อนุกรรมการ”กสม.” ถกปม “ดีเอสไอ” ไม่รับคดี “บิลลี่” เป็น คดีพิเศษหลังแกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย หายตัวปี “57 ด้านดีเอสไอแจง 3 เหตุผลยุติการสืบสวนสอบสวน อีกทั้งภรรยาบิลลี่ไม่ใช่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่ “อังคณา” เชื่อหากดีเอสไอรับทำเป็นคดีพิเศษและทำเต็มที่ก็ไม่น่าเกินความสามารถ นำตัวผู้กระทำผิดเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมได้ เล็งให้ “แม่บิลลี่” ยื่นร้องใหม่แก้ปัญหาเมียไม่ได้ จดทะเบียนจึงเป็นผู้ร้องไม่ได้

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 8 ก.พ. ที่สำนักคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) คณะอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและการเมืองที่มีนางอังคณา ลีละไพจิตร กรรมการ กสม. เป็นประธาน ได้ประชุมพิจารณากรณีน.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ หรือ มีนอ ภรรยาของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ บิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี ที่หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 17 เม.ย.2557 ได้ร้องเรียนว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ไม่รับคดีนายบิลลี่หายตัวไปเมื่อปี “57 เป็นคดีพิเศษ โดยเชิญ น.ส.พิณนภา ภรรยานายบิลลี่ พร้อมตัวแทนดีเอสไอ และผู้แทนกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพเข้าหารือด้วย

นางอังคณากล่าวหลังการประชุมว่า น.ส.พิณนภารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมหลังดีเอสไอไม่รับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งจากการสอบถามตัวแทนดีเอสไอให้เหตุผลว่า ได้สืบสวนเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้วแต่ไม่สามารถสรุปเรื่องได้ ทำให้มีผลต่อตัวชี้วัดของดีเอสไอ ประกอบกับ น.ส.พิณนภาไม่ใช่ภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของบิลลี่ แต่ถ้าหากพบตัวหรือศพนายบิลลี่ทางดีเอสไอจึงจะดำเนินคดีต่อได้

นางอังคณากล่าวต่อว่า ทางดีเอสไอจะส่งเอกสารเหตุผลที่ไม่รับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษมาให้กสม. จากนั้นก็จะได้นำมาศึกษาและสรุปเนื่องจากที่ผ่านมาอนุกรรมการทำเรื่องการสูญหายมาหลายกรณีและเปรียบเทียบการทำคดีบุคคลสูญหายในต่างประเทศด้วย ซึ่งเห็นว่าตามพ.ร.บ.คดีพิเศษ 2547 ดีเอสไอมีอำนาจมากพอสมควรที่จะสืบสวนสอบสวนได้มากกว่านี้ และหากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษจะมีช่องทางที่สามารถนำตัวผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ ดังนั้น จึงจะทำหนังสือถึงดีเอสไอเพื่อสอบถามว่าจะมีแนวทางที่จะทำคดีนี้อย่างไร

“วันนี้ดีเอสไอแค่สืบสวน แต่ไม่ได้สอบสวน ดังนั้น เราคิดว่าถ้าได้ทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งสืบสวนและสอบสวนก็ไม่น่าจะเกินความสามารถของดีเอสไอ การที่น.ส.พิณนภาไม่ได้จดทะเบียนสมรสทำให้ดีเอสไอไม่รับเรื่องเพราะไม่มีภรรยาตามกฎหมายนั้น คิดว่าอาจจะให้มารดานายบิลลี่มาเป็นผู้ยื่นร้องใหม่ หรือมอบอำนาจให้ภรรยานายบิลลี่ดำเนินการให้ ซึ่งดีเอสไอก็น่าจะสอบสวนได้แล้วเพราะกฎหมายให้การรับรอง แต่ก็ยอมรับว่าการ จะไปตามหาแม่นายบิลลี่ไม่ใช่เรื่องง่าย” นางอังคณากล่าว

ด้านน.ส.พิณนภากล่าวว่า ถ้าดีเอสไอยื่นมือเข้ามาช่วยก็เชื่อว่าจะสามารถช่วยได้ แต่พอทางดีเอสไอปฏิเสธรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษก็รู้สึกเสียใจ ซึ่งจากที่ตนได้พูดคุยกับทางดีเอสไอเมื่อครั้งที่ได้เข้ามาในพื้นที่ได้บอกว่าทางดีเอสไออยู่ไกลและไม่ได้อยู่ในพื้นที่ซึ่งไม่ชำนาญในพื้นที่ ถ้าตำรวจติดตามคดีนี้ชำนาญในพื้นที่มากกว่า ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ คดีจะไม่มีความคืบหน้า

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน