สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราโชวาท ประธานศาลฎีกาและผู้พิพากษา

เมื่อเวลา 17.14 น. วันที่ 8 ธ.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษาประจำศาลยุติธรรม เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ โอกาสนี้ นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม และนายเชวง ชูศิริ เลขาธิการประธานศาลฎีกา ร่วมเฝ้าฯ ด้วย

การนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราโชวาทเกี่ยวกับหลักในการปฏิบัติงาน โดยให้คำนึงถึงหน้าที่ในการปฏิบัติเพื่ออำนวยความยุติธรรม ความสุข และความสงบของประเทศชาติและประชาชน ความตอนหนึ่งว่า ความยุติธรรมนั้น เป็นคำที่กว้าง เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายได้รับการฝึกอบรมศึกษามา ก็ต้องเอาความรู้ความสามารถที่ได้ฝึกศึกษามามาประยุกต์ใช้ ภายใต้กรอบขอบเขตของความถูกต้องและศีลธรรม

โดยใช้ปัญญานึกว่าสิ่งต่างๆในบางที ก็ดูออกมาแล้วความจริงที่แท้นั้น ไม่เหมือนหลักฐานหรือสิ่งที่เราดูออกมาคร่าวๆ เพราะฉะนั้นการใช้กฎหมายจะต้องประกอบด้วยเหตุผล วิจารณญาณ ซึ่งหลายๆอย่างถ้าเผื่อตั้งจิต ตั้งใจ ตั้งอุดมการณ์ไว้ ก็สามารถเอาจริยธรรม จรรยาบรรณ หรือทัศนคติที่ดีมาใช้อำนวยความยุติธรรมให้สามารถกำจัดทุกข์ กำจัดเรื่องต่างๆที่ไม่ดีได้ ประสบการณ์มีมาที่ได้รับจากตนเอง หรือสิ่งที่ได้อ่านศึกษา ค้นคว้า หรือสนใจจำ ก็จะทำให้เป็นบุคคลที่สมบูรณ์ขึ้น

อุปสรรคมีแน่นอน ปัญหาทางกฎหมายมีแน่นอน เพราะกฎหมายมีออกมากมาย เยอะแยะอ่านกันไม่ไหว แต่สิ่งที่จะช่วยเราได้คือ สามัญสำนึก ปัญญา เหตุผล จรรยาบรรณ และประสบการณ์จากการปฏิบัติหน้าที่ และจากความสนใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ให้ได้ตามที่ตนเองตั้งใจไว้ เพราะฉะนั้นก็ขอให้เป็นกำลังของประเทศชาติในสิ่งที่ตนเองอยากเป็น เพราะส่วนหนึ่งได้เรียนมา เรียนมาได้เป็นในสิ่งนี้ ถ้าจะเป็นให้ดีก็ต้องศึกษาตนเอง ศึกษาสถานการณ์ ศึกษากฎหมายและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่จำเป็นจะต้องใช้กฎหมายนั้นอย่างไร ก็ขอให้มีความโชคดีและมีความสุขในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน