ตร.ยังมุ่งสอบประเด็น”ฟอกเงิน” อ๋อมเผยรูปที่ลาวแฟนคลับแชะ

ตร.จี้ “เบนซ์ เรซซิ่ง” เร่งเคลียร์ปมยืมเงิน 6 ล้าน เพราะยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากยืมเงินโดยไม่มีหลักประกันใดๆ รวมทั้งยังตั้งข้อสงสัยเรื่องที่เบนซ์ ถอนเงินทยอย ใช้หนี้ให้นายบอยด้วย พร้อมตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากหลักฐานไร้น้ำหนัก อาจถูกแจ้งข้อหา “ฟอกเงิน-สมคบค้ายา” เผยยัง ไม่เรียก “แพท ณปภา” สอบ ชี้ยังไม่เข้าข่าย “ป.ป.ส.”จี้เบนซ์ หาหลักฐานกู้ยืมเงิน 6 ล้าน ถ้าชี้แจงไม่ได้จะยึดลัมโบร์กินี แถมเจอ ข้อหาสมคบคิดด้วย ด้าน ดาราหนุ่ม “อ๋อม- อรรคพันธ์” แจงรูปที่ลาว ชี้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แค่แฟนคลับมาขอถ่ายรูป

จากกรณีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นร้านเเอเรีย 51 อาคารธนดลแมนชั่น ซอยอินทามระ 51 แขวงดินแดง เขตห้วยขวาง กทม. ของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง สามีนางเอกสาว แพท ณปภา เบื้องต้นได้อายัดรถหรูลัมโบร์กินี ทะเบียน กจ 51 กทม. มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท รถ จยย.บิ๊กไบก์เคทีเอ็ม รุ่นซูเปอร์ดุ๊ก รถ จยย.บิ๊กไบก์บีเอ็ม ดับเบิลยู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน อาวุธปืน 2 กระบอก จากนั้นวันที่ 3 ก.พ. “เบนซ์ เรซซิ่ง” พร้อมแม่และทนายความได้เดินทางเข้าชี้แจงรายละเอียดที่ บช.ปส. เบื้องต้น ได้ปฏิเสธไม่รู้จักกับนายไซซะนะ พ่อค้ายา รายใหญ่ แต่รับรู้จักกับนายบอย เพราะชอบเรื่องรถเหมือนกัน รวมทั้งยังยอมรับว่ายืมเงิน นายบอย จำนวน 6 ล้านบาท เพื่อไปซื้อดาวน์รถลัมโบร์กินี ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังมี ข้อสงสัยเรื่องเงินที่เบนซ์ยืมจากนายบอย ว่าได้มีการยืมกันจริงหรือไม่ หรือมีการชดใช้ กันอย่างไร รวมทั้งยังต้องตรวจสอบบัญชีธนาคารด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านข่าว สอบเค้น “เบนซ์ เรซซิ่ง” รับ ยืม 6 ล้าน จาก “บอย” เครือข่ายไซซะนะซื้อลัมโบร์!

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 4 ก.พ.ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังเบนซ์ เรซซิ่ง เข้าชี้แจง กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.นานถึง 6 ชั่วโมง และเดินทางกลับบ้าน จากนั้นก็ได้มีรูป ของแพท ณปภา กำลังเลือกซื้อของเล่น พร้อมข้อความว่า “ของเล่นใหม่ แม่หมากับลูกหมา คิดถึงสุดขาดใจ” ด้านแพทได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในภาพดังกล่าวว่า “คิดถึงด้วย ลูกฝากบอก อีก 9 วันเจอกัน” ขณะแฟนคลับของทั้งสองคนต่างเข้าไปให้กำลังใจทั้งเบนซ์และแพทจำนวนมาก ก่อนหน้านั้นนางเอกสาวยังโพสต์คลิปวิดีโอซึ้ง ขณะสามีเข้ากอดและจูบท้องของตนเองพร้อมเขียนแคปชั่นว่า กำลังใจ อยู่ตรงนี้เสมอนะ

อ่านข่าว เปิดคำให้การ “เบนซ์ เรซซิ่ง” พูดชัดไม่รู้จัก “ไซซะนะ” เจ้าพ่อยาเสพติดลาว!

ขณะที่มีข่าวว่าพระเอกอานัส ฬาพานิช ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์ ผู้สื่อข่าวว่า รู้จักนายไซซะนะจริง ทางด้าน ผู้จัดการส่วนตัว อ๋อม-อรรคพันธ์ นะมาตร์ พระเอกช่อง 7 สี ได้เผยกับผู้สื่อข่าวข่าวสดอีกครั้งว่า ตนไม่ทราบว่าอานัสให้สัมภาษณ์ว่าอย่างไร แต่ในส่วนของอ๋อมยังคงยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับนายไซซะนะเป็นการส่วนตัวแน่นอน อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่าไปทำงานที่ประเทศลาวเมื่อ 2 ปีก่อน ได้เจอคนที่มาร่วมงานมากมาย ตนคุยกับอ๋อมล่าสุดเขาก็บอกว่าในงานก็ได้เจอคนชื่อไซซะนะ แต่ก็เจอแค่ในงานตอนนั้น รู้แค่ว่าคนนี้ชื่อนี้ นอกเหนือ จากนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นใครและทำอาชีพอะไร อีกอย่างเหตุการณ์ที่ไปงานนั้นก็เกิดขึ้นมา 2 ปีแล้ว พออ๋อมกลับมาเมืองไทยก็ไม่ได้ติดต่อหรืออะไรด้วยเลย

“ตนไม่อยากให้โยงอ๋อมเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเขาไม่ได้รู้จักสนิทสนมกัน รวมถึงได้ย้ำไปแล้วว่าในรูปที่เป็นประเด็นข่าวไม่ใช่ไซซะนะ ถามว่าตอนนี้อ๋อมเครียดมั้ย แน่นอนว่าพอมีข่าวก็อาจจะมีเครียดบ้าง นิดหน่อย แต่ไม่ได้ถึงกับเครียดมากเพราะเขาไม่ได้ทำอะไรผิด คนมาขอถ่ายรูปก็ให้ถ่าย มีคนเยอะแยะมาขอถ่ายด้วยก็ให้ถ่าย บางที ก็ไม่รู้ว่าเป็นใครกันบ้าง จริงๆ คำว่ารู้จักคือแค่รู้จักว่าชื่ออะไร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสนิทสนมหรือรู้ชีวิตลึกๆ ของเขา แต่ก็ต้องขอบคุณที่ทุกคนเป็นห่วงเป็นใย ขอให้มั่นใจว่าอ๋อมไม่ไปยุ่งเรื่องที่ไม่ดีแน่นอนค่ะ” ผู้จัดการส่วนตัวพระเอกหนุ่มกล่าว

วันเดียวกันที่ บช.ปส. พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส. กล่าวว่า ภายหลังจากที่นายอัครกิตติ์ หรือเบนซ์ เรซซิ่ง เดินทางเข้าพบเพื่อนำหลักฐานมาแสดงต่อทาง เจ้าหน้าที่ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนยังไม่ได้นัดหมายให้เข้าพบครั้ง ถัดไป แต่ทราบว่านายอัครกิตติ์อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนที่เหลือเพื่อ เข้ามาชี้แจงข้อมูล ส่วนเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินของนายอัครกิตติ์ ขณะนี้ได้ประสานไปยังป.ป.ง. และป.ป.ส. เพื่อร่วมกันตรวจสอบเส้นทางการเงินโดยเฉพาะเงินสดจำนวน 6 ล้านบาท ที่นายอัครกิตติ์อ้างว่าได้ขอยืมจาก นายณัฐพล หรือบอย นาคคำ เครือข่ายค้า ยาเสพติดไซซะนะ เพื่อตรวจสอบว่ามีการยืมเงินเกิดขึ้นจริงหรือไม่ หรือมีที่มาที่ไปอย่างไร หรือเป็นตัวแทนในการดำเนินการแทนนาย ณัฐพลในการซื้อรถยนต์หรูลัมโบร์กินี เนื่องจาก นายณัฐพลเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ายาเสพติดจึงไม่สามารถครอบครองทรัพย์สินได้แต่อย่างใด

พล.ต.ต.ชาตรีกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เรื่องประเด็นความสัมพันธ์ของนายอัครกิตติ์ และนายณัฐพล ที่รู้จักและสนิทสนมกันนั้นเกิดขึ้นจากความรักชอบเรื่องการแต่งรถ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ส่วนที่เกิดข้อสงสัยคือประเด็นเรื่องการ ยืมเงิน 6 ล้านบาท โดยไม่มีหลักประกันใดๆ ซึ่งแตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่นายณัฐพลเคยยืมเงินจากนายอัครกิตติ์ 5 แสนบาท แต่ได้วางทะเบียนรถ หรือคู่มือรถ ซึ่งเป็นทะเบียนรถโฟล์ก หมายเลขทะเบียน กจ 51 กรุงเทพ มหานคร แทนเงินที่ยืมไป อีกทั้งยังมีประเด็นสงสัยเรื่องที่นายอัครกิตติ์ได้โอนกรรมสิทธิ์ รถโฟล์กที่มีราคาหลักล้านบาท ซึ่งสูงเกินกว่าเงินที่ยืมไปซึ่งนายอัครกิตติ์ยังไม่ได้ตอบรายละเอียดในเรื่องนี้

“นอกจากนี้ยอมรับว่าระหว่างการสอบ ถามข้อมูลยังมีอีกหลายประเด็นที่พนักงานสอบสวนเกิดข้อสงสัย เช่นกรณีการถอนเงินสดธนาคารที่ทยอยใช้หนี้ให้กับนายณัฐพล โดยถอนเงินครั้งแรก 1.9 ล้านบาท ซึ่งคาดว่านายอัครกิตติ์อาจจะทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นธุรกรรมต้องสงสัย รวมถึงประเด็นอื่นๆ แต่เนื่องจากนายอัครกิตติ์ไม่ใช่ผู้ต้องหาใน คดีนี้จึงเป็นเพียงการซักถามในหลายประเด็นที่เกิดข้อสงสัยเพื่อรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด”

พล.ต.ต.ชาตรีกล่าวว่า สำหรับเรื่องการซื้อขายรถนั้นจะมองว่าเข้าข่ายฟอกเงินด้วยหรือไม่นั้น ต้องดำเนินการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งว่าจะเข้าข่ายหรือไม่ ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สินก็จะเกี่ยวข้องกับกฎหมายการฟอกเงิน แต่ถ้าหากพยานหลักฐานพบว่ามีการรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดก็จะขยับเข้าไปตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 2534 ในเรื่องการสนับสนุนสมคบ

พล.ต.ต.ชาตรีกล่าวต่อว่า เรื่องกระแสข่าวที่มีดารานักแสดงถ่ายรูปกับนายไซซะนะขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนยังไม่มีการเรียกเข้ามาให้ปากคำแม้แต่อย่างใด เนื่องจากเป็นการพบกันตามงานซึ่งอาจจะเจอกันแค่ครั้งเดียวถือว่าเป็นเรื่องปกติ นอกจากนี้ส่วนหมายจับ 9 หมาย ตามเป้าหมายนักค้ายาเสพติดจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับผู้ใดเพิ่มเติมรวมทั้งคนที่อยู่ใกล้ตัวนายอัครกิตติ์ และนายณัฐพล เนื่องจากต้องพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏต่อไป

วันเดียวกันนายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการป.ป.ส. เปิดเผยว่า จากกรณีที่เบนซ์ อ้างว่าได้ยืมเงิน 6 ล้านบาท จากนายณัฐพล นาคคำ หรือบอย เครือข่ายนายไซซะนะ เพื่อไปดาวน์รถลัมโบร์กินีนั้น เบนซ์ต้องไปหาหลักฐานการกู้เงิน เอกสารต่างๆ มา เพราะการที่ระบุว่า นายบอยให้ยืมเงิน 6 ล้านบาท แบบปากเปล่า ไม่มีสัญญา ไม่ใช่เรื่องปกติในการกู้ยืมเงิน หากเบนซ์ ชี้แจงพนักงานสอบสวน ไม่ได้ ทางตำรวจจะทำหนังสือถึงป.ป.ส. เพื่อให้ดำเนินการยึดรถลัมโบร์กินี จากนั้นจะนำเรื่องเข้าคณะกรรมการเพื่อทำเรื่องส่งฟ้องอัยการและศาล จนนำไปสู่การขายทอดตลาด ตามขั้นตอนทางกฎหมาย ซึ่งเบนซ์จะถูกแจ้งข้อหาสมคบกันกระทำความผิดด้วย หากไม่สามารถนำหลักฐานการกู้เงินมาได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน