อัยการญี่ปุ่นชี้ ไม่ได้วางแผน จริงใจขอโทษ เจ้าตัวบินกลับ จ่อไขก๊อกขรก. วิษณุจี้สอบวินัย

ญี่ปุ่นปล่อยตัวแล้ว “สุภัฒ สงวนดีกุล” รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ฉกภาพเขียนโรงแรมในเกียวโต อัยการยุ่นไม่ส่งฟ้องศาลหลังเจ้าหน้าที่กงสุลใหญ่รุดเจรจาชดใช้ความเสียหาย และไม่ได้วางแผนที่จะขโมย เจ้าตัวเตรียมบินกลับไทยพร้อมครอบครัวที่ไปรอพบ “ดอน ปรมัตถ์วินัย” ยอมรับภาพพจน์ประเทศไทยเสียหาย แต่ไม่กระทบความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ขณะที่รองนายกฯ วิษณุ เครืองาม ระบุกระทรวงพาณิชย์ต้องตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย ชี้ถ้าร้ายแรงถึงขั้นไล่ออกจากราชการ
เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้านายสุภัฒ สงวนภักดีกุล รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ที่ถูกทางการญี่ปุ่นจับกุมตัวในคดีลักทรัพย์ ที่เมืองเกียวโตว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซากา ได้พบกับนายสุภัฒแล้ว เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรก ที่ฝ่ายไทยได้พบกับนายสุภัฒหลังจากเกิดเหตุ โดยในส่วนของคดี ขณะนี้ศาลยังไม่ได้ประทับรับฟ้อง แต่มีคำสั่งกักตัวตามความเห็นอัยการเป็นเวลา 10 วัน ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าที่สถานกงสุลใหญ่จะไปเจรจากับทางโรงแรมเรื่องค่าเสียหาย หากตกลงกันได้ อัยการก็จะขอถอนคดี และปล่อยตัวกลับประเทศ

ต่อมา นายเสข ได้เปิดเผยว่านายสุภัฒได้รับการปล่อยตัวแล้ว เมื่อเวลา 17.50 น. ตามเวลาในประเทศญี่ปุ่น หลังจากบรรยากาศการหารือเป็นไปด้วยดี อัยการประเทศญี่ปุ่นมีคำสั่งปล่อยตัวนายสุภัฒแล้ว โดยจ่ายเงินค่าเสียหายให้ทางโรงแรม ขณะนี้สถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครโอซากา คอยอำนวยความสะดวกให้นายสุภัฒได้พบกับครอบครัวที่เดินทางไปรออยู่แล้ว ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศกำลังอยู่ระหว่างการประสานรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางกลับประเทศไทยต่อไป

นายเสขกล่าวอีกว่า สำหรับสาเหตุที่ได้รับการปล่อยตัวนั้น นายสุภัฒได้สารภาพและกล่าวขอโทษต่อทางโรงแรมอย่างจริงใจ ทำให้ทางโรงแรมยอมความ ประกอบกับอัยการกับตำรวจพิจารณาว่าเป็นคดีลักทรัพย์ที่ไม่ได้วางแผนโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า นายสุภัฒได้เตรียมลาออกจากราชการก่อนเกษียณอายุในเดือนก.ย.2560 แล้ว หลังจากถูกจับกุมที่ประเทศญี่ปุ่น

ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือรองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาว่า ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ขอให้ทุกฝ่ายอย่ากังวลเพราะขั้นตอนการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายของญี่ปุ่น และไทยก็ช่วยเหลือเต็มที่ตามหลักปฏิบัติในการช่วยเหลือคนไทยที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างแดน

“ประเทศใดที่เจอเรื่องเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจอยู่แล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องดีงาม โดยเรื่องที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นอุทาหรณ์ ซึ่งไม่ใช่เพียงข้าราชการระดับสูงเท่านั้น แต่เป็นอุทาหรณ์ของทุกคน และเชื่อว่าคงจะไม่เกิดขึ้นอีก และจะต้องไม่ให้เกิดขึ้น” นายดอนกล่าว

นายดอนกล่าวอีกว่า ทั้งนี้หากยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีหลักการใช้ปัญญา จริยธรรมในการดำเนินชีวิตปัญหาดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ แต่ไม่ถึงขั้นกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่น โดยปฏิกิริยาของทางญี่ปุ่นจะเป็นลักษณะห่วงใยมากกว่า

เมื่อถามว่าได้มีการหารือกับรมว.พาณิชย์หรือไม่ นายดอนตอบว่าไม่มีการหารือกัน เพราะทางกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงถึงขั้นขายชาติ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายสุภัฒถูกดำเนินด้วยข้อหาขโมยภาพจากในโรงแรมที่พักในประเทศญี่ปุ่นว่า กระทรวงพาณิชย์ต้องตั้งคณะกรรมการสอบเพื่อให้ได้ความว่าถูกหรือผิด เมื่อสอบไปแล้วผิดหรือไม่ผิดก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าตัวด้วย ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) มีอยู่ว่าการลักทรัพย์ไม่ใช่ความผิดวินัยร้ายแรง แต่หากการลักทรัพย์ใดที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงประเทศชาติ และกระทบต่อส่วนรวม อาจเป็นความผิดวินัยร้ายแรงได้

เมื่อถามว่าหากกระทำไปโดยมีอาการป่วยจะสามารถเอาผิดได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า มาตรฐานในการสอบวินัยมีอยู่แล้วว่าหากมีอาการป่วยจะเป็นอย่างไร และถ้าป่วยจริงจะมีคำถามตามมาว่าเมื่อป่วยแล้วมาทำงานราชการได้อย่างไร ซึ่งอาจจะต้องออกเพราะป่วย โดยโทษทางวินัยร้ายแรงโทษเบาสุดคือปลดออก ซึ่งจะมีเงินบำนาญ และโทษไล่ออกซึ่งไม่มีบำนาญ โดยผู้ที่จะชี้ขาดโทษร้ายแรงอยู่ที่กรรมการสอบของกระทรวงพาณิชย์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน