เมื่อวันที่ 20 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครพนม ว่าได้มีการเปิดเผยเอกสารที่ระบุว่าเป็นบันทึกปากคำของนายสับ วาปี ที่ให้ไว้กับตำรวจ บันทึกที่สถานีตำรวจภูธรนาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2557 ยืนยันว่านายสับ เป็นผู้ก่อเหตุขับรถชนนายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2548 ที่ผ่านนั้น

ทั้งนี้ เอกสารระบุว่าเป็น รายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี โดยนายสับ ได้มาพบพนักงานสอบสวนและให้ลงบันทึกประจำวันไว้ โดยนายสับได้ยืนยันว่า เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2548 ได้ขับรถยนต์คันนี้ไปธุระส่วนตัวที่ อ.เรณูนคร และไปชนรถจักรยานของนายเหลือ ทำให้นายเหลือเสียชีวิต

“หลังเกิดเหตุข้าพเจ้าได้หยุดและเปิดประตูรถยนต์ลงมาดู แต่เห็นคนขับรถจักรยานเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จึงได้ขับรถยนต์หลบหนีไป และนำรถยนต์คันเกิดเหตุไปซุกซ่อนไว้ในป่าใกล้หมู่บ้าน ต่อมาหลังเกิดเหตุประมาณสองเดือนจึงได้ขายรถยนต์คันดังกล่าวในสภาพซากรถให้กับผู้รับซื้อของเก่าต่างท้องที่ ซึ่งมาเร่ซื้อของเก่าในหมู่บ้านไปในราคา 20,000 บาท”

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินคดีกับนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร เนื่องจากพบว่า มีรถยนต์ที่มีหมายเลขทะเบียนเหมือนกันกับรถของข้าพเจ้า แต่เป็นคนละหมวดอักษร คนละจังหวัดกัน จึงทำให้นางจอมทรัพย์ถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิด และถูกจำคุกอยู่ในขณะนี้”

ในบันทึกยังระบุด้วยว่า “ระหว่างที่เกิดคดีนั้น ข้าพเจ้าไม่ทราบมาก่อนว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการดำเนินคดีกับนางจอมทรัพย์ แต่เข้าใจมาโดยตลอดว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีได้

ภายหลังคดีเสร็จสิ้นข้าพเจ้าจึงได้ทราบว่า นางจอมทรัพย์เป็นผู้ถูกศาลพิพากษาว่า มีความผิดและลงโทษจำคุกในเหตุดังกล่าว และข้าพเจ้าได้ทราบว่า ก่อนจะถูกศาลพิพากษา ลงโทษจำคุกนั้น นางจอมทรัพย์รับราชการครูอยู่ที่ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร ไม่ได้กระทำความผิดในคดีดังกล่าว และไม่เคยเดินทางมาในเส้นทางที่เกิดเหตุนี้เลย

ทำให้ข้าพเจ้าเกิดความสงสาร และรู้สึกเห็นใจนางจอมทรัพย์ที่ไม่ได้กระทำความผิด แต่ต้องมาติดคุกเพราะการกระทำของข้าพเจ้า ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงสำนึกผิดและตัดสินใจที่จะเดินทางกลับมาพบ เพื่อสารภาพกับพนักงานสอบสวน เพื่อให้ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานว่า ข้าพเจ้านายสับ เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เฉี่ยวชนกับรถจักรยานของนายเหลือ จนทำให้นายเหลือเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ไม่ใช่นางจอมทรัพย์ จำเลยที่ถูกศาลตัดสินจำคุกอยู่ในขณะนี้”

ในบันทึกประจำวัน ระบุชื่อ พ.ต.ต.อดิศักดิ์ ชมศรีหาราช เป็นผู้ลงบันทึกประจำวัน และระบุถึงการเข้าพบพนักงานของนายสับในครั้งนี้ ว่า นายสับได้เข้ามารับสารภาพด้วยความเต็มใจ และสมัครใจเอง ไม่มีผู้ใดบังคับขู่เข็ญหรือใช้กลอุบายหลอกลวงให้หลงเชื่อด้วยประการใด โดยในบันทึกนี้ มีพี่ชายของนายสับ 2 คน และภรรยา ลงชื่อเป็นพยานด้วย

นอกจากนี้ ยังมีเอกสารบันทึกการจ่ายเงินของนายสับที่ขอชำระเงินทดแทนที่ศาลได้มีคำพิพากษาให้นางจอมทรัพย์ชำระเงินจำนวน 170,000 บาท นับแต่วันได้ละเมิดโจทก์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน