เปิดคำให้การ “ครูอ๋อง” คดีครู จอมทรัพย์ ที่ สภ.เรณูนคร ปี” 56 ระบุนายเสริฐ ขับรถชนคนตาย แต่กลับไม่พาขึ้นมา ให้ปากคำอ้างว่านั่งอยู่ในรถ ตำรวจถึงกับมึน มีคนสมอ้างขับรถชนคนตายถึง 2 คน ส่วนนายสับ ให้การ 2 ครั้งไม่ตรงกัน ครั้งแรกเป็นพยาน แต่เมื่อปี 57 กลับรับว่าเป็นคนขับชน ด้านเมียนายเสริฐ ยัน สามีขับรถไม่เป็น เวลาใช้รถ ไปนา ก็จะให้ลูกชายขับแทน ขณะที่ “นางทัศนีย์” พยานปากเอก ยันไม่เคยรู้จักนายเสริฐ ด้านญาตินายสับ เผยขายรถไปตั้งแต่ปี 47

กรณีครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ที่ร้องกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอให้รื้อฟื้นคดีที่ศาลฎีกาตัดสินจำคุกฐานขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต เนื่องจากมีพยานหลักฐานใหม่เป็นนายสับ วาปี ที่ระบุว่าเป็นผู้ขับรถชนเองออกมายืนยัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าการตรวจสอบการทำคดีของพนักงานสอบสวนไม่มีข้อบกพร่อง แถมยังพบขบวนการรับจ้างติดคุกแทน ขณะที่รถของนายสับที่อ้างว่าขับชนนั้นขายไปตั้งแต่ปี 2547 ก่อน เหตุรถชน โดยผู้ซื้อนำไปใช้ในไร่อ้อยตลอด นอกจากนี้ยังพบว่ารถยนต์ที่นายสับอ้างเป็นคนละยี่ห้อกับที่ขับชนคนตาย ตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 22 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ สภ.เรณูนคร จ.นครพนม เพื่อไปพบกับพนักงานสอบสวนกรณีที่มีการระบุว่านายสุริยา นวลเจริญ หรือ “ครูอ๋อง” มาติดต่อให้นายเสริฐ รูปสะอาด อายุ 53 ปี และนายสับ วาปี ผู้ที่ออกมาสารภาพผิดแทนครูจอมทรัพย์ ที่ถูกกล่าวหาว่าขับรถชนคนตาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 มี.ค.2548 นั้น หลังมีข้อมูลว่าในช่วงต่อสู้คดีชั้นอุทธรณ์ มีการว่าจ้างเงินจำนวนหนึ่ง จากข้อมูลตามกระแสข่าวยังพบนายสุริยาได้พานายเสริฐและนายสับ เข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.เรณูนคร พื้นที่รับผิดชอบดำเนินการคดีในปี 2548

บันทึกประจำวันของ สภ.เรณูนคร ระบุว่า วันที่ 23 ธ.ค.2556 หลังจากครูจอมทรัพย์ ต้องคดีศาลฎีกาพิพากษาเข้าเรือนจำไปแล้ว นายสุริยา มาพร้อมกับนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ พยานในคดีจราจรปี 2548 ในขณะนั้น ได้ขึ้นมาเล่าให้พนักงานสอบสวนฟังว่า นายสุริยาอ้างว่ารู้แล้วว่าคนขับรถที่แท้คือใครซึ่งไม่ใช่ครูจอมทรัพย์ พร้อมปรึกษาว่าจะดำเนินการและหาแนวทางช่วยเหลืออย่างไร โดยนายสุริยา อ้างว่าได้ไปนำเรียนยื่นฎีกาที่สำนักราชเลขาธิการ แล้วว่าคนขับไม่ใช่ครูจอมทรัพย์ แต่คำพิพากษาสิ้นสุดแล้วคงช่วยอะไรไม่ได้

แหล่งข่าวระบุต่อไปว่านายสุริยากล่าวอ้างว่าแนวทางที่จะช่วยครูจอมทรัพย์ได้จะทำอย่างไร ซึ่งทางสำนักราชเลขาธิการแนะนำว่า ถ้ารู้ตัวผู้ต้องหาตัวจริงแล้วให้นำผลของคดีไปแนบประกอบเรื่องถวายฎีกา แหล่งข่าวจึงถามกลับว่าแล้วรู้เรื่องคนขับแล้วเหรอ นายสุริยาตอบว่าได้ไปตามทะเบียนรถที่มีหมวดอักษรตรงกัน คือทะเบียน บค 56 มุกดาหาร เป็นรถยนต์ 4 สูบ และยังไปตามสืบค้นจากนายทะเบียนแล้วว่านายสับ วาปี เป็นผู้ครอบครองรถ

แหล่งข่าวยังกล่าวด้วยว่า จากนั้นนายสุริยา จึงตามไปหานายสับ จนพบซึ่งนายสับก็ยอมรับว่าเป็นผู้ครอบครองรถคันนี้จริง แต่ได้ขายรถคันนี้ให้นายเสริฐก่อนปี 2548 แล้ว แต่ไม่ได้โอนทะเบียน นายสุริยา จึงไปตามหานายเสริฐ พร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง นายเสริฐจึงสารภาพว่าได้ขับรถชนคนตาย เมื่อวันที่ 11 มี.ค.2548 นายสุริยา จึงหารือพนักงานสอบสวนว่าจะดำเนินคดีนายเสริฐอย่างไร พนักงานสอบสวนจึงทำหนังสือนำเรียนผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอน ยื่นเสนอถึง ผบก.ภ.จว. และ ผกก.สภ.เรณูนคร มีหนังสือเอกสารทางราชการตามขั้นตอน เพื่อให้วินิจฉัยสั่งการ ภายหลังจึงมีหนังสือตอบกลับจาก บก.ภ.จว.นครพนม ว่าเกินอำนาจของ สภ.เรณูนคร แล้ว ทาง บก.ภ.จว.นครพนม จึงทำหนังสือสั่งการให้ สภ.นาโดน ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

แหล่งข่าวกล่าวในตอนท้ายว่า วันที่ 23 ธ.ค.2556 นายสุริยา มาพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.เรณูนคร จริง แต่ไม่มีนายสับ วาปี มาด้วย ปรากฏว่ามีนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ พยานปากเอกที่อ้างว่าเป็นคนเห็นเหตุการณ์อยู่ด้วย แต่นายสุริยาเป็นผู้พูดอยู่ฝ่ายเดียว โดยนางทัศนีย์ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ส่วนนายเสริฐ ที่นายสุริยาอ้างว่ามาด้วยนั้น อยู่แต่ภายในรถโดยไม่ได้ขึ้นมาที่ สภ.เรณูนคร

“จากข้อมูลการสอบปากคำพบว่า นายสับ วาปี มาให้การรับสารภาพว่าเป็นคนขับรถชนคนตายที่ สภ.นาโดน ในวันที่ 19 พ.ค.2557 เพื่อให้ลงบันทึกประจำวันว่าเป็นคนขับรถชนนายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิต จึงทำให้ช่วงขณะนั้นมีคนมาเปิดตัวว่าเป็นคนขับรถชนในคดีครูจอมทรัพย์ถึง 2 คนในคราวเดียวกัน” แหล่งข่าวระบุ

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านบ้านนาคู่ หมู่ 2 ต.นาคู่ อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งเป็นบ้านของนางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ และพบกับนางทองเรศ วงศ์ศรีชา อายุ 51 ปี เพื่อนบ้านซึ่งอยู่ใกล้กัน โดยทั้งคู่เคยเป็น 2 พยานปากเอกที่เคยเห็นเหตุการณ์คนขับรถชนคนตาย ผู้สื่อข่าวถามนางทัศนีย์ว่าเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2556 ได้ไปที่ สภ.เรณูนคร กับนายสุริยา หรือไม่ นางทัศนีย์กล่าวว่า ไม่แน่ใจ เมื่อถามว่ารู้จักนายเสริฐ หรือไม่ นางทัศนีย์ ตอบว่าไม่รู้จัก แต่ในปี 2557 ได้เดินทางไป สภ.นาโดน โดยนั่งรถนายสุริยาไป ซึ่งนายสุริยาเป็นคนขับ นายสับ วาปี นั่งเบาะข้างคนขับ และตนนั่งอยู่เบาะหลัง

วันเดียวกันผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบบ้านเลขที่ 25 หมู่ 6 ต.กุดเข้ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นบ้านของนายลัน โทนแก้ว อดีตผู้ใหญ่บ้าน ที่เป็นคนขายรถกระบะโตโยต้าของนายสับ วาปี ให้กับนายอุบล ไชยบัน อายุ 64 ปี พบว่ามีน.ส.กาญจนา โทนแก้ว ลูกสาวของนายลันอยู่บ้านเพียงลำพัง จากการสอบถามทราบว่าหลังมีข่าวครูจอมทรัพย์และมีชื่อพ่อของตนเข้าไปเกี่ยวข้องก็มีคนเข้ามาตามหาทุกวัน ทำให้พ่อเกิดความเครียดและกังวล

“ส่วนรถกระบะคันดังกล่าวนั้น ตนจำได้ว่านายสับ ซึ่งเป็นมีศักดิ์เป็นอาของตน ได้พาพ่อไปซื้อมาจาก กทม. จำไม่ได้แล้วว่าปีไหน แล้วนำมาใช้รับจ้างบรรทุกมันสำปะหลังและพืชไร่ไปขาย ต่อมานายอุบลมาติดต่อซื้อ ครั้งแรกตนห้ามไม่ให้พ่อขายรถเพราะต้องเอาไว้ใช้รับจ้างบรรทุกหาเงินส่งลูกเรียนหนังสือ ต่อมาปลายปี 2547 นายอุบล มาติดต่อขอซื้ออีกพ่อจึงขายให้ ทั้งนี้บรรดาญาติพี่น้องไม่ทราบว่านายสับ ไปอยู่ที่ไหนเพราะปกติก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านอยู่แล้ว จนลูกหลานรุ่นใหม่ๆ ก็ไม่มีใครรู้จัก” น.ส.กาญจนากล่าว

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านแก้งโนนคำ อ.เมือง จ.มุกดาหาร ก็พบนายอุบล ไชยบัน พร้อมเปิดเผยว่าตนเป็นคนไปติดต่อขอซื้อรถกระบะจากนายลันในช่วงปลายปี 2547 โดยมีนายชยพล ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านแนะนำติดต่อให้ ครั้งแรกลูกเมียของนายลันไม่ยอมขายรถให้ ตนจึงเดินทางกลับ ต่อมาประมาณ 1 เดือน นายลันก็ติดต่อมาอีกว่าจะขายให้ตนจึงเดินทางไปซื้อในราคา 33,000 บาท เมื่อตรวจสอบทะเบียน ก็พบว่าเป็นของนายสับ วาปี แต่นายสับไม่อยู่ตนจึงใช้ไปก่อน จากนั้นนำไปต่อทะเบียนต้นปี 2548 และขายตอนปี 2550 ให้กับคนเก็บของเก่า จากนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไรกระทั่งมาเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น และระหว่างที่ครอบครองรถอยู่นั้นก็ไม่เคยให้ใครยืมไปใช้ จะให้ตนไปสาบานที่ไหนก็ได้ว่าที่พูดไปนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ตนไม่รู้จักกับนายสับ ไม่เคยเห็นหน้ารู้แต่เพียงว่าเป็นเจ้าของทะเบียนรถเท่านั้น

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของนาย เสริฐ รูปสะอาด ก็พบนางเลิม อุคำพัน อายุ 45 ปี ภรรยานายเสริฐ พร้อมกับกล่าวยืนยันว่าเพิ่งมาอยู่กินกับนายเสริฐได้เพียง 1 ปี ขอยืนยันว่านายเสริฐขับรถไม่เป็น ไปไหนก็จะมีลูกชายเป็นคนขับให้โดยตลอด ก่อนหน้านี้ก็เคยใช้ให้ขับรถที่บ้านมาแล้วครั้งที่ไปทำงานอยู่ที่นา นายเสริฐก็ขับรถกระบะไปชนต้นไม้ ตนจึงมั่นใจว่านายเสริฐไม่ใช่ผู้ขับขี่รถคันที่เป็นข่าวอย่างแน่นอน หลังจากที่มีข่าวเคยสอบถามตัวสามี ก็ได้รับคำตอบว่าไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน