งานบุญเลือดปาระเบิดถล่มกันตายสยอง4 ศพ เจ็บอีก 5 คาลานวัดอัมพวัน ที่แปดริ้ว ในงานปิดทองฝังลูกนิมิตโบสถ์หลังใหม่ พยานระบุ หลังงานเลิกกลุ่มผู้ตายซึ่งเป็นคนในพื้นที่มานั่งดื่มสุราอยู่ข้างเวทีรำวงย้อนยุค โดยมีกลุ่มมือระเบิดนั่งอยู่ใกล้กัน ก่อนเกิดการท้าทายกันขึ้น รองผบ.ตร. “พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ”พร้อมผบช.ภาค 2 ลงพื้นที่ตรวจสอบ ระบุรู้ตัวกลุ่มมือปาบึ้มหมดแล้ว พร้อมออกหมายจับ 2 พี่น้อง ชี้ประวัติโชกชนเข้า-ออกคุกเป็นว่าเล่น ล่าสุดเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาได้ไม่นาน

เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 29 ม.ค. ร.ต.อ.ธเนศ ศรีสงคราม รองสาร(สอบสวน) สภ.สนาม ชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา รับแจ้งเกิดเหตุทะเลาะวิวาทและปาระเบิดใส่กันมีผู้เสียชีวิตและ ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก บริเวณลานด้านข้างเวทีรำวงภายในงานปิดทองฝังลูกนิมิต วัดอัมพวัน หรือวัดก.ม.7 ริมถนนสายสนาม ชัยเขต-ท่าตะเกียบ หมู่ 6 ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.เผ่าภากร รามนุช ผกก.สภ.สนามชัยเขต ร.ต.อ.บรรทม รามพัด รอง สวป. และตำรวจฝ่ายสืบสวน

ที่เกิดเหตุบริเวณลานวัดด้านหน้าอาคารเรียนโรงเรียนวัดก.ม.7 พบโต๊ะเก้าอี้ล้มระเน ระนาด กองเลือดกระจายอยู่บนพื้นคอนกรีตจำนวนมาก และพบหลุมระเบิดขนาดกว้างประมาณ 20 ซ.ม. ลึกประมาณ 55 ซ.ม. แรงระเบิดยังทำให้รถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ ถูกสะเก็ดระเบิดเสียหาย 1 คัน ส่วนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บชาวบ้านช่วยกันลำเลียงส่ง โรงพยาบาลสนามชัยเขตไปก่อนแล้วรวม 9 ราย

โดยผู้เสียชีวิตมี 4 ราย ประกอบด้วย น.ส.วิภาวี อิ่มทัศน์ อายุ 30 ปี น.ส.กระถิน เขียวชอุ่ม อายุ 30 ปี นายพิษณุ ซุ่นอึ้ง อายุ 33 ปี และนายครวญ พรมชาติ อายุ 45 ปี ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บมี 5 ราย คือ นายเกียรติศักดิ์ ต๊ะทองดี อายุ 18 ปี นายสิริมงคล คะสุระ อายุ 35 ปี นายอนุวัฒน์ รวมญาติ อายุ 30 ปี นายประจวบ อิ่มทัศน์ อายุ 52 ปี และนายณัฐพล พิกุล อายุ 20 ปี

จากการสอบสวน นายเสน่ห์ ทำคำ อายุ 50 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ให้การว่าก่อนเกิดเหตุที่วัดได้จัดงานบุญปิดทองฝังลูกนิมิตโบสถ์หลังใหม่ที่เพิ่งก่อสร้างเสร็จ โดยจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 26-30 ม.ค.นี้ ในงานมีเพียงการละเล่นรำวงแบบพื้นบ้านที่เป็นการรื่นเริงเพียงเท่านั้น และงานคืนนี้ได้เลิกไปตั้งแต่เวลา 23.30 น. แต่ยังคงมีกลุ่มวัยรุ่น 2 กลุ่มนั่งอยู่ภายในวัดก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ปาระเบิดขึ้น

ต่อมาพล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา พ.ต.อ.เผ่าภากร รามนุช ผกก.สภ.สนามชัยเขต พร้อมด้วยตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน ตำรวจหน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกันเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ จากการตรวจสอบพบกระเดื่องระเบิดตกอยู่ห่างจากหลุมระเบิดประมาณ 23 เมตร โดยเป็นกระเดื่องระเบิดชนิดเอ็ม 67 เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้สอบพยานที่เห็นเหตุการณ์ไปแล้ว 5 ปาก และได้ขออนุมัติออกหมายจับ นายอนุรักษ์ หรือหมู แซ่โง้ว อายุ 24 ปี กับนายอนุสรณ์ หรือตี๋ แซ่โง้ว อายุ 31 ปีผู้ก่อเหตุขว้างระเบิด ซึ่งทั้ง 2 คนเป็นพี่น้องกันโดยเป็นคนพื้นที่ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ที่มีเขตติดต่ออ.สนามชัยเขต ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เบาะแสของคนร้ายแล้วโดยให้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้ครบถ้วน เนื่องจากเป็นเหตุอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญต่อความรู้สึกของประชาชนเป็นอย่างมาก พร้อมกำชับให้เร่งรัดจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ให้เร็วที่สุด

ขณะที่พล.ต.ท.จิตติกล่าวว่าก่อนเกิดเหตุ กลุ่มผู้ตายเป็นคนในพื้นที่ หลังจากงานวัดเลิกแล้วได้นั่งจับกลุ่มดื่มสุราและคุยกันอยู่บริเวณด้านข้างเวทีรำวงย้อนยุค รวมทั้งกลุ่มมือระเบิด ด้วยที่มีอยู่ 4 คน จากนั้นเกิดมีการท้าทายกันขึ้น ทำให้กลุ่มคนร้ายเดินไปกลับที่รถเก๋งหยิบระเบิดเดินกลับมาปาใส่ ขณะนี้รู้ตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดแล้วโดยเฉพาะมือระเบิดนั้นพบว่ามีประวัติโชกโชนเคยต้องคดีเกี่ยวกับอาวุธปืนและวัตถุระเบิดในท้องที่จ.สมุทรปราการ หลายคดีและเคยถูกจำคุกมาแล้วถึง 20 ครั้ง เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาได้ไม่นานและยังมีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดในท้องที่สภ.ท่าตะเกียบ แต่อยู่ระหว่างประกันตัวสู้คดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบสวนพยาน ที่เห็นเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี พบว่าคนที่เป็นมือขว้างระเบิดคือ นายอนุรักษ์ แซ่โง้ว อายุ 25 ปี บ้านอยู่หมู่ 4 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา หลังก่อเหตุหลบหนีไปพร้อมกับ นายอนุสรณ์ แซ่โง้ว ซึ่งเป็นพี่ชาย และเพื่อนอีก 2 คน นายธวัชชัย บุตรงาม อายุ 32 ปีโดยใช้รถเก๋งมิตซูบิชิ สีขาว ฝากระโปรงสีดำ ทะเบียน กฉ 1849 ปราจีนบุรี ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นทะเบียน ปลอมขับหลบหนีไป ซึ่งตำรวจชุดสืบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารได้ติดตามไปจับกุม ที่บ้านวังหิน หมู่ 4 ต.คลองตะเกรา และที่บ้านน้อยนาดี หมู่ 11 ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ปรากฏว่าหลบหนีไปแล้ว แต่ได้จัดกำลังออกติดตามสถานที่ที่คาดว่าจะหนีไปหลบซ่อนตัว เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนิน คดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน