เจาะเลือด ตรวจ เมาแล้วขับ กินนมเปรี้ยว อย่านึกว่ารอด คุมเข้ม 7 วันอันตรายช่วงปีใหม่

เมาแล้วขับ / วันที่ 24 ธ.ค. ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าว “สธ.ห่วงใย เที่ยวปีใหม่ปลอดภัย สุขใจทั้งครอบครัว” ว่า ที่ผ่านมาช่วง 7 วันอันตราย พบผู้บาดเจ็บจากการดื่มและขับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 7 ดังนั้น ในช่วง 7 วันอันตรายระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2561 – 2 มกราคม 2562 สธ.จึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการสร้างความปลอดภัยทางถนน

โดยมีการเจาะเลือดคนขับที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุมีคนเจ็บตายทุกราย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนส่งไปตรวจที่รพ.ของรัฐได้ทุกแห่ง อีกทั้ง มีมาตรการให้การช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุ คือ 1.เข้าเหตุเร็ว โดยเปิดคู่สายหมายเลข 1669 เพิ่มเป็น 300 สาย 2.เข้าพื้นที่เกิดเหตุเร็ว ไม่เกิน 10 นาทีโดยมีชุดปฏิบัติการทั่วประเทศ และ 3. ส่งทีมแพทย์เร็ว

มีการเตรียมพร้อมทั้งสถานพยาบาล อุปกรณ์การแพทย์ เลือด ไว้รองรับตลอด 24 ชั่ว โมง ทั้งนี้ ย้ำว่าเมื่อเกิดวิกฤตฉุกเฉินอันตรายถึงแก่ชีวิตสามารถเข้าได้รักษาได้ทุกรพ.โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใน 72 ชั่วโมงแรก

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดสธ. กล่าวว่า กระทรวงได้มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข หรือศูนย์อีโอซี (EOC) ทั้งในระดับส่วนกลาง และระดับจังหวัด เตรียมทีมแพทย์คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง จากการวิเคราะห์ข้อมูลช่วง 7 วันอันตราย ปี 2561 พบว่ามีผู้บาดเจ็บเข้ารักษา 27,158 ราย เฉลี่ยวันละ 3,880 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติร้อยละ 67

ช่วงปกติมีอุบติเหตุเข้ารพ.เฉลี่ยวันละ 2,320 อย่างไรก็ตาม สธ.ได้เตรียมชุดปฏิบัติการฉุกเฉินทุกระดับรวม 8,583 หน่วย โดยเป็นรถฉุกเฉินทุกระดับ 20,741 คัน และผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินทุกระดับ 166,441 คน

ดื่มนมเปรี้ยว-รางจืด ไม่รอด เมาแล้วขับ

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ขอย้ำว่า สำหรับคนที่คิดว่าการดื่มนมเปรี้ยว หรือรางจืด จะรอดพ้นจากเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ได้ จริงๆ คือไม่ใช่ เพราะเครื่องมีประสิทธิภาพมาก ดังนั้นทางที่ดีคือดื่มไม่ขับ และเรียนว่าในกรณีของผู้ใหญ่ขับรถจะยึดที่ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดที่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี รวมถึงคนขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ หรือเป็นใบขับขี่ชั่วคราวจะยึดปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถือว่าเมา

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปีนี้ได้สั่งการสำนักงานควบคุมป้องกันโรคทั่วประเทศคุมเข้มกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เรื่องการเจาะเลือดตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ ซึ่งช่วง 7 วันอันตรายของปีใหม่ปี 2561 นั้นพบว่าร้อยละ 60 ของคนขับมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ก็เป็นมาตรการที่ทำให้การบาดเจ็บลดลง ดังนั้นจะขยายมาตรการนี้ทั้งปี

ล่าสุดคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติที่มีพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กำชับให้เข้มงวด คือ

  1. การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาที่กฎหมายห้าม ซึ่งมีจริงพบว่าขายกันตั้งแต่ช่วงบ่ายๆ
  2. ห้ามขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี
  3. การขายโดยไม่มีใบอนุญาต เป็นต้น นอกจากยังเห็นชอบให้คัดกรองบำบัด คุมการประพฤติคนเมาหากศาลมีคำสั่งจะต้องส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ตำรวจงัดมาตรการหนัก

พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในส่วนของตำรวจปีนี้จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปร่วมกับด่านชุมชนทั่วประเทศ และมีมาตรการทางกฎหมายเข้มข้นข้อหาขับเร็ว เมาแล้วขับ ขับย้อนศร ฝ่าสัญญาณจราจร ไม่คาดเข็มขัด ไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่มีใบขับขี่ และใช้โทรศัพท์มือถือระหว่างขับ

นอกจากนี้ จะห้ามรถบรรทุกวิ่งในเส้นทางที่ประชาชนเดินทางเยอะ คือ ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2561 – 3 มกราคม 2562 ในบริเวณถนนมิตรภาพตั้งแต่อ.ทับกวาง จ.สระบุรี ถึงอ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา รวมทั้งถนนพหลโยธินช่วงอ.เมืองนครสวรรค์ และถนนกบินทร์บุรี – ปักธงชัย เป็นต้น เพื่อให้พื้นผิวจราจรมีประสิทธิภาพมากที่สุด อย่างไรก็ตาม หากรถบรรทุกมีความจำเป็นสามารถทำเรื่องขออนุญาตเดินทางกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ น.ส.ภาวินี ซุ่นสั้น ลูกสาวดาบตำรวจอนันต์ ซุ่นสั้น เหยื่อเมาแล้วขับ เสียชีวิต 5 ราย ที่จ.ตรัง เมื่อปี 2560 และเครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ เข้าพบรมว.สาธารณสุขเพื่อมอบดอกไม้เป็นกำลังใจและสนับสนุนมาตรการตรวจเลือดวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในกรณีเกิดอุบัติเหตุจราจรทุกราย

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน