หนุ่ม หวิดนอนคุก! บินโดรน โดนปรับ 3.2 แสน จนท.ตามสืบรูป ถึง เฟซบุ๊ก ระวัง!!

บินโดรน – วันที่ 19 พ.ย. โลกออนไลน์มีการแชร์ประสบการณ์จากหนุ่มรายหนึ่ง หลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่ดำเนินคดี เรื่อง บินโดรน โดยเจ้าตัวได้โพสต์ระบุว่า สวัสดีครับเพื่อนๆชาวโดรนทุกคน ขอแบ่งปันประสบการณ์จากการโดนเรียกปรับจาก สนง.การบินพลเรือน เนื่องมาจากการบินโดรน โดยไม่มีใบอนุญาติ บินยามวิกาล บินในพื้นที่ชุมชนและการทำการบินเกินกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้คือ 90 เมตร ฝ่าฝืนมาตราที่24 ตามพรบ.เดินอากาศ ปีพ.ศ.2497 ซึ่งเป็นข้อกฏหมายที่มีมานานมากแล้ว

แต่เครื่องบินโดรนเพิ่งจะมีบินกันทั่วฟ้าเมืองไทยได้ไม่กี่ปี แต่พรบ.เดินอากาศนี้ก็ยังครอบคลุมอยู่จนถึงปัจจุบัน เรื่องเริ่มมาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี2560 มีโทรศัพท์จาก สนง.การบินพลเรือน โทรเข้ามาหาผม แจ้งว่าผมได้กระทำความผิดปล่อยโดรนโดยไม่ได้รับอนุญาติตามสถานที่ต่างๆช่วงระหว่างวันที่ 8 สิงหาคม – 14 กันยายน พ.ศ.2560 ฝ่าฝืนมาตราที่24 พรบ.เดินอากาศ ปี 2497

ให้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงที่สนง.การบินพลเรือนหลักสี่ ตอนแรกก็ตกใจเหมือนกัน สอบถามพี่ๆในวงการถ่ายภาพก็ไม่มีใครเคยโดนมาก่อน ขั้นตอนการโดนเรียกให้ไปชี้แจงเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้เลย จนถึงวันที่ไป ผมก็นั่งฟังเจ้าหน้าที่ไปก่อน ไม่ได้เสนออะไร ก็ชี้แจงไปตามภาพและหลักฐานที่เค้าแคปเจอร์ภาพถ่ายมาจากเฟซบุ๊ก ปริ้นท์ออกมาเต็มหน้ากระดาษ ขนาด A4

ซึ่งผมก็อธิบายตอบคำถามในแต่ละภาพเท่าที่จำได้ บินด้วยโดรนชนิดไหน รุ่นไหน บินด้วยความสูงเท่าไหร่ ทำการขึ้นบินตรงไหน ปล่อยโดรนบินวันที่เท่าไหร่และเวลากี่โมง ผมตอบครบหมดทุกภาพรวมทั้งหมด 8 ภาพ ผมสอบถามกลับว่าทำไมผมจึงโดนเรียก ทั้งๆที่แต่ละภาพนั้นผมลอกเลียนแบบคนที่บินมาก่อนในเฟซบุ๊กทั้งนั้น ทำไมไม่เคยมีใครเคยโดนเลย

เค้าบอกกำลังจะทะยอยเรียกบุคคลเหล่านั้น การมาชี้แจงวันนี้ก็จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการต่อไป และสุดท้ายให้ผมมีข้อเสนอแนะอะไรมั้ย ผมก็ระบุไปว่า ผมไม่ทราบข้อกฏหมายจริงๆ ทำการขึ้นบินโดยเน้นว่าไม่ไปบินบริเวณสนามบินและพื้นที่เขตกองทัพ และเขตพระราชวัง และห้ามบินโดยอย่าให้เกิดอุบัติเหตุเด็ดขาด (ผมคิดเท่านั้นจริงครับ) แต่ก็ยอมรับผิดว่าได้กระทำความผิดฝ่าฝืนพรบ.จริงและจะขอนำการทำผิดครั้งนี้ไปตักเตือนคนอื่นๆต่อไป และตัวเองก็ไม่ทำแล้ว ขอความเห็นใจจริงๆ (ตอนที่ผมเข้าไปชี้แจงนั้นโดรนสปาร์คของผมตกน้ำที่อ่าวฮ่องกงไปก่อนหน้าแล้ว) ก็จบเท่านั้นละครับ ผมนึกว่าเรื่องจบแล้ว คงเป็นการตักเตือนจริงๆ แต่ไม่ใช่เลย

จากเดือนตุลาคม ปี2560 ล่วงเลยมาถึง เดือนกุมภาพันธ์ ปี2561 ผมได้รับจดหมายอีก1ฉบับและโทรศัพท์มาจากสนง.การบินพลเรือนอีกครั้งให้เข้าไปรับฟังพิจารณาเปรียบเทียบปรับ ผมสอบถามว่าเท่าไหร่ ปลายสายตอบผมกลับมาว่าทั้งหมด 290,000 บาท ใช่ครับฟังไม่ผิด สองแสนเก้าหมื่นบาท!!! ลดค่าปรับให้สามหมื่นบาทจากค่าปรับทั้งหมด 320,000 บาท

ผมโมโหมากจนแทบจะสบถคำด่าอยู่ในใจ แต่ก็ตอบไปว่าผมไม่ไปและจะไม่จ่ายและพร้อมจะโดนดำเนินคดี ใครมันจะไปคิดว่าการมีโดรนบินเล่นสักตัว ซึ่งเรายอมรับว่าบินผิดกฏหมายจริง แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่องค่าปรับที่มหาโหดขนาดนี้มาก่อน ตอนนั้นผมพยายามวิ่งเต้นอยู่ครับ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครช่วยได้ ถึงขั้นว่าจะเพิกเฉยไม่สนใจมันเลย

แต่สุดท้าย ไม่อยากหนีปัญหาครับ เพราะคดีมีอายุความ 5 ปี หมายเรียกมาไม่ไปก็จะตามด้วยหมายจับ เพิกเฉยไปมันจะใช่เหตุ ผมยอมโทรเข้าไปที่ สนง.การบินพลเรือน เพื่อขอเข้าพบคณะกรรมการอีกครั้งช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ใช้เวลาเกือบค่อนวันกว่าจะออกมาจากห้องประชุม ก็คุยกันดีดีด้วยเหตุผล ข้างในห้องประชุมมีจนท.หลายฝ่ายเป็นสิบกว่าคน

ผมพยายามคุยร้องขอเพื่อให้ทางคณะกรรมการลดค่าปรับ แต่ก็เหมือนเดิม ต้องระวางโทษปรับตามมาตราที่ 78 ไม่มีการลดค่าปรับและไม่มีใครช่วยได้ ถ้าจ่ายค่าปรับตรงนี้ ก็จะไม่มีการดำเนินคดีใดๆ จบตรงนี้เลย (เอาจริง ๆ เหมือนมัดมือชกมากๆ เพราะมาตราที่ 78 ของพรบ.เดินอากาศนั้น ระบุไว้ว่าปรับสูงสุดไม่เกินสี่หมื่นบาท นั่นหมายความว่าตั้งแต่ .25สตางค์ แรกก็สามารถปรับได้ แต่จะปรับที่ยอดสูงสุด ผมมองว่าเป็นเรื่องที่แย่มากๆ)

คณะกรรมการบางท่าน พยายามอธิบายให้เราเห็นภาพว่าถ้าเรื่องไปถึงศาลก็อาจจำคุก เพราะโทษมีทั้งปรับและจำคุก เราก็รู้สึกกลัว แต่ผมโทรถามเพื่อนทนายในตอนนั้น ก็บอกว่าใช่ มันมีข้อนี้ทั้งจำทั้งปรับ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจศาล แต่ผมเชื่อมั่นตัวเองว่า ไม่มีเจตนาบินโดรนเพื่อบุกรุกสถานที่ ไม่มีเจตนาก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัย หรือ ล่วงละเมิดความมั่นคงของชาติ แต่อย่างใด คือทุกอย่างพูด คุย อธิบายไปหมดแล้ว แต่ทำไรไม่ได้เลย

สุดท้ายในวันนั้นผมไม่เซ็นชื่อ ยอมรับชำระค่าปรับ เพราะถ้าเซ็นต้องจ่าย 2 แสน 9 หมื่นบาท ภายใน 30 วัน ผมยอมไปสู้คดีในศาลต่อไป รอหมายเรียกมาจาก สน.ตำรวจ สู้คดีกันอีกยาว ผมโดน 2 แสน 9 หมื่นบาท ไม่จ่าย ไปสู้คดีในศาลต่อไป ซึ่งทางออกเป็นไปได้สองทาง คือ 1.รับสารภาพ ลดโทษลงกึ่งหนึ่ง 2.ทั้งจำทั้งปรับ เพราะเป็นคดีอาญา

ผ่านไปจนถึงกรกฏาคมที่ผ่านมา ผมได้รับโทรศัพท์จากนายตำรวจที่สน.ราษฏร์บูรณะ ให้ไปติดต่อเพื่อทำสำนวนส่งฟ้องศาล ซึ่งก็ได้มีการนัดวันไปพบช่วงเดือนสิงหาคมถัดมา ที่นี่ผมบินที่สะพานแขวน ซึ่งผมก็ยอมรับข้อกล่าวหาทั้งหมด 1 กรรม สรุปศาลท่านพิจารณาปรับ5,000บาทและมีโทษจำคุกด้วยแต่รอลงอาญาไว้ 1 ปี ถัดจากนั้นอีก 1 เดือน ผมตามเรื่องเองด้วยการโทรสอบถามกับฝ่ายกฏหมายของสนง.การบินพลเรือนว่า ได้ส่งฟ้องไปที่สน.ไหนบ้าง ผมจะได้ไปติดต่อคดีความต่าง ๆ ที่เหลือให้มันจบ

ครั้งที่สองช่วงเดือนกันยายน ผมติดต่อไปที่สน.บุปผาราม ซึ่งที่นี่ผมโดน 2 กรรม 2 วาระ จากการขึ้นบินที่วงเวียนใหญ่ ศาลท่านสั่งปรับผมทั้ง 2 กรรม รวมเป็นจำนวน5,000บาท พร้อมทั้งโทษจำที่รอลงอาญาไว้1ปี (ที่นี่ผมพยายามให้ร้อยเวรช่วยทำรวมทุกกรรมแล้วฟ้องทีเดียว แต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะผมทำผิดต่างพื้นที่กัน โทรกลับไปปรึกษากับฝ่ายกฏหมายของสนง.การบินพลเรือน เค้าก็มีความตั้งใจว่าส่งเรื่องให้สน.ตำรวจแล้วจะฟ้องทีเดียวทุกกรรม แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ ต้องไปขึ้นศาลทีละกรรมที่ทำความผิดไว้

ครั้งที่สาม ผมทำการขึ้นบินที่สามย่านหน้าตึกจามจุรีสแควร์ ไปติดต่อที่สน.ปทุมวัน ที่นี่ศาลท่านก็พิจารณาปรับผมอย่างเดียวจำนวนเท่ากันกับที่ผ่านมา คือ 5,000 บาท และโชคดีที่นี่ไม่มีโทษจำคุก (ถึงตอนนี้เสร็จสิ้นไปแล้ว 4 กระทง 4 กรรม 4 วาระ กับการขึ้นศาลทั้งหมด 3 ครั้ง ยังเหลืออีก 4 กรรม)

ผ่านมาจนถึงเดือนนี้พฤศจิกายน ล่าสุดผมไปที่สน.พญาไท จากการขึ้นบินแถวๆอนุสาวรีย์ชัยฯ ร้อยเวรที่สน.นี้ก็ทำสำนวนไป 1 กรรม แต่พอไปถึงสำนักอัยการ ปรากฏว่าอัยการท่านให้รวมคดีที่เหลืออยู่อีก 4 กรรมให้รวมฟ้องทีเดียว (อนุสาวรีย์ชัย,โลหะปราสาท และอีก2กรรมที่บริเวณ สเตททาวเวอร์บางรัก) ผมรู้สึกโอเคมากเลย เพราะจะได้จบเรื่องไปในคราวเดียว

ยอมเสียเวลาไปอีก 2 วัน เพื่อไปเอาผลคดีความที่ผ่านมาพร้อมเลขคดีดำคดีแดง แล้วกลับไปโรงพักเพื่อทำสำนวนใหม่ ไปศาลอีกรอบ ซึ่งคราวนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว และที่นี่ศาลท่านพิจารณาปรับผมทุกกรรม รวมทั้งหมด40,000บาท โทษจำ 6 เดือน รอลงอาญาไว้1ปี ครั้งนี้เกือบซวยเหมือนกัน เพราะผมเตรียมเงินไปศาลเพียงสามหมื่นบาทเท่านั้น เงินไม่พอขาดอีก1หมื่นบาท

ผมคิดว่าเต็่มที่ก็คงเหมือนที่ผ่านมาคือกรรมละ 5,000บาท รวม4กรรมก็น่าจะประมาณ 20,000บาท แต่พลาดไปเพราะศาลท่านปรับกรรมละหมื่น ดีที่ร้อยเวรอนุญาตให้ออกจากห้องพิจารณาไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มได้ เพราะถ้าไม่มีเงินหรือเงินไม่พอหลังจากศาลสั่ง ก็โดนลากเข้าคุกทันทีนะครับ

สรุปแล้วจบสิ้นกระบวนความ ผมเสียค่าปรับจากเรื่องราวนี้ทั้งหมด 55,000 บาท แล้วคงลาขาดจากการบินโดรนแน่นอน ที่เล่ามาก็เพื่อเป็นอุทาหรณ์นะครับ ใครจะแอบบิน ใครจะโพสต์ลงสื่อต่างๆ ในเฟซบุ๊ก ในยูทูป ในไอจี ก็ควรระวังไว้ครับ ให้ระลึกว่าเสมอเลยว่า ค่าปรับมันสูงมาก ผมเชื่อว่าเจ้าหน้าที่จากสนง.การบินพลเรือนยังคงจับตาดูอยู่และทำงานอย่างต่อเนื่องซุ่มดูอยุ่ตามเฟซบุ๊กต่างๆ จากที่เคยถามมาแม้ว่าขอใบอนุญาตมาแล้ว แต่จะทำการขึ้นบินก็ยังคงต้องโทรไปแจ้งขออนุญาติทำการขึ้นบินอยู่ดีครับ

หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นข้อเตือนใจให้ใครต่อใครอย่าทำผิดกฏหมายเกียวกับการบินโดรนนะครับ และต้องขออนุญาติเอ่ยชื่อองค์กรจากสนง.การบินพลเรือนแห่งประเทศไทยด้วยครับ ไม่ได้มีเจตนาจะพาดพิงเรื่องราวใดๆให้เสียหายครับ ต้องขออนุญาตไว้ ณ ที่นี่ครับ

ขอบคุณเพื่อนๆในวงการโดรนและวงการถ่ายภาพหลาย ๆ คนอย่างที่สุดครับ ให้ข้อเสนอแนะ เอาใจช่วยคอยติดตามผลว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ถึงตอนนี้อ่านจบก็คงรู้กันแล้วนะครับ สิ่งที่ผมทำผิดอีกเรื่องนึงคือ ผมเก็บเรื่องไว้นานเป็นปีโดยที่ไม่บอกภรรยาคู่ชีวิตและคนทางบ้านในครอบครัวเลยสักคน เก็บเรื่องเครียดๆไว้เพียงลำพัง จนถึงวันที่รู้ว่าจะต้องขึ้นศาลเป็นครั้งสุดท่้ายและเรื่องต้องจบสิ้นในวันนี้ ผมถึงได้คุยกับภรรยาให้รับฟังและเข้าใจครับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน