังกล่าว ยื่นเรื่องคัดค้านให้สืบพยานใหม่ โดยอ้างว่ามีหลักฐานสำคัญมานำสืบ ประกอบกับนายสับ วาปี ซึ่งถูกระบุว่าเป็นผู้ต้องหาตัวจริง และนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ พยานผู้เห็นเหตุการณ์ในคืนเกิดเหตุดังกล่าว มิได้มาปรากฏตัวที่ศาล อัยการจึงขอเลื่อนสืบพยานไปในวันใหม่ ซึ่งนางจอมทรัพย์ได้ยกมือและยืนขึ้นหน้าบัลลังก์น้ำตาคลอเบ้ากล่าวว่า ขอให้ศาลได้สืบพยานให้เร็วที่สุด เนื่องจากตนนางจอมทรัพย์ได้สูญเสียอิสรภาพ และการล่มสลายทางครอบครัว ศาลจึงได้กล่าวว่าจะให้ความยุติธรรมทั้งสองฝ่ายอย่างรวดเร็วที่สุด โดยศาลจังหวัดนครพนม ได้นัดสืบพยานในวันที่ 8,9 และ 10 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป

นางจอมทรัพย์กล่าวว่าคดีนี้ขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ขอขอบคุณผู้สื่อข่าวทุกสำนัก และเพื่อนครูทั่วประเทศที่ให้กำลังใจและให้ตนมีที่ยืนและจุดยืนในสังคม เพื่อให้สังคมยอมรับ วันนี้ตนปลื้มใจและซาบซึ้งใจเป็นที่สุด ซึ่งวันนี้เป็นวันครูด้วยซึ่งตนก็ขอขอบคุณรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และกระทรวงยุติธรรมด้วยที่ได้มาช่วยเหลือตนในวันนี้

ขณะเดียวกัน นางนัยนา ชีวานันท์ อดีตนางเอกสาวดาวค้างฟ้า เดินทางมาพร้อมบุตรสาว โดยได้มอบเงินจำนวนหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง “ทองดีฟันขาว” ซึ่งตนรับบทเป็นแม่นางเอกให้นางจอมทรัพย์ เพื่อเป็นกำลังใจ พร้อมกล่าวด้วยว่า ตนสงสารคุณครูจอมทรัพย์ หลังติดตามข่าวสารมาโดยตลอด เชื่อว่าครูจอมทรัพย์น่าจะเป็นแพะและติดคุกฟรี 1 ปี 6 เดือน และไม่น่าจะเชื่อได้ว่าครูจอมทรัพย์ขับรถชนคนตายจริง

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกตร. พ.ต.อ.มานะ เผาะช่วย ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง ในฐานะเลขาธิการสมาคมพนักงานสอบสวน แถลงข่าวกรณีนางจอมทรัพย์ อดีตข้าราชการครู ที่ถูกศาลพิพากษาตัดสินจำคุก 3 ปี 2 เดือน ในคดีขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต ที่อ.เรณูนคร จ.นครพนม เหตุเกิดเมื่อปี พ.ศ.2548

พ.ต.อ.มานะ เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเรื่อง พล.ต.อ.วุฑฒิชัย ศรีรัตนวุฑฒิ นายกสมาคมพนักงานสอบสวน และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. มอบหมายให้ตนตรวจสอบสำนวนคดีของนางจอมทรัพย์นี้ ซึ่งหลังจากตรวจสอบขอยืนยันว่า พนักงานสอบสวนในคดีนี้ทำสำนวนถูกต้อง เป็นธรรมตามหลักของกฎหมาย มีประจักษ์พยานครบถ้วน ทั้งพยานบุคคลในที่เกิดเหตุ พยานวัตถุ และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยผลการชันสูตรพลิกศพ พบว่าซี่โครงด้านซ้าย รวมทั้งกระดูกแขนขาซ้าย ของผู้เสียชีวิตหักทั้งหมด บ่งบอกได้ว่า ถูกรถชนมาจากด้านซ้าย สอดคล้องเป็นไปได้ตามพยานหลังฐาน

พ.ต.อ.มานะกล่าวว่าจากการตรวจสอบสำนวนและสอบถามจากพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้ พบว่าได้สอบปากคำประจักษ์พยาน หลังจากเกิดเหตุ 2 วันคือ วันที่ 13 มีนาคม 2548 และนางจอมทรัพย์มารับทราบข้อกล่าวหา เมื่อเดือนมิถุนายน 2548 ในระยะเวลา 3 เดือน ที่สอบพยานนางจอมทรัพย์ ก็ไม่ขอให้รายละเอียด ขอให้การในชั้นศาล ซึ่งพนักงานสอบสวน ไม่มีสิทธิไปบังคับให้ให้การ ขณะที่ในกระบวนการสอบสวนจะไม่มีทางทราบได้ว่าสอบพยานไปกี่ปากแล้วบ้าง ระหว่างที่ทำคดี ครูจอมทรัพย์ไม่ให้รายละเอียดในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ยืนยันว่าจะไปให้ปากคำที่ชั้นศาลเพียงอย่างเดียว พนักงานสอบสวนจึงทำสำนวนคดีไปตามพยานหลักฐานที่มี

“ตรงนี้ก็สงสัยได้ว่า นางจอมทรัพย์ ซึ่งเป็นถึงข้าราชการ ซี 8 เหตุใดจึงไม่ยอมให้การในชั้นสอบสวน ไม่ต่อสู้ แสวงหาพยานหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ในตอนนั้น หากให้ข้อมูลแล้วยืนยันได้ว่าตัวเองบริสุทธิ์ พนักงานสอบสวนก็อาจนำไปสู่การสั่งไม่ฟ้องก็ได้ตั้งแต่ตอนนั้น” พ.ต.อ.มานะกล่าว

ด้านพล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า เรื่องนี้พล.ต.อ.จักรทิพย์ สั่งการว่าต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย รวมถึงครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วย คดีนี้มีการพิจารณาตัดสินตามกระบวนการยุติธรรมเป็นขั้นเป็นตอน ผู้ต้องหา มีโอกาสได้ชี้แจงตามกระบวนการ ในศาลก็มีการไต่สวน มีพยานมีการไต่สวน ซึ่งการพิจารณารับฟังพยานหลักฐานก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาล ขอสังคมอย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าใครผิด ใครบกพร่อง หรือจับคนผิด ไม่มีจับแพะแน่นอนคดีนี้มารับทราบข้อกล่าวหาเอง อย่าเพิ่งเชื่อในกระแส หรือคำพูดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอให้รอการไต่สวนรื้อฟื้นคดีของศาลเสียก่อน

รองโฆษกตร.กล่าวต่อว่าคดีนี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ คดีที่เกิดขึ้นแต่ละวัน จริงๆ ตำรวจไม่จำเป็นต้องชี้แจงขนาดนี้ แต่มีความพยายามนำเสนอให้ข่าวกันไปทำลายภาพลักษณ์ของตำรวจ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าพนักงานสอบสวนซึ่งเป็นเพียงหนึ่งส่วนในกระบวนการยุติธรรม ได้ทำสำนวนคดีนี้อย่างครบถ้วน แสวงหาพยานหลักฐานทุกด้าน ทั้งประจักษ์พยาน พยานนิติวิทยาศาสตร์ เชิญนางจอมทรัพย์มาตามหมายเรียก ไม่ได้เป็นการบุกจับ ทุกกระบวนการทำอย่างถูกต้อง ครบถ้วนใช้เวลานานกว่า 10 ปี ทั้งนี้การนำไปสู่การรื้อฟื้นคดีได้ ตามที่กำลังดำเนินการอยู่ แสดงว่ากระบวนการยุติธรรมมีประสิทธิภาพ ศักดิ์สิทธิ์

ด้านพล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ ไปตรวจสอบแล้ว หากผลสรุปออกมา ว่าพนักงานสอบสวนทำสำนวนผิดจริง ก็จะเยียวยาตามกฎหมายแก่ผู้เสียหาย แต่หากผลสอบออกมา นางจอมทรัพย์แจ้งความเท็จ และเป็นผู้ที่ทำผิดจริง ก็อาจจะต้องฟ้องกลับ ฐานทำให้ตำรวจเสื่อมเสียชื่อเสียง

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ซึ่งมีการระบุว่าเป็นการจับแพะว่า กำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบทางกฎหมาย ถ้ากฎหมายว่าไม่ผิดก็ต้องดูแลเยียวยา ซึ่งเป็นปัญหาที่มีทุกที่ ทุกประเทศก็เคยมีเรื่องแบบนี้ อย่าไปมองว่าจะต้องเสียหายทั้งองค์กร มันไม่ได้ ต้องมองเป็นกรณีไป ก็ต้องหาตัวว่าใครทำผิด หรือทำถูก ซึ่งถ้าเขาทำถูกก็สามารถกลับมาเป็นครูได้

ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า หากนางจอมทรัพย์มีความประสงค์ขอกลับเข้ารับราชการจะต้องยื่นเรื่องต่อ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) เพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) พิจารณา ซึ่งการพิจารณาบรรจุเป็นข้าราชการครูนั้น จะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูด้วย ซึ่งกรณีนี้ต้องดูว่าสถานภาพใบอนุญาตฯของนางจอมทรัพย์เป็นอย่างไร

ส่วนนายสมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ รองเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า จากการตรวจสอบใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของนางจอมทรัพย์ พบว่าหมดอายุตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค.57 ดังนั้นหากครูต้องการจะต่อใบอนุญาตฯใหม่ ก็สามารถดำเนินการได้ทันที โดยคณะกรรมการคุรุสภาจะพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

วันเดียวกัน นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม แถลงกรณีศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้ศาลจังหวัดนครพนม สืบพยานคดีที่นางจอมทรัพย์ยื่นรื้อฟื้นคดีใหม่ตามพ.รบ.คดีอาญาการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ว่า วันเดียวกันนี้ศาลจังหวัดนครพนมได้นัดพร้อม เพื่อกำหนดวันสืบพยานหลักฐานใหม่ โดยการนัดพร้อมศาลได้สอบถามคู่ความทั้งฝ่ายจำเลยและฝ่ายพนักงานอัยการโจทก์ว่าจะสืบพยานปากใดบ้าง วันเวลาใด ดังนั้น กระบวนการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่จึงยังไม่เสร็จสิ้น จะต้องสืบพยานให้สิ้นกระแสความ โดยศาลจังหวัดนครพนมนัดสืบพยานภายในวันที่ 8-10 ก.พ.

นายสืบพงษ์กล่าวต่อว่า กรณีของนางจอมทรัพย์ก็มีการกล่าวอ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่ว่าจำเลยไม่ใช่ผู้กระทำความผิด จึงขอให้ศาลรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ โดยตามหลักกฎหมายนั้น ศาลจะต้องฟังพยานหลักฐานเบื้องต้นว่ามีมูลเพียงพอหรือไม่ในการที่จะให้รื้อฟื้นคดี ซึ่งขั้นตอนนี้ปรากฏว่าได้ดำเนินการผ่านมาแล้วว่าคดีมีมูล จากนั้นได้ส่งให้ศาลอุทธรณ์ภาค 4 ทำการวินิจฉัย ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 4 ก็เห็นว่าควรจะให้รื้อฟื้นคดี หลังจากนั้นศาลชั้นต้นคือศาลจังหวัดนครพนมดำเนินการสืบพยานหลักฐานในชั้นการรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ซึ่งจะต้องดำเนินการสืบพยานจนสิ้นกระแสความ ว่าจำเลยนั้นเป็นผู้ที่ไม่ได้กระทำผิดตามคำพิพากษาเดิมหรือไม่ หลังจากนั้นจะต้องส่งข้อเท็จจริง สำนวนการสืบพยานไปยังศาลฎีกา เพื่อมีคำวินิจฉัยและพิพากษาว่าจำเลยไม่ใช่ผู้กระทำผิด หรือยืนยันตามคำพิพากษาเดิม ซึ่งคงจะต้องใช้ระยะเวลา

เมื่อถามว่าระหว่างนี้หน่วยงานรัฐจะต้องเข้ามารับผิดชอบเยียวยาอย่างไร นายสืบพงษ์กล่าวว่าขณะนี้ตามผลคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ได้ตัดสินคดีไปแล้ว ถือว่าจำเลยยังมีความผิดอยู่ ขณะที่การรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ก็ยังอยู่ในขั้นตอน ซึ่งศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาใหม่ว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้น จึงยังไม่มีกระบวนการเยียวยาเกิดขึ้น โดยเมื่อใดก็ตามที่ศาลฎีกามีคำวินิจฉัยเห็นว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ กรณีนั้นก็เป็นเรื่องที่ศาลฎีกาจะต้องมีคำสั่งในเรื่องของการจ่ายค่าตอบแทน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้กับจำเลยตามพ.ร.บ.รื้อฟื้นคดีฯ

เมื่อถามว่าเมื่อมีการตรวจสอบแล้วหากพบความบกพร่องของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม จะต้องรับผิดชอบต่อการถูกดำเนินคดีอาญาเพียงใด นายสืบพงษ์กล่าวว่าในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน ต้องดูว่าในแต่ละชั้นมีปัญหาในขั้นตอนใด ก็จะต้องย้อนกลับมาศึกษาในแต่ละคดี ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนักว่าบกพร่องในขั้นตอนใด บางเรื่องอาจบกพร่องโดยสุจริต หรือบางเรื่องอาจจะจงใจหรือไม่จงใจ ก็ต้องพิจารณาเป็นรายคดีไป ถ้าเป็นกรณีที่มีความจงใจในการสร้างพยานหลักฐานเท็จเกิดขึ้น ก็ต้องรับผิดทางอาญาตามกฎหมาย

“การรื้อฟื้นคดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด ว่าศาลจะฟังพยานหลักฐานจำเลยเป็นผู้ไม่ได้กระทำความผิดหรือไม่ เราจึงยังไม่ทราบว่าประเด็นนี้มีข้อบกพร่องในขั้นตอนไหน ขณะนี้ยังไม่ถือว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่โดยสิ้นเชิง เพราะยังต้องเข้าสู่กระบวนการสืบพยานต่อหน้าศาล แล้วทำสำนวนเสนอศาลฎีกา และคดีที่กล่าวมาเป็นคดีที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้มีการพิจารณาคดีขึ้นมาใหม่ และคดีก็ยังอยู่ในชั้นสืบพยาน ซึ่งยังไม่มีผลคำพิพากษาใหม่ว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์หรือไม่” โฆษกศาลระบุ

ที่บก.ภ.จว.นครพนม พล.ต.อ.ปัญญา มาเม่น จเรตำรวจแห่งชาติ เปิดแถลงข่าวพล.ต.อ.จักรทิพย์ห่วงใยความเชื่อมั่นของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงส่งทีมเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงรวม 3 ทีม ลงพื้นที่ตรวจสอบเอกสารและพยานหลักฐานต่างๆ จึงมีความเชื่อมั่นในระดับหนึ่งว่าคดีของครูจอมทรัพย์นั้น พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตั้งแต่ผู้บังคับการ ผู้กำกับการ และผู้เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเกี่ยวกับสำนวนต่างๆ และพยานหลักฐานในการพิสูจน์ความผิดได้อย่างเป็นขั้นตอน

“บางเรื่องส่งให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบจนเชื่อได้ว่าพยานและสำนวนนี้ถูกต้องตามขั้นตอน ขณะเดียวกัน สายสืบตำรวจภูธรภาค 4 พบว่ามีกระบวนการในการกระทำผิดต่อเติมมาจากการกระทำผิดของคดีที่ตัดสินไปแล้ว โดยทำกันเป็นกระบวนการ ซึ่งอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน” พล.ต.อ.ปัญญากล่าว

รายงานข่าวเปิดเผยว่าการที่พล.ต.อ.ปัญญาเดินทางมาตรวจสอบคดีในครั้งนี้ เนื่องจากชุดสืบสวนของบช.ภ.4ได้ตัวพยานและหลักฐานสำคัญ จึงมาสอบสวนด้วยตัวเองอย่างเป็นทางการ ซึ่งจากการสอบปากคำพยานเหล่านั้น พบว่ารูปคดีเดิมถูกต้องอย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน