ย้อนรอยพายุ แฮเรียต มฤตยูถล่มตะลุมพุก กวาดล้างทุกอย่างหมดสิ้น คนไทยไม่มีวันลืม

ย้อนไปเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ.2505 พายุโซนร้อนชื่อ “แฮเรียต” เข้าถล่มภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช และด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่า 900 ราย สูญหายมากกว่าร้อย และอีกนับหมื่นไร้ที่อยู่อาศัย เพราะทั้งคลื่นและลมทำลายบ้านเรือนพินาศหมดสิ้น ทำให้แฮเรียตได้รับการบันทึกว่าเป็นพายุมฤตยู พ.ศ.2505 ร้ายแรงกว่าพายุไต้ฝุ่นแวนด้าที่เกิดในเดือนกันยายนปีเดียวกัน

แฮเรียต หรือ 78W ในลำดับการตั้งชื่อนานาชาติ หรือ 6225 ตามลำดับการตั้งชื่อของ JMA (อุตุนิยมวิทยาประเทศญี่ปุ่น) ที่ทำลายล้างแหลมตะลุมพุก ก่อตัวขึ้นจากหย่อมความกดอากาศต่ำ โดย JMA ตรวจพบการก่อตัวของหย่อมความกดอากาศต่ำ 1003 mbar ใกล้ประเทศฟิลิปปินส์ ในวันที่ 19 ตุลาคม 2505 หย่อมความกดอากาศอ่อนตัวลงที่ความกด 1006 mbar และกลับก่อตัวขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันในทะเลจีนใต้ตอนล่างนอกชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนใต้ ได้รับหมายเลขขณะนั้นว่า 78W ในวันที่ 22 ตุลาคม ต่อมาพายุดีเปรสชัน 78W เคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเข้ามาในอ่าวไทย ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนนอกชายฝั่ง จ.สงขลา ในเช้าวันที่ 25 ตุลาคม ได้รับการตั้งชื่อว่า แฮเรียต

จากนั้นเปลี่ยนทิศทางตรงไปยัง จ.นครศรีธรรมราช เคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศไทยในตอนค่ำของวันที่ 25 ตุลาคม ที่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ด้วยความเร็วลมสูงสุดวัดที่สถานีตรวจอากาศนครศรีธรรมราชได้ 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พร้อมคลื่นพายุซัดฝั่ง หรือสตอร์มเสิร์จ ในช่วงกลางดึก หลังจากนั้นพายุก็อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน เคลื่อนผ่าน จ.กระบี่ ภูเก็ต และพังงาลงสู่ทะเลอันดามันในวันที่ 26 ตุลาคม โดยอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ก่อนจะสลายตัวไปในอ่าวเบงกอลใกล้กับบังกลาเทศในวันที่ 30 ตุลาคม

แฮเรียตกวาดทุกสิ่งทุกอย่างบนแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง ที่มีผู้คนอยู่อาศัยราว 4,000 คน จนหมดสิ้น โดยในขณะขึ้นฝั่งพายุมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 300 กิโลเมตร ก่อให้เกิดฝนตกหนัก คลื่นพายุหมุนยกซัดฝั่ง ลมกระโชกแรง และน้ำท่วมอย่างฉับพลัน เหลือบ้านที่รอดจากการทำลายเพียง 5 หลัง ด้วยคลื่นสูงกว่า 3 เมตร พายุยังมีขอบเขตการทำลายไปถึงบริเวณใกล้เคียง บ้านเรือนอีกกว่าร้อยละ 30 ถูกทำลายลงโดยรอบ

ชาวบ้านเล่าว่า ก่อนพายุเคลื่อนขึ้นฝั่งได้เกิดลมงวงช้างขึ้นหลายสายตั้งแต่เวลา 16.00 น. แรงลมพัดบ้านเรือนจนโยกคลอนและหลังคาหลุดปลิวลอยไปทั่วทั้งเมือง แล้วเกิดคลื่นยักษ์พัดเข้าใส่แหลมตะลุมพุกจนหมู่บ้านที่มีอยู่หลายร้อยหลังคาเรือนเหลืออยู่เพียง 5 หลังเท่านั้น

จากนั้นฝนตกหนักต่อไปจนถึง 19.00 น. เกิดลมพัดแรงประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วสงบลง แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีก็เกิดลมอีกระลอกเข้าพัดบ้านเรือนพังทลายลงจนหมด และมีคลื่นสูงใหญ่กว่าระลอกแรก ว่ากันว่าคลื่นยักษ์สูงเท่ากับยอดต้นมะพร้าว กวาดบ้านเรือนลงทะเลหายไป และแม่น้ำปากพนังเอ่อล้นเข้าท่วมตัวเมืองภายในเวลาไม่กี่นาที

พายุโซนร้อนแฮเรียตส่งผลกระทบต่อ 12 จังหวัดในภาคใต้ ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ลงไปถึงจังหวัดนราธิวาส มีผู้เสียชีวิต 911 คน สูญหาย 142 คน บาดเจ็บสาหัส 252 คน ไร้ที่อยู่อาศัย 16,170 คน อาคารบ้านเรือนทั่วทั้งจังหวัดพังทั้งหลัง 22,296 หลัง ชำรุด 50,775 หลัง โรงเรียนพังเสียหาย 435 แห่ง สวนยางสวนผลไม้เสียหายประมาณ 790 ล้านต้น สถานที่ราชการ โรงเรียน วัด การไฟฟ้าและสถานีวิทยุตำรวจเสียหายหนัก ต้นไม้โค่นล้มขวางทางยาวนับสิบกิโลเมตร รถไฟด่วนสายใต้ต้องหยุดเดินรถเพราะภูเขาดินพังทลายทับรางระหว่างสถานีรถไฟช่องเขากับสถานีรถไฟร่อนพิบูลย์ ประเมินความเสียหาย 377-1,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังประเมินกันว่าพายุโซนร้อนแฮเรียตได้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์คลื่นพายุซัดฝั่ง หรือสตอร์มเสิร์จ ขึ้นเป็นบริเวณกว้าง โดยเกิดคลื่นสูงใหญ่กว่า 4 เมตร กระหน่ำอีกหลายหมู่บ้านริมฝั่งทะเล

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน