น้องแนท สาวเสิร์ฟ เล่านาที เสี่ยใหญ่ตบหน้า ขรก.ใหญ่เคลียร์ไม่ให้แจ้งความ!
จากกรณีเพจดังแชร์คลิปวงจรปิด พนักงานเสิร์ฟถูกชายที่มาใช้บริการโรงแรมตบหน้า หลังจากห้ามไม่ให้สูบบุหรี่ในพื้นที่ห้ามสูบ พร้อมระบุว่าชายดังกล่าวมากับข้าราชตำแหน่งใหญ่ในอยุธยา
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 พ.ย. ที่สภ.เมือง พระนครศรีอยุธยา นายปนิตา คชประภา หรือ น้องแนท อายุ 25 ปี สาวประเภทสอง พนักงานเสิร์ฟ เปิดใจกับ “ข่าวสดออนไลน์” หลังถูกนายสุรสีห์ แห่งศรีสุวรรณ ตบหน้า เพราะไม่พอใจที่ห้ามไม่ให้สูบบุหรี่ภายในโรงแรม
อ่าน เสี่ยนิคมอุตสาหกรรมดัง กร่าง! ตบหน้าสาวเสิร์ฟ เหตุไม่ให้สูบบุหรี่ในห้องอาหาร
นายปนิตา กล่าวว่า เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 6 พ.ย. ตนทำหน้าที่ต้อนรับและดูแลลูกค้าจำนวน 30 คน ระหว่างนั้นมีลูกค้าคนหนึ่ง บอกว่านายสุรสีห์ จะสูบบุหรี่ ตนจึงได้ชี้แจงไปว่าไม่สามารถสูบบุหรี่ภายในห้องของโรงแรมได้ เนื่องจากภายในห้องไม่มีตัวดูดอากาศ และสัญญาณเตือนไฟไหม้จะดังได้ อีกทั้งยังผิดกฎของโรงแรมด้วย
จากนั้นนายสุรสีห์ ก็ถามตนว่าให้ไปสูบได้ที่ไหน ตนจึงตอบไปว่าหากจะสูบต้องไปสูบบริเวณหน้าโรงแรม ซึ่งตนพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส นายสุรสีห์ก็ถามอีกว่าห้องข้างๆ เป็นห้องอะไร ตนก็ตอบกลับไปว่า เป็นห้องลักษณะเดียวกัน ไม่สามารถสูบบุหรี่ได้ นายสุรสีห์ก็ตอบกลับมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด ว่า กูรู้ กูไม่ได้โง่ ตอนได้ยินก็ตกใจ จนผู้จัดการในห้องอาหารเห็นท่าไม่ดี จึงบอกให้ตนออกไปด้านนอก
นายปนิตา กล่าวว่า ระหว่างที่ตนเดินออกมาได้ยิน นายสุรสีห์ บอกว่าตนไปท้าทาย พูดจายอกย้อน หลังจากเดินออกมาไม่นาน นายสุรสีห์ก็เดินตามออกมา พร้อมบอกว่ามึงท้าทายหรอ ตนจึงถามกลับไปว่าท้าทายอะไรคะ พูดไม่ดีอะไรกับท่าน ซึ่งยังไม่ทันได้คำตอบ นายสุรสีห์ก็เดินเข้ามาตบหน้าตนอย่างแรง
ตนก็ได้ถามว่า มาตบหน้าทำไม แต่นายสุรสีห์ ไม่ตอบ และเดินกลับเข้าไปในห้อง ขณะนั้นผู้จัดการเห็น จึงให้ตนออกไปข้างนอกก่อน ซึ่งตนทราบมาว่านายสุรสีห์ ได้ดื่มแอลกอฮอล์มาก่อนแล้ว ซึ่งตนก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ คาดว่าอาจจะอยู่ในช่วงมึนเมา
นายปนิตา กล่าวอีกว่า ตนรู้สึกโกรธมากแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากลูกค้าเป็นพระเจ้า ตนจึงเดินไปบอกผู้บริหารว่าถูกลูกค้าตบหน้า เพราะไม่ให้สูบบุหรี่ ผู้บริหารตกใจ จึงเดินเข้าเจรจากับลูกค้าในห้องอาหาร
จากนั้นตนก็ไปทำงานที่ห้องอื่น ไม่ได้เข้าอีกเลย แต่เมื่อลูกค้ากลับหมดแล้ว ตนเดินเข้าไปเก็บของก็พบว่า ห้องอาหารเละเทะ จานแตกกระจัดกระจายไปทั่วห้อง จึงคิดว่าอาจจะมีการปะทะกันเกิดขึ้น ตนทำงานที่โรงแรมมา 9 ปี ตั้งใจทำงานมาโดยตลอด อาจจะมีบางครั้งที่ไม่เข้าใจกับลูกค้า แต่ก็ไม่เคยมีการทำร้ายร่างกาย ตนยืนยันว่าได้พูดคุยกับลูกค้าอย่างนอบน้อมถ่อมตน ไม่ได้โต้เถียง หรือยอกย้อนแต่อย่างใด
นายปนิตา กล่าวต่อว่า ภายหลังเกิดเรื่อง ตนก็ทราบมาว่ามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ พูดคุยกัน ไม่ให้ตนไปแจ้งความเอาเรื่องกับนายสุรสีห์ แต่ไม่ได้พูดคุยกับตนโดยตรง ตนกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย จึงได้ปรึกษากับโรงแรมว่าต้องทำอย่างไร ทางโรงแรมได้บอกให้ตนไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายได้เลย
ต่อมาวันที่ 7 พ.ย. ตนก็เข้าแจ้งความกับ สภ.เมืองพระนครศรีอยุธยา ในข้อหาทำร้ายร่างกายแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นตอนงานทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตนได้ไปตรวจร่างกาย ซึ่งแพทย์บอกว่าใบหน้ามีลักษณะบวม จึงให้ยามาทาน
“หนูอยากฝากถึงนายสุรสีห์ว่า ถึงแม้หนูจะเป็นแค่เด็กเสริฟ์อาหาร ไม่ได้มียศใหญ่หรือมีอำนาจเงินทองมากมาย แต่มนุษย์ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน เราควรให้เกียรติซึ่งกันและกัน“ นายปนิตา กล่าว
ด้านน.ส.บุญตา โพธิ์พระ ผู้จัดการห้องอาหารที่อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่า ภายหลังจากตนบอกให้นายปนิตา เดินออกไปจากห้อง ก็เห็นนายสุรสีห์ เดินตามออกไป ไม่นานก็เดินเข้ามาพร้อมกับขอแอลกอฮอล์ดื่มตามปกติ
มาทราบภายหลังว่า นายสุรสีห์ ไปตบหน้านายปนิตา ตนยืนยันว่า ในวันเกิดเหตุนายปนิตา ได้พูดคุยกับ นายสุรสีห์ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส นอบน้อมถ่อมตน ไม่ได้มีการยอกย้อนใดใด พร้อมยืนยันว่าได้กลิ่นแอลกอฮอล์มาจากตัวนายสุรสีห์ด้วย แน่นอน