สำนักงานมหาเถรสมาคมออกประกาศให้ทุกวัดทั่วราชอาณาจักร ย่ำฆ้องกลอง ระฆัง จัดประชุมสงฆ์สวดชัยมงคล อนุฏมทนาสาธุการ ในนาทีที่”ในหลวง” ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนา”สมเด็จพระสังฆราช”พระองค์ใหม่ ด้านกรรมการมหาเถรสมาคมก็ร่วมแสดงมุทิตาสักการะประมุขสงฆ์ในที่ประชุมวันนี้ด้วย ด้านวัดราชบพิธฯเปิดให้เฝ้าถวายสักการะในพระอุโบสถระหว่างวันที่ 13-15 ก.พ.นี้ “พล.ร.อ.ม.จ.ปุสาณ สวัสดิวัตน์” เสด็จแทนพระองค์ในการพระราชพิธีจารึกพระนามในพระสุพรรณบัฏ

เมื่อเวลา 10.49 น. วันที่ 9 ก.พ. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ร.อ.ม.จ.ปุสาณ สวัสดิวัตน์ เป็นผู้แทนพระองค์ ในการพระราชพิธีจารึกพระสุพรรณ บัฏ สมเด็จพระสังฆราช ณ พระอุโบสถวัด พระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง

การนี้ พล.ร.อ.ม.จ.ปุสาณ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธมณีรัตนปฏิมากร ทรงกราบ ถวายความเคารพพระราชอาสน์ ประทับพระเก้าอี้ที่จัดถวายไว้ เจ้าพนักงานอาลักษณ์เข้าไปกราบพระพุทธมณีรัตนปฏิมากร แล้วหันหน้าสู่พระราชอาสน์ที่ ทอดไว้ ถวายบังคม 3 ครั้ง คำนับผู้แทนพระองค์ แล้วไปนั่งที่โต๊ะจารึกพระสุพรรณ บัฏ เจ้าหน้าที่กองศาสนูปถัมภ์กรมการศาสนาอาราธนาศีล พระราชาคณะถวายศีล ผู้แทนพระองค์และเจ้าหน้าที่พนักงานอาลักษณ์รับศีล

พระราชาคณะถวายศีล จบ เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังนำเทียนชนวนให้เจ้าพนักงานอาลักษณ์จุดเทียนทอง เทียนเงิน บนโต๊ะจารึก เจ้าพนักงานอาลักษณ์นำสายสิญจน์คล้องคอ เริ่มทำพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ขณะที่เจ้าพนักงานอาลักษณ์จารึกพระสุพรรณบัฏ สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร, พระพรหมเมธี วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร, พระพรหมมุนี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร, พระพรหมดิลก วัดสามพระยาวรวิหาร และพระธรรมสิทธิเวที วัดสังเวชวิศยารามวรวิหาร เจริญชัยมงคลคาถา โหรหลวงลั่นฆ้องชัย พราหมณ์เป่าสังข์ ภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์

เจ้าพนักงานอาลักษณ์จารึกพระสุพรรณ บัฏเสร็จ นำสายสิญจน์คล้องคอออก พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ถวายน้ำเทพมนตร์เจิมพระสุพรรณบัฏ เสร็จแล้วเจ้าพนักงานอาลักษณ์เชิญพระสุพรรณบัฏบรรจุซองไว้บนพาน แล้วเชิญพานพระสุพรรณบัฏไปวางไว้ที่ธรรมาสน์ศิลา เจ้าพนักงานอาลักษณ์ไปกราบพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ถวายบังคมพระราชอาสน์ และคำนับผู้แทนพระองค์

พล.ร.อ.ม.จ.ปุสาณ ทรงถวายจตุปัจจัยไทย ธรรมแด่พระราชาคณะที่เจริญชัยมงคลคาถา จากนั้นทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระอุโบสถ ผู้แทนพระองค์กราบพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ถวายความเคารพพระราชอาสน์ เสด็จกลับ เจ้าพนักงานอาลักษณ์เชิญพระสุพรรณบัฏกลับสำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์

เจ้าพนักงานอาลักษณ์ เริ่มทำพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ตามพระนาม ดังนี้ “สมเด็จพระ อริยวงศาคตญาณ สุขุมธรรมวิธานธำรง สกลมหาสงฆปริณายก ตรีปิฎกธราจารย อัมพราภิธานสังฆวิสุต ปาพจนุตตมสาสนโสภณ กิตตินิรมลคุรุฐานียบัณฑิต วชิราลงกรณนริศรปสันนาภิสิตประกาศ วิสารทนาถธรรม ทูตาภิวุฒ ทศมินทรสมมุติปฐมสกลคณาธิเบศร ปวิธเนตโยภาสวาสนวงศวิวัฒ พุทธบริษัทคารวสถาน วิบูลสีลสมาจารวัตรวิปัสสนสุนทร ชินวรมหามุนีวงศานุศิษฏ บวรธรรมบพิตร สมเด็จพระสังฆราช”

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่วัดราชบพิธ ยังมีประชาชนเดินทางมาเพื่อถวายมุทิตา สักการะเอย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่กทม. นำดอกไม้ ไม้พุ่ม มาประดับตกแต่งภายในวัดเพื่อความสวยงาม และยังทำความสะอาดตามจุดต่างๆ ภายในวัด รวมทั้งเร่งปรับปรุงทางเดินเท้าด้านนอกวัดด้วย

นายอิสราพงศ์ วงศ์สมิง หัวหน้าสวนทวีวนารมย์ กล่าวว่า กทม.ได้นำไม้ดอก ไม้พุ่ม 9 ชนิด และไม้คลุมดินจำนวนมาก มาตกแต่งโดยรอบบริเวณวัด ได้แก่ บริเวณประตูทางเข้า 3 จุด ตำหนักสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ และรอบอุโบสถ เพื่อความสวยงามของสถานที่ ให้สมพระเกียรติสมเด็จพระสังฆราช โดยดอกไม้เน้นไปที่โทนสีเขียว และสีขาว เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในช่วงถวายความอาลัยในหลวง ร.9

ด้านพระพรหมมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธ กล่าวว่า ในวันที่ 10 ก.พ. เวลาประมาณ 09.30 น. ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี จะให้มหาดเล็กนำเครื่องสักการะมาถวาย มาเเสดงมุทิตาจิตเเด่สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ต่อจากนั้นเวลา 10.00 น. นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะนำหนังสือมาทูลถวายให้เข้าไปรับสถาปนาสมณศักดิ์ ในวันที่ 12 ก.พ. ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

พระพรหมมุนีกล่าวต่อว่า ส่วนในวันที่ 12 ก.พ. ช่วงเช้า เวลา 09.00 น. ทางวัดจัดพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายอดีตเจ้าอาวาส จากนั้นในช่วงเย็นก็จะเข้าไปในวัดพระแก้ว เมื่อรับการสถาปนาเสร็จแล้ว ก็เสด็จกลับวัดมีพิธีต้อนรับ สวดเจริญชัยมงคลคาถา คณะศิษย์ถวายสักการะตามเวลาอันสมควรถือเป็นอันเสร็จพิธี จากนั้นวันที่ 13-15 ก.พ.ทางวัดจะไปให้พุทธบริษัทเข้าถวายสักการะที่พระอุโบสถ 2 ช่วง โดยเเเบ่งเป็น 2 รอบคือรอบเช้า 09.00-10.30 น. เเละรอบบ่าย 14.00- 16.00 น. และหลังจากนี้หากมีคณะหรือองค์กรไหนจะมาถวาย สักการะก็จะจัดเวลาให้ตามสมควร แต่ควรมาหลังเวลา 14.00 น.

“ในส่วนวันที่ 11 ก.พ.ซึ่งเป็นวันมาฆบูชา ทางวัดก็มีพิธีกรรมช่วงเช้ามีทำบุญตักบาตร และเทศน์ ส่วนช่วงเย็นจะมีพิธีเวียนเทียน และการแสดงพระธรรมเทศนา โดยที่วัดราชบพิธฯ จะมีธรรมเนียมการเทศน์จนถึงเวลา 05.00 น. ของอีกวัน แล้วจะมีการถวาย ภัตตา หารเช้าเป็นอันเสร็จพิธี โดยในวันที่ 11 ก.พ. เจ้าพระคุณสมเด็จจะเป็นประธานในพิธี” พระพรหมมุนีกล่าว

สำหรับกำหนดการ ในวันที่ 12 ก.พ. ช่วงเช้าเวลา 09.00 น. เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน จุดธูปเทียนบูชาพระพุทธอังคีรส ประธานพระอุโบสถ และจุดธูปเทียน เครื่องทองน้อยถวายสักการะพระอัฐิ-อัฐิ อดีตเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ มีพระสงฆ์ 30 รูป สวดมาติกา สดับปกรณ์-บังสุกุล

ส่วนในช่วงเย็น เวลา 18.30 น. หลังเสร็จพระราชพิธี เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จโดยรถยนต์พระประเทียบถึงหน้าวัดราชบพิธ ด้านถนนราชบพิธ มีวงดุริยางค์โรงเรียนวัดราชบพิธ บรรเลงมหาฤกษ์ จากนั้น ข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เชิญพระสุพรรณบัฏ พัดยศ และเครื่องประกอบพระอิสริยยศตามเสด็จ ก่อนทรงพระดำเนินผ่านแถวคณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดราชบพิธที่นั่งรายทางรับเสด็จ

จากนั้นเสด็จเข้าสู่พระอุโบสถทางประตูกลาง (ขณะนั้นพระสงฆ์ 10 รูป เจริญชัยมงคลคาถา) ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธอังคีรส ประธานพระอุโบสถและทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ถวายสักการะพระอัฐิ-อัฐิอดีตเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ

ระหว่างนั้น ข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเชิญพระสุพรรณบัฏ พัดยศ และเครื่องประกอบพระอิสริยยศประดิษฐานบนม้าหมู่เคียงซ้ายขวาพระอาสน์

ก่อนที่เสด็จขึ้นประทับพระอาสน์ซึ่งทอดอยู่หน้าพระอุโบสถ จากนั้นพระพรหมมุนี เฝ้าถวายเครื่องสักการะ และกราบทูลแสดงภักดีจิตในนามคณะสงฆ์วัดราชบพิธฯ ตามด้วยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองมนตรีและรัฐบุรุษ เฝ้าถวายเครื่องสักการะในนามคณะพุทธบริษัท

ตามด้วยคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ และศิษยานุศิษย์ เฝ้าถวายเครื่องสักการะ

เมื่อแล้วเจ้าพระคุณสมเด็จเสด็จลงจาก พระอาสน์ ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม แด่พระสงฆ์ที่เจริญชัยมงคลคาถา ก่อน ขึ้นประทับพระอาสน์ หมู่พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ทรงกรวดน้ำ แล้วประทานพระวโรกาสให้ช่างภาพฉายพระรูป ก่อนเสด็จขึ้นตามพระอัธยาศัย

วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่หมายกำหนดการพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง

เลขาธิการพระราชวัง รับพระราชโองการเหนือเกล้าฯ สั่งว่า เนื่องจากตำแหน่ง สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ยังว่างอยู่ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลพระกรุณา ขอให้ทรงสถาปนาสมเด็จพระราชาคณะ ตาม พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไข เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2535 และฉบับที่ 3 พ.ศ.2560 ผู้เหมาะสม ที่จะได้รับพระราชทานสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และโดยที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเป็นประธานของฝ่ายสงฆ์ มีความสำคัญยิ่งในพระบวรพุทธศาสนาแห่งราชอาณาจักรไทย อีกทั้งทรงเป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วไป จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ประกอบการพระราชพิธีสถาปนา ในท่าม กลางสังฆมณฑล ซึ่งพร้อมด้วยกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาค และ เจ้าคณะจังหวัดต่างๆ ณ พระอุโบสถวัด พระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติในตำแหน่งที่มีความสำคัญและเชิดชูพระพุทธศาสนาสืบไป ดังมีรายการต่อไปนี้

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังวัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวัง เวลา 18 นาฬิกา เสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงประเคนผ้าไตรแด่พระสงฆ์ ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม เมื่อพระสงฆ์ออกไปครองผ้าเสร็จแล้วกลับเข้ามานั่งยังอาสน์สงฆ์ตามลำดับ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัย ทรงศีล สมเด็จพระราชาคณะถวายศีล จบแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อาลักษณ์ กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี อ่านประกาศกระแสพระราชโองการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก จบ สมเด็จพระราชาคณะนำสวดคาถา “สงฆราชฏฺฐปนานุโมทนา” แล้วพระสงฆ์กรรมการมหาเถรสมาคมนำสวด “โส อตฺถลทฺโธ” แล้วสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปประทับที่อาสน์สงฆ์ พร้อมด้วยกรรมการมหาเถรสมาคม ณ ท่ามกลางสังฆมณฑล ซึ่งมีเจ้าคณะใหญ่ เจ้าคณะภาคและเจ้าคณะจังหวัด

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปถวายน้ำพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏแด่สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก และถวายพระสุพรรณบัฏ พระตราตำแหน่ง พัดยศ และเครื่องสมณศักดิ์ ขณะนี้พระสงฆ์ในสังฆมณฑลเจริญชัยมงคลคาถา โหรหลวงลั่นฆ้องชัย พราหมณ์เป่าสังข์ ภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ เจ้าพนักงานประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์ พระสงฆ์ตาม พระอารามทั่วราชอาณาจักรซึ่งชุมนุมในพระอุโบสถเจริญชัยมงคลคาถาและย่ำระฆัง

เมื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถวายเครื่องสมณศักดิ์แด่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ในสังฆมณฑลตามลำดับแล้ว ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก จบแล้ว สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปประทับ ณ อาสน์สงฆ์กลางพระอุโบสถ พระมหาเถระฝ่ายคณะธรรมยุตและฝ่ายมหานิกาย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานศาลฎีกา ถวายเครื่องสักการะแด่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แล้ว สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จออกจากพระอุโบสถทางพระทวารกลาง ทรงรับเครื่องสักการะของบรรพชิตญวนและจีน ส่วนพระสงฆ์นอกนั้นออกจากพระอุโบสถ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับ

การแต่งกาย แต่งเครื่องแบบเต็มยศ ไว้ทุกข์ สายสะพายนพรัตนราชวราภรณ์ หรือสายสะพายช้างเผือก

นอกจากนี้ วัดราชบพิธฯ ยังแจ้งกำหนดการเฝ้าถวายสักการะเจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ณ พระอุโบสถวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ระหว่างวันที่ 13-15 ก.พ.2560 รอบเช้า เวลา 09.00-10.30 น. รอบบ่าย เวลา 14.00-16.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันศุกร์ที่ 10 ก.พ. ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม จะมีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ในวาระปกติ โดยมีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานการประชุม โดยสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อัมพโร) และกรรมการมหาเถรฯ จะเข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน

ทั้งนี้ภายหลังสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ก่อนการประชุมมหาเถรฯ กรรมการมหาเถรสมาคมทุกรูป จะเข้าแสดงมุทิตาร่วมยินดีกับสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องภายในที่ประชุม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนา เปิดเผยถึงกำหนดการเดินทางเข้ากราบสักการะถวายฎีกานิมนต์ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เพื่อสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันที่ 12 ก.พ.นี้ว่า กำหนดการเบื้องต้นวางไว้ในวันที่ 10 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น. แต่ขั้นตอนทั้งหมดจะต้องรอหนังสืออย่างเป็นทางการจากสำนักพระราชวังแจ้งมาก่อน และต้องรอประกาศลงเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษาเสียก่อน จึงจะเดินทางไปถวายสักการะถวายนิมนต์ได้

ด้านนายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม เปิดเผยว่า สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ได้ออกประกาศเรื่องให้วัดย่ำระฆังและประชุมสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา เนื่องในพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช มีใจความว่า

ตามที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกอบการพระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ลำดับองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ท่ามกลางมหาสันนิบาต ประกอบด้วย พระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี คณะรัฐมนตรี ประธานศาลฎีกา ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ และพระมหาเถรานุเถระแห่งสังฆมณฑล ในวันที่ 12 ก.พ. เวลา 18.00 น. นั้น

ในการนี้ สำนักพระราชวังมีหมายกำหนดการแจ้งว่า ในวันดังกล่าว เวลาที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถวายน้ำพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ พระสุพรรณบัฏ พัดยศ เครื่องสมณศักดิ์ และพระตราประจำตำแหน่ง แด่สมเด็จพระสังฆราชนั้น ขอให้วัดทั่วราชอาณาจักรประชุมพระสงฆ์ในอุโบสถ เจริญชัยมงคลคาถา และย่ำระฆัง เพื่อแสดงอนุโมทนาสาธุการ

สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม จึงขอประกาศให้วัดไทยในประเทศไทยและวัดไทยทั่วโลกทั้งหลายทราบและถือปฏิบัติเพื่อ ส่งเสริมพระราชศรัทธา ด้วยการประชุมสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา และย่ำระฆัง ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ เวลา 18.00 น. โดยพร้อมเพรียงกัน สำหรับเวลาที่แน่นอน โปรดชมการถ่ายทอดสดทางสถานียวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และถ่ายทอดเสียงทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จึงประกาศ ให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศ ณ วันที่ 9 ก.พ.2560

ที่กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมพื้นที่บริเวณวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เพื่อเตรียมงานโปรดสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 ว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้กำชับให้ช่วยดูแลสภาพแวดล้อมความสะอาดของสถานที่ เพื่อรองรับกับศรัทธาของประชาชน อีกทั้งทางวัดได้รับบัญชาจากสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 มาว่าในการจัดงานต้องไม่ให้เอิกเกริก ขอให้มีความเรียบง่าย ไม่เน้นความสวยงาม แต่จะเน้นเรื่องความสะอาด โดยเฉพาะการทำความสะอาดท่อน้ำทิ้ง ดูแลเรื่องต้นไม้และไฟส่องสว่าง โดยมีหน่วยงานจาก กทม.และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เข้ามาช่วย รวมถึงให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาประจำการ เพื่อดูแลความปลอดภัย ส่วนของต่างจังหวัดได้กำชับให้ผู้ว่าฯแต่ละจังหวัดประสานงานกับเจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ร่วมมุทิตาจิตหลังสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงถวายสุพรรณบัฏ และเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อให้เป็นสิริมงคล ซึ่งการจัดงานอาจจะพิเศษใน จ.ราชบุรี เพราะเป็นพื้นที่ชาติภูมิของพระองค์ท่าน

นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า ในส่วนกระทรวงมหาดไทย ได้สนับสนุนเรื่องอาหารและน้ำดื่ม รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่จากกองอาสารักษาดินแดนจำนวน 30 คนเข้าไปช่วยงาน พร้อมทั้งประสานงานกับกทม.ให้เปิดลานคนเมือง เพื่อให้ประชาชนนำรถเข้าไปจอดได้ และเปิดพื้นที่กระทรวงมหาดไทยให้เป็นที่จอดรถของพระเถระชั้นผู้ใหญ่

“วัดราชบพิธฯ เป็น 1 ใน 5 วัดในโลก ที่ยังคงมีพิธี “จุดเทียนยังรุ่ง” ซึ่งหมายถึง จุดเทียนยันสว่าง โดยคำว่า ยัง ก็คือ ยัน ในภาษาบ้านเรา ซึ่งเทียนที่ใช้จุดนี้เป็นเทียนที่พระเจ้าอยู่หัวพระราชทานมา ทางวัดจะจุดตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึง 06.00 น. ของอีกวันหนึ่ง ขณะเดียวกัน ก็จะมีการเทศน์ 13 กัณฑ์ คือเทศน์ยันเช้า จนกว่าเทียนจะดับ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถเข้าร่วมพิธีเดินเทียนช่วงใดก็ได้ตลอดทั้งคืน โดยทางวัดและกระทรวงมหาดไทยจะเตรียมเทียนไว้ให้” นายสุทธิพงษ์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน