รัฐบาลรุดทาบ”ดร.ซุป-ศุภชัย พานิชภักดิ์”อดีตเลขาธิการอังค์ถัด-ดับเบิลยูทีโอร่วมนั่งกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ด้านเลขา นุการป.ย.ป.ยอมรับยังติดต่อไม่ได้ รวมถึง “พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ”ที่ขอให้มานั่งกรรมการปรองดองด้วย “หมอประเวศ”ชี้วิธีสมานฉันท์ต้องเลิกหาจำเลย แนะนำทาบ 2 กูรูด้านสันติวิธี โคทม อารียา-ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ ร่วมเวทีพูดคุยปรองดอง “บิ๊กตู่”ระบุคนไม่ดีวิจารณ์รัฐบาล 2 รัฐมนตรี-อดีตส.ส.เพื่อไทยสวนกลับทันที “แม้ว”ส่งทนายความแจ้งจับรูดตัดต่อภาพรูปคู่ไซซะนะ โอ๊คเซ็งอะไรร้ายๆ ก็โยนให้พ่อ ป.ป.ช.ออกระเบียบขอใช้รถเกราะคุ้มกันหวั่นถูกคุกคาม

บิ๊กตู่โวยคนไม่ดีจ้องวิจารณ์รบ.

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยนายกฯ กล่าวในการประชุม ตอนหนึ่งว่า ขอชื่นชมคณะทำงานที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบสะท้อนการทำงานเชิงรุกหลายอย่าง เช่น การสรุปผลประชุมที่ทำให้เข้าใจง่ายขึ้น และได้เห็นถึงความก้าวหน้าหลายอย่าง รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคได้ชัดเจน ทำให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์นำไปชี้แจงได้ทั้งส่วนที่ดีและที่เป็นอุปสรรค ทำให้รู้สึกสบายใจว่าหลายอย่างดีขึ้นตามลำดับ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม คนไม่ดียังมีอยู่ ยังพยายามวิพากษ์วิจารณ์ และเปิดหน้าออกมาเรื่อยๆ บางเรื่องเราทำดี แต่เขากล่าวหาว่าไม่ดี ทั้งหมดขึ้นอยู่กับ พวกเราทุกคน โดยเฉพาะคณะทำงานและส่วนราชการ ต้องรู้จักทำความเข้าใจ ขยายความเข้าใจไปสู่วงกว้างแบบปากต่อปากและเผยแพร่ผ่านโซเชี่ยลมีเดีย หลังพบประเด็น ที่เกี่ยวโยงกับหน่วยงานของตนเอง อย่าปล่อยทิ้งไว้โดยคิดว่าไม่สำคัญ เพราะสามารถสร้างกระแสตอบรับได้มากกว่าพูด เพราะคนพูด ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่รัฐบาลในฐานะผู้ปฏิบัติต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง

โชว์เล่นตะกร้อวงกับกุนซือ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อเวลา 15.30 น. ที่สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาล ออกกำลังกายประจำสัปดาห์ในทุกวันพุธ เพื่อกระตุ้นร่างกายในการทำงานช่วงเวลาที่เหลือของสัปดาห์

ทั้งนี้ นายกฯ ร่วมเต้นแอโรบิกนาน 30 นาที เพื่ออบอุ่นร่างกาย โดยมีเจ้าหน้าที่จากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) นำออกกำลัง จากนั้น ร่วมเล่นเซปักตะกร้อ (ตะกร้อวง) กับคณะทำงาน อาทิ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ พล.อ.สกล ชื่นตระกูล ที่ปรึกษานายกฯ และซ้อมเตะฟุตบอลในลักษณะการยิงลูกโทษ ก่อนจะกลับขึ้นไปปฏิบัติภารกิจบนตึกไทยคู่ฟ้า

พท.สวนกลับ-ใครกันแน่ไม่ดี

ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรค เพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กกรณีนายกฯกล่าวใน ที่ประชุมบีโอไอว่าขณะนี้คนไม่ดีเปิดหน้าวิจารณ์รัฐบาลต่อเนื่อง พร้อมแนะหน่วยงานใดพบ อย่าปล่อยไว้ว่า “ระหว่างคนวิจารณ์รัฐบาลว่าเศรษฐกิจไม่ดีและเศรษฐกิจไม่ดีจริงๆ การลงทุนหายไปจริงๆ จากข้อมูล แบงก์ชาติ กับคนที่ปฏิวัติเข้ามาบริหารประเทศแล้วทำให้เศรษฐกิจไม่ดี การลงทุนหายไปมาก ใครควรจะเป็นคนไม่ดีกันแน่ ช่วยตัดสินกันหน่อย”

นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่ยึดอำนาจมาจากประชาชนและรัฐบาลเลือกตั้ง บริหารจนทำให้เงินคงคลังเหลือเพียง 7 หมื่นกว่าล้านบาท ขณะที่รัฐบาลเลือกตั้งทำให้รายได้ประชาชนเพิ่มขึ้น จึงเสียภาษีได้เต็มที่ ทำให้เงินคงคลังเหลือมาก ซึ่งรายได้ประเทศมาจากการทำธุรกรรมกับต่างประเทศเป็นหลัก แต่วันนี้ส่งออก ได้น้อย เพราะการยึดอำนาจ ทำให้ต่างชาติไม่คบค้าสมาคม ดังนั้น ใครกันแน่ที่สังคมโลกรังเกียจ อย่าบอกว่านักการเมืองไม่ดี อย่าบอกว่าคนติเตียนรัฐบาลคือคนไม่ดี รัฐบาลต้องถูกวิจารณ์ได้ เพราะการทำงานมีผลกระทบกับปากท้องของประชาชน คนที่ทำให้สังคมโลกไม่คบค้าสมาคม ไม่ใช่นักการเมือง อย่าบอกว่าตัวเองดี ผลงานเป็นการพิสูจน์อยู่แล้ว

นายวรชัยกล่าวว่า ส่วนที่บอกว่าเข้ามาปราบคอร์รัปชั่น แล้ววันนี้เป็นอย่างไร มีเรื่องเกิดขึ้นในปี”59 อยู่ในยุคใครกันแน่ อย่าบอกว่าเกิดขึ้นก่อนเข้ามาทำงาน ตอนนี้มีการโกงมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างนี้ใครดีหรือไม่ดีกันแน่ นักการเมืองไม่เคยพูดดูถูกนักข่าวหรือประชาชน ไม่เคยดุด่าชี้หน้าหรือโยนของ ใส่ใคร แต่นายกฯ ทำดีเป็นแบบอย่างหรือยัง ขอให้ไตร่ตรองดูตัวเองก่อนถึงออกมาว่านักการเมือง ขอให้ใจเย็นๆ ค่อยคิดค่อยแก้ อย่าฟังแต่คนใกล้ชิด

สุวิทย์เร่งทาบดร.ซุป-พล.อ.เอกชัย

ด้านนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะเลขานุการป.ย.ป. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ารายชื่อของผู้ทรงคุณวุฒิ ประมาณ 40 คน ที่จะเข้ามาร่วมทำงานในป.ย.ป.ว่า โจทย์หลักของพล.อ. ประยุทธ์ คืออยากให้ผู้ทรงคุณวุฒิมาอยู่ร่วมทำงานทั้ง 4 กล่องของป.ย.ป.เพื่อขับเคลื่อนงานทันที จากเดิมวางไว้ที่ส่วนกลางคือในป.ย.ป.ใหญ่แล้วแตกย่อยเป็นผู้เชี่ยวชาญใน 4 กล่อง

นายสุวิทย์กล่าวว่า รายชื่อบุคคลที่จะมาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่เราประสานไปนั้น ได้ตอบรับมาแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ มาจากทุกภาคส่วนทั้งเอกชน สังคม ภาคการศึกษาที่เน้นอย่างมาก กฎหมาย บริหารราชการแผ่นดิน และสิ่งแวดล้อม ส่วนที่เหลือบางคนยังติดต่อไม่ได้หรืออยู่ต่างประเทศ เช่น นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา และอดีตผู้อำนวยการใหญ่ องค์การการค้าโลก ที่ไม่ใช้มือถือ ต้องติดต่อผ่านเลขาฯ พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผอ.สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า ที่ต้องติดต่อทางลูกสาว ซึ่งรายชื่อทั้งหมดจะทำให้เสร็จเพื่อส่งให้นายกฯ รับทราบภายในวันนี้ เพื่อออกเป็นคำสั่งสำนักนายกฯต่อไป

นายสุวิทย์กล่าวว่า รายชื่อส่วนใหญ่จะไปอยู่ในกล่องของคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ เพราะการปฏิรูปมีหลายมิติและจะเป็นตัวขับเคลื่อนประเทศไทยในอนาคต ขณะที่คณะกรรมการเตรียมการสร้างสามัคคีปรองดองมีความเฉพาะ ไม่จำเป็นต้องใช้คนมาก และมีทีมที่ปรึกษาอยู่แล้ว เช่น นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกฯ อาจจะมีเติมเข้าไปบ้างโดยเป็นบุคคลที่พูดไปแล้วใช่ และมีภาพเกี่ยวกับมิติต่างประเทศที่จะ เติมเต็มให้การปรองดองชัดเจน แต่ไม่มีอดีตนักการเมืองมาร่วม ส่วนคณะกรรมการเตรียมการเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินที่เหมือนเป็น ครม.น้อยอยู่ในตัวแล้ว จึงไม่ใช้คนที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนมาก

ปัดมีชื่อ”ดร.สุรินทร์”ร่วมทีมด้วย

เมื่อถามถึงการประชุมเชิงปฏิบัติการในคณะทำงานชุดอื่น หลังจากการประชุมของคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ นายสุวิทย์กล่าวว่า วันนี้จะหารือเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อตรวจสอบสต๊อกการทำงานเรื่องยุทธศาสตร์ ทั้งยุทธศาสตร์กระทรวงต่างๆ ว่าสอดรับ กับยุทธศาสตร์ชาติหรือยัง และตอบโจทย์ ของรัฐบาลที่จะต้องมียุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน ยุทธศาสตร์กระทรวง และยุทธศาสตร์ 6 ภาค ดังนั้น คณะกรรมการชุดนี้ต้องบูรณาการทำงานเพราะยังมีงานที่ต้องทำอีกมาก ทั้งนี้ การประชุมพูดคุยกันของป.ย.ป.แต่ละชุดอาจไม่ต้องเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการ โดยนายกฯ ระบุว่าให้รองนายกฯแต่ละคนที่รับผิดชอบ สามารถขับเคลื่อนงานได้ทันที และอาจให้มีประชุมป.ย.ป.ใหญ่เดือนละครั้ง

นายสุวิทย์กล่าวว่า ตนได้พูดคุยกับพล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ ที่รับผิดชอบเรื่องการเตรียมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เห็นควรให้สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่เสนอเรื่องการขับเคลื่อนมา 27 เรื่อง ได้พูดคุยกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจการปฏิรูปของแต่ละรองนายกฯ จัดเป็นวงประชุม 6 วง แล้วสรุปเรื่องภายใน 1 เดือน เพื่อจะได้เห็นงานเป็นรูปธรรมชัดเจนและทำงานได้ทันที ถือเป็นการเชื่อมต่อการทำงานระหว่างสปท.และรองนายกฯ เช่น บางเรื่องเมื่อตกผลึกสามารถโยนเข้าสนช.ออกเป็นกฎหมาย จากนั้นรองนายกฯสั่งการรัฐมนตรีและกระทรวงนั้นๆ ไปจัดทำกฎหมายลูกหรือรับไปปฏิบัติต่อ

เมื่อถามว่าทีมที่ปรึกษาในชุดการเตรียมการสร้างความปรองดอง ที่ระบุว่าเป็นบุคคลมีภาพด้านต่างประเทศ มีชื่อของนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียนหรือไม่ นายสุวิทย์กล่าวว่า ตนไม่ได้พูด

สปท.ส่ง”จ้อน-วลัยรัตน์”นั่งป.ย.ป.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณากลั่นกรองเพื่อเสนอคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความปรองดอง (ป.ย.ป.) จำนวน 4 คณะ โดยร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้มอบหมายให้นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสปท.คนที่ 1 เป็นกรรมการในคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการเพื่อสร้างความปรองดอง

ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้น.ส. วลัยรัตน์ ศรีอรุณ รองประธานสปท.คนที่ 2 เป็นกรรมการในคณะกรรมการเตรียมการยุทธศาสตร์ชาติ อย่างไรก็ตาม ในส่วนคณะกรรมการเพื่อเตรียมการสร้างความปรองดองที่มี พล.อ.ประวิตร เป็นประธาน ได้นัดประชุมเป็นนัดแรกในวันที่ 9 ก.พ.นี้ ที่ห้องยุทธนาธิการ ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อพิจารณาแนวทาง ระยะเวลา และประเด็นในการสร้างความปรองดอง

นพ.ประเวศแนะทาบ 2 กูรูสันติวิธี

วันเดียวกัน นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวถึงรัฐบาลตั้งป.ย.ป.เพื่อสร้างความปรองดองและหาทางออกให้ประเทศว่า เรื่องปรองดองคุยกันมานานแล้วแต่ไม่เคยสำเร็จ เพราะไปหยิบเรื่องที่มีความขัดแย้ง ในอดีตขึ้นมาพูดกัน หากจะทำปรองดองให้สำเร็จต้องไม่พูดถึงเรื่องในอดีต และต้องไม่หาจำเลย แต่ให้คุยเรื่องในอนาคตและ เริ่มสร้างจากฐานล่างก่อน เช่น การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนแต่ละท้องถิ่น ไม่ใช่เริ่มจากเรื่องยากๆ ส่วนที่ไม่นั่งเป็นคณะกรรมการนั้น เนื่องจากมองว่าการทำหน้าที่โดยไม่มีตำแหน่งสามารถทำงานได้คล่องตัวกว่า ถ้ามีตำแหน่ง ก็ต้องรอความคิดเห็นคณะกรรมการซึ่งทำให้เสียเวลา ถือว่าช่วยอยู่ข้างนอก

นพ.ประเวศกล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลควรทำ คือ จัดเวทีสาธารณะคนไทยร่วมพัฒนาประเทศ เปิดพื้นที่ให้ทุกฝ่ายได้เสนอแนวคิดพัฒนาประเทศ ซึ่งจัดได้ในทุกสัปดาห์ เพราะมีหลายประเด็นที่ต้องช่วยกันแสดงความคิดเห็น และรัฐบาลควรสนับสนุนให้จัดรายการสุนทรีสนทนาพัฒนาประเทศไทย ทางโทรทัศน์ที่มีผู้รับชมและมีส่วนร่วมทั้งประเทศเป็นประจำ ซึ่งไม่ใช่การดีเบตหรือมาอภิปราย แต่มารับฟังข้อคิดเห็นของแต่ละฝ่าย โดยใช้ข้อมูลและการใช้เหตุผล ซึ่งวิธีนี้จะทำให้แต่ละฝ่ายเกิดความเข้าใจและเห็นใจกันมากขึ้น

นพ.ประเวศกล่าวว่า ส่วนผู้ที่จะมาดำเนินรายการจะต้องเข้าใจในเรื่องสันติวิธี อาทิ นายโคทม อารียา ผอ.ศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล นายชัยวัฒน์ สถาอานันท์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผอ.สำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า โดยเชิญทุกฝ่ายเข้าร่วมรายการได้

กรณ์ชี้ไม่มีปัญหา-เงินคงคลังวูบ

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดองว่า ไม่ขอแสดงความเห็น ขอรอดูการทำงานก่อน แต่เท่าที่ตนทราบ จะมีเชิญพรรคการเมืองไปให้ความเห็น ซึ่งข้อเสนอ เราไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และยินดีให้ความร่วมมือ

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง กล่าวถึงข่าวรัฐบาลกำลังถังแตกเพราะเงินคงคลังเหลือน้อยว่า รัฐบาลได้ชี้แจงแล้วว่าการวิจารณ์เงินคงคลังของรัฐบาลเหลือน้อยจะไม่ส่งผลต่อความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ แต่เป็นการบริหารเงินสด ซึ่งบางช่วงมีการเบิกจ่ายมากทำให้เงินสดที่เก็บในลิ้นชักน้อยลง เมื่อมีรายได้เข้ามาหรือกู้ยืมเพิ่มเติมได้ จะทำให้เงินคงคลังกลับมาอยู่ที่ 400,000 กว่าล้านบาทเหมือนเดิม ตนจึงไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหา แต่ที่ติดตามคือการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งในปีนี้เป็นปีที่ขาดดุลงบประมาณค่อนข้างมากและมีงบกลางปีด้วยต้องระมัดระวัง จึงต้องจับตาดูว่าการใช้เม็ดเงินนี้ส่งผลต่อประเทศระยะยาวและทำอย่างระมัดระวังหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าพล.อ. ประยุทธ์ก็คงตระหนักเรื่องนี้อยู่แล้ว

วิษณุแจงประมาณการเลือกตั้ง

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีระบุจะมีการเลือกตั้งอีกประมาณ 1 ปี ในระหว่างการปาฐกถาหัวข้อ “ปฏิรูปกฎหมาย บริบทประเทศบนเวทีโลก” เมื่อวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า การเลือกตั้งที่บอกว่า 1 ปี นับจากวันนี้เป็นการประมาณการ อย่าไปคาดคั้นอะไรที่แน่นอน และที่พูดเช่นนั้นเพื่อให้รู้ว่าเมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้แล้วหลายอย่างต้องลงมือปฏิบัติทันที เช่น มาตรา 77 ในรัฐธรรมนูญ กำหนดว่าการออกกฎหมายต้องรับฟังความเห็นผู้เกี่ยวข้องทุก ขั้นตอน ซึ่งจะทำให้การออกกฎหมายยากขึ้นแต่เพื่อประโยชน์ประชาชน แม้ระยะเวลา อาจไม่ได้มากขึ้นแต่ขั้นตอนมากขึ้น และ ทุกหน่วยงานต้องไปคิดวิธีรับฟังความเห็น เช่น เปิดช่องทางรับฟังผ่านเว็บไซต์ หรือให้ประชาชนแจ้งโดยตรงไปยังหน่วยงานนั้น

นายวิษณุกล่าวว่า ขั้นตอนเหล่านี้เป็นแนวทางที่เคยปฏิบัติมาแล้ว และทุกหน่วยงานต้องดำเนินการหลังรัฐธรรมนูญประกาศใช้ ไม่เช่นนั้นถือว่ามีความผิดแต่ไม่ถึงขั้นเข้าข่ายปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เป็นเพียงความบกพร่องทางวินัย

มีชัยยันทำกม.ลูกตามตารางเวลา

ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมกรธ. ถึงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่า ทำตามตารางเวลาที่กำหนดไว้ ระหว่างนี้ก็ทำล่วงหน้า รอรัฐธรรมนูญประกาศใช้จึงจะเริ่มต้นนับหนึ่งส่งไปได้ ส่วนจะเสร็จทันภายในปีนี้หรือไม่ ยังบอกไม่ได้ ยังไม่รู้จะใช้เวลานานเท่าไร ข้อสำคัญคือเมื่อกฎหมายลูกออกมาแล้ว ยังต้องดูว่า กกต.กับพรรคการเมืองจะใช้เวลานานเท่าไรในการปรับให้เข้ากับเนื้อหาใหม่ เขาคงปรับตอนนี้ยังไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อผ่านสนช.แล้วหน้าตาจะเป็นอย่างไร

นายมีชัยกล่าวว่า ส่วนกฎหมายว่าด้วย กสม. อนุกรรมการยังฟังความเห็นอีกหลายกลุ่มเพื่อหาข้อยุติให้ได้ แต่กรธ.ดูรอบแรกไปแล้ว คงไม่มีปัญหา พยายามให้ตรงกับภารกิจของเขาจริงๆ ทำงานได้เร็ว เนื่องจากเราพบว่าองค์กรอิสระส่วนใหญ่ทำงานด้วยระบบอนุกรรมการ ทำให้การทำงานล่าช้า เลยหาทางให้กรรมการตัวคนเดียวสามารถทำงานได้ ไม่ต้องตั้งอนุกรรมการ ตรงตามคุณสมบัติกรรมการองค์กรอิสระเขียนในร่างรัฐธรรมนูญว่า ต้องเป็นคนกล้าหาญ เมื่อเข้าไปทำงานแล้วต้องกล้าตัดสินใจ

ศาลไม่ขัดพิจารณาคดีลับหลัง

นายมีชัยกล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เชิญตัวแทนจากศาลฎีกามาหารือ ซึ่ง คุยกันรู้เรื่องหมดแล้ว กระบวนการจะไปในทางที่ว่าให้จำเลยเลือกว่าจะมาศาลหรือไม่ ถ้าไม่มาก็พิจารณาลับหลังได้ ถือว่าให้สิทธิจำเลยแล้วเพราะกระบวนการยุติธรรมมันต้องเดินหน้า ดีกว่าไปขยายอายุความ หากไม่เริ่มนับอายุความ ความเป็นธรรมมันจะไม่เกิด เช่น อีก 25 ปีค่อยพิจารณา ถามว่าพยานหลักฐานตอนนั้นจะยังมีอยู่หรือไม่

ประธานกรธ. กล่าวว่า ตอนนี้กรธ.กำลังพิจารณาร่างกฎหมายของป.ป.ช. ซึ่งตัวร่างยาวมากเกินความจำเป็น กำลังตัดให้สั้น ส่วนกฎหมายผู้ตรวจการแผ่นดินก็ทำไปแล้ว จะรับฟังความเห็นวันที่ 15 ก.พ. ส่วนการทำงานร่วมกันระหว่างกสม.และผู้ตรวจฯนั้น เราเริ่มวางความคิดว่า ถ้ามันเรื่องใกล้เคียงกัน ก็ให้ตกลงกัน มีคนทำคนเดียว ทุกวันนี้แต่ละหน่วยงานทำเหมือนกันหมด มีคนไปร้องกสม. พอผลออกมาไม่พอใจก็ไปร้องผู้ตรวจฯ ไม่พอใจก็ไปต่อป.ป.ช. ไม่พอใจก็ไปสตง. อีกทั้งที่เป็นเรื่องเดียวกัน

ติงปปช.เขียนกฎหมายฟุ่มเฟือย

นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ. แถลงถึงผลประชุมกรธ.ว่า ที่ประชุมพิจารณารายงานการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. … ที่ป.ป.ช.ส่งมา ซึ่งมีเนื้อหา 230 กว่ามาตรา มีบางเนื้อหาที่ต้องให้ป.ป.ช.มาชี้แจงว่าส่วนใดได้เขียนเพิ่มเติมไปบ้าง เช่น การตรวจสอบการทุจริตระหว่างประเทศ ซึ่งระบุว่าเป็นอนุสัญญาป้องกันการทุจริตร่วมกันระหว่างประเทศ และบางเรื่องป.ป.ช.ได้เขียนฟุ่มเฟือย มีการกำหนดขั้นตอนไว้เยอะ ทางกรธ.คิดว่าการตรวจสอบการทุจริตอาจต้องใช้เวลามาก และทำให้การค้นหาความจริงไม่มีประสิทธิภาพ ไม่บรรลุผล จึงเห็นว่าป.ป.ช.น่าจะปรับเปลี่ยนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วน กลไกของป.ป.ช. เราคิดว่าการสรรหากรรมการป.ป.ช.อาจต้องให้ความมั่นใจว่าต้องอิสระ มีคุณสมบัติสูงสำหรับบุคคลที่จะมาเป็นกรรมการป.ป.ช. โดยพยายามอิงองค์กรอิสระอื่น เช่น กกต. ผู้ตรวจการแผ่นดิน

นายอุดมกล่าวว่า กฎหมายลูกที่พิจารณาเสร็จแล้วคือร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง และพ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. เมื่อใดที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ จะส่งร่างทั้ง 2 ฉบับให้สนช. ส่วนร่างพ.ร.บ.อีก 3 ฉบับอาจต้องแก้ไข ปรับปรุงให้รอบคอบ คือร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยกสม. ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน และร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาผู้ดำรงของตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งทั้ง 3 ฉบับมีการตรวจเบื้องต้นและได้รับฟังความคิดเห็นในระดับหนึ่ง โดยจะปรับให้สอดคล้องกับข้อเสนอแนะ

แม้วส่งทนายแจ้งจับรูปคู่ไซซะนะ

นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.การต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่มีการตัดต่อภาพนายทักษิณ ชินวัตร อดีต นายกฯ ใส่แทนบุคคลอื่นในวันที่ตำรวจเข้าจับกุมนายไซซะนะ แก้วพิมพา ในคดียาเสพติดที่สนามบินสุวรรณภูมิ และได้เผยแพร่ภาพนายทักษิณคู่กับนายไซซะนะ ในโซเชี่ยลมีเดีย เพื่อใส่ร้ายด้วยความเท็จให้สาธารณชนเข้าใจผิดว่านายทักษิณ สนิทสนมกับนายไซซะนะ รวมทั้งยังใส่ร้าย ยุยงให้เกิดความเกลียดชังนายทักษิณ ซึ่งเป็นกระบวนการใส่ร้ายที่มีมาอย่างต่อเนื่อง เช่น กรณีระเบิดที่ราชประสงค์ หรือระเบิดที่ภาคใต้ ซึ่งปรากฏแล้วว่าเป็นการใช้ความเท็จใส่ร้ายป้ายสีนายทักษิณ อย่างไร้คุณธรรม ที่ผ่านมานายทักษิณพยายามอดทน อดกลั้นและให้อภัยมาตลอด แต่ขบวนการทำลายก็มิได้หยุดหย่อน

“ครั้งนี้นายทักษิณ จึงมอบให้ทนายความไปแจ้งความเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้บิดเบือนตัดต่อภาพ และโพสต์ข้อความใส่ร้ายทำให้เกิดความเสียหายต่อนายทักษิณ รวมทั้งดำเนินคดีกับผู้ที่แชร์ภาพต่อ ซึ่งถือเป็นความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญาและพ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ขอเรียกร้องให้ยุติการแชร์ภาพตัดต่อ ผมเชื่อว่าการปรองดองจะสำเร็จนั้นไม่ใช่เฉพาะในหมู่นักการเมือง คนบางกลุ่มที่ยังแบ่งฝักแบ่งฝ่ายต้องร่วมมือด้วย เริ่มจากการเอาความเกลียดชังออกจากใจตนเอง เคารพสิทธิของคนอื่น และไม่นำความเท็จมาใส่ร้ายกันเพราะประเทศบอบช้ำจากการใส่ร้ายป้ายสีและวาทกรรมสร้างความเกลียดชังมามากแล้ว” นายนพดลกล่าว

โอ๊คเซ็งโพสต์อะไรร้ายๆ โยนพ่อ

ด้านนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เรื่องอะไรที่ร้ายๆ เรื่องอะไรที่ไม่ดี หากอยู่ในกระแสแล้ว คนจำพวกหนึ่งจะโยนบาปใส่ทักษิณหมด เคยมีคนสติไม่ดีไปทุบทำลาย พระพรหม ก็โทษทักษิณอยู่เบื้องหลัง เหตุระเบิดราชประสงค์ ซึ่งเกิดจากการที่รัฐบาลดำเนินนโยบายระหว่างประเทศผิดพลาด จนมีคนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ควันระเบิดยังไม่ทันจาง ก็โทษทันทีว่าทักษิณอยู่เบื้องหลัง น้ำท่วม ไฟไหม้ ก่อการร้าย หุ้นตก เศรษฐกิจไม่ดี ส่งออกไม่ได้ ต่างชาติไม่มาลงทุน ทุกอย่างโทษว่าเป็นความผิดทักษิณทั้งนั้น

รัฐบาลซึ่งควรจะต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อปัญหาความเป็นอยู่ ความสงบเรียบร้อย และปากท้องของประชาชน กลับไม่แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย ปล่อยให้แนวร่วมเจ้าเก่าอย่าง แก๊ง กปปส.ที่เคยเชียร์ให้ออกมา กระทำรัฐประหาร ใช้ไอโอโทษว่าทักษิณเป็นคนทำทุกอย่าง เพื่อให้พ้นภาระของตนทั้งสิ้น ลอยตัว ปล่อยประเทศชาติย่อยยับไปตามยถากรรม อู้ฟู่ร่ำรวยกันในชาตินี้ คอยไปรับกรรมกันในชาติหน้าก็แล้วกัน ส่วนพวก กองเชียร์ชั้นปลายแถว ที่โพสต์มั่วไม่ดูตาม้าตาเรือ รับกรรมชาตินี้ไปก่อน รอติดคุกแทนคนที่เชื่อถือได้ที่ส่งรูปมาให้ก็แล้วกัน

ปปช.ออกระเบียบใช้รถหุ้มเกราะ

วันที่ 8 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าด้วยการมีและการใช้รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน พ.ศ. 2560 โดยมีเนื้อหาให้ ประธานคณะกรรมการป.ป.ช. กรรมการป.ป.ช. ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจำจังหวัด (ป.ป.จ.) กรรมการ ป.ป.จ. อนุกรรมการ และพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและกฎหมายว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ มีและใช้รถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุนได้ตามความจำเป็น เพื่อป้องกันอันตรายจากการประทุษร้ายโดยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน โดยขออนุญาตจากนายทะเบียน ซึ่งเลขาธิการป.ป.ช.จะเป็นผู้แต่งตั้งข้าราชการสำนักงานระดับไม่ต่ำกว่าผอ.สำนัก 1 คนเป็นนายทะเบียน ให้ใช้คราวละ 1 ปี โดยระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

แหล่งข่าว กล่าวว่า สำหรับรถยนต์หุ้มเกราะป้องกันกระสุน ทางสำนักงานป.ป.ช.ได้ดำเนินการจัดซื้อรถกระบะกันกระสุน 3 คัน ด้วยงบประมาณปี 2559 เพื่อนำไปใช้งานพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือ สำนักงานป.ป.ช.จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส

ทส.ย้ายซี9-ตั้ง”ศิริ”รก.รองอธิบดี

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. นายวิจารณ์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ 9 ในสังกัดทส.ดังนี้ นายชากรี รอดไฝ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด(ทสจ.) สมุทรสงคราม เป็น ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 12(นครศรีธรรมราช) กรมป่าไม้ ว่าที่ร.ต.พีรพล มั่นจิตต์ ผอ.ทสจ.ชัยภูมิ เป็น ผอ.สำนักแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ สำนักงานปลัด ทส. น.ส.ผุสดี เยี่ยมสวัสดิ์ ผอ.ทสจ.อุทัยธานี เป็น ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 5(นครปฐม) สำนักงานปลัด ทส. นายวรพล จันทร์งาม ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 5(นครปฐม) เป็น ผอ.สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 6(นนทบุรี)

นายยงยุทธ ชำนาญรบ ผอ.ทสจ.เลย เป็น ผอ.ทสจ.ขอนแก่น นายอร่าม ศรีปรางค์ ผอ.ทสจ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็น ผอ.ทสจ.นครศรีธรรมราช นายปรีชา สามารถ ผอ.ทสจ.นครพนม เป็น ผอ.ทสจ.นครสวรรค์ นายสวง สุดประเสริฐ ผอ.ทสจ.ราชบุรี เป็น ผอ.ทสจ.ประจวบคีรีขันธ์ นายพฤกษ์ โสโน ผอ.ทสจ.นครศรีธรรมราช เป็น ผอ.ทสจ.พระนครศรีอยุธยา นายไพรัช นาคทรัพย์ ผอ.ทสจ.สุโขทัย เป็น ผอ.ทสจ.พิจิตร นายสมพงษ์ สิทธิโชคสกุลชัย ผอ.ทสจ.นครสวรรค์ เป็น ผอ.ทสจ.พิษณุโลก นายนรินทร์ สายซอ ผอ.ทสจ.อำนาจเจริญ เป็น ผอ.ทสจ.มหาสารคาม นายชมภู มหันตะกาศรี ผอ.ทสจ.มหาสารคาม เป็น ผอ.ทสจ.ยโสธร นายอาคม ยุทธนา ผอ.ทสจ.ยโสธร เป็น ผอ.ทสจ.ระนอง

นายอนันต์ พรหมดนตรี ผอ.ทสจ.พิษณุโลก เป็น ผอ.ทสจ.สมุทรปราการ นายถิน พิสูจน์ ผอ.ทสจ.ระนอง เป็น ผอ.ทสจ.สมุทรสงคราม นายธีระ เงินวิลัย ผอ.ทสจ.อุตรดิตถ์ เป็น ผอ.ทสจ.สุโขทัย น.ส.มาลี ศรีรัตนธรรม ผอ.ทสจ.พระนครศรีอยุธยา เป็น ผอ.ทสจ.อ่างทอง นายเชวง ไชยหลาก ผอ.ทสจ.พิจิตร เป็น ผอ.ทสจ.อุตรดิตถ์ นายนิรันดร์ สุรัสวดี ผอ.ทสจ.สุรินทร์ เป็น ผอ.ทสจ.อุบลราชธานี และนายบุญเกิด ร่องแก้ว ผอ.กองนิติการ กรมอุทยานแห่งชาติฯ เป็น ผอ.ทสจ.อุทัยธานี

ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งนายศิริ อัคคะอัคร ผอ.สำนักป้องกันปราบปรามและควบคุมไฟป่า ทำหน้าที่รักษาการตำแหน่งรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน