ปีติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งนายกฯ “ช่วยกันนะ” ให้สืบสานพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ต่อไป ให้ประชาชนเข้าใจและเป็นรูปธรรมให้มากที่สุด ระหว่างเสด็จฯ ทรงเปิดนิทรรศการ “เย็นศิระ เพราะพระบริบาล” ที่ท้องสนามหลวง ขณะที่พสกนิกรเฝ้าฯ รับเสด็จจนแน่นชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด กรมศิลป์เร่งสร้างพระโกศทองคำลงยาประดับรัตนชาติทรงพระบรมอัฐิ 3 แบบ รวม 6 องค์ ช่างสิบหมู่เตรียมทดสอบฝีมือ 385 ช่างอาสา จัดสร้างพระโกศจันทน์ และเครื่องประกอบพระเมรุมาศ

เมื่อวันที่ 9 ก.พ. เวลา 19.13 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดนิทรรศการ “เย็นศิระ เพราะพระบริบาล” ณ ท้องสนามหลวง โดยมีคณะองคมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการพระราชวัง นายดนุชา สินธวานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครง การอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต ผู้นำเหล่าทัพ และคณะกรรมการจัดงาน เฝ้าฯ รับเสด็จ

จากนั้นเสด็จเข้าสู่พลับพลาพิธี พล.อ. ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯ ถวายสูจิบัตร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดนิทรรศการ “เย็นศิระ เพราะพระบริบาล พร้อมทั้งกราบบังคมทูลเสด็จฯ เปิดนิทรรศการเย็นศิระ เพราะพระบริบาล และทอดพระเนตรนิทรรศการ

จากนั้นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออกจากพลับพลาพิธี ไปยังบริเวณพิธีเปิดงาน ทรงตัดแถบแพร เปิดนิทรรศการ “เย็นศิระ เพราะพระบริบาล” แล้วเสด็จเข้าสู่ภายในนิทรรศ การ โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายดนุชา สินธวานนท์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เฝ้าฯรับเสด็จ

การนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทอดพระเนตรนิทรรศการเย็นศิระ เพราะพระบริบาล ซึ่งมีจำนวน 5 โซน ได้แก่ โซนที่ 1 บุญของ แผ่นดินไทย ประกอบด้วย 1.บูรพกษัตริย์ไทย สร้างชาติไทยให้มั่นคง 2.สืบสานตำนานราชวงศ์จักรี 3.พระเจ้าอยู่หัวในดวงใจ โซนที่ 2 ประกอบด้วย พระราชาผู้ทรงธรรม (ทำ) การนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับพระราชอาสน์ ทอดพระเนตรวีดิทัศน์พระราชกรณียกิจพระ บาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช

จบแล้วเสด็จออกจากที่ประทับเพื่อทอดพระเนตรนิทรรศการ เย็นศิระ เพราะพระบริบาล อันประกอบด้วย 1.ในหลวงอย่าทิ้งประชาชน 2.พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 3.พระผู้ทรงครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมวลชนชาวสยาม 4.ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ต่อมาเสด็จฯ ทอดพระเนตร โซนที่ 3 กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ประกอบด้วย 1.สดุดีมหาราชา อันเป็นการจัดแสดงนิทรรศการที่นานา ชาติสรรเสริญพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช และการไว้อาลัยจากนานาชาติ 2.พระผู้ทรงเป็นมากกว่าแรงบันดาลใจ โดยมีการจัดแสดงนิทรรศการการไว้อาลัย การจัดงานของคนไทยทั้งประเทศ 3.ส่งต่อความดี เพื่อพ่อบนฟ้า

ก่อนทอดพระเนตรโซนที่ 4 พระมิ่งขวัญชาวไทย ประกอบด้วย พระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทอดพระเนตรโซนที่ 5 ร้อยใจไทย โดยทอดพระเนตร 89 ภาพ พระราชกรณียกิจ และ 89 พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส

จากนั้นเสด็จออกจากอาคารนิทรรศการไปยังบริเวณส่วนจัดแสดงนิทรรศการพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ซึ่งจำลองการบริหารจัดการดิน น้ำ และป่า รวมถึงเกษตรทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานให้ประชาชน เสร็จแล้วเสด็จออกจากบริเวณจัดนิทรรศการ ทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จตามพระราชอัธยาศัย ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับในเวลา 19.45 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนที่ทราบข่าวการเสด็จฯ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่างมาจับจองที่นั่งภายในเต็นท์ที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ บริเวณข้างนิทรรศการ ส่วนที่ถนนราชดำเนินในมีประชาชนจำนวนมากมาเฝ้าฯ รับเสด็จ เพื่อชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด พร้อมเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้อง โดยก่อนที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะประทับรถยนต์พระที่นั่ง เพื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแย้มพระโอษฐ์ และโบกพระหัตถ์ให้ประชาชน สร้างความปลื้มปีติแก่ประชาชนอย่างยิ่ง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวภายหลังว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งว่า ให้ช่วยกันสืบสานพระราชปณิธานของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำต่อไป ให้ประชาชนเข้าใจและเป็นรูปธรรมให้มากที่สุด อีกประการหนึ่งคือเรื่องของศาสนาต้องช่วยกันเพราะใกล้วันมาฆบูชาแล้ว ก็มีงานที่สำคัญ พระองค์ทรงมีรับสั่งว่าทุกคนพร้อมช่วยกันนะ

ด้านนายดนุชา เผยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งขอบใจคณะผู้จัดทำนิทรรศการ เพราะนิทรรศการนี้จะได้เป็นสมบัติของประเทศชาติต่อไป เนื่องจากเป็นนิทรรศการที่มีคุณค่า โดยระหว่างที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต เมื่อทอดพระเนตรภาพพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า เคยเสด็จฯ ไปกับสมเด็จพระราชชนนีด้วย

ทั้งนี้ นิทรรศการจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. เป็นต้นไป เวลา 08.00-20.00 น.

ก่อนหน้านั้น พล.อ.ธนะศักดิ์ ในฐานะประธานกรรมการฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และ บูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และคณะกรรมฝ่ายจัดสร้างพระเมรุมาศ ตรวจการก่อสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประ กอบพระเมรุมาศและบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ ตรวจการก่อสร้างพระเมรุ มาศสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ และ บูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศ ที่ท้องสนามหลวงด้านทิศใต้ และโรงราชรถภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร

พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวภายหลังการประชุมว่า จากการลงพื้นที่ในช่วงเช้าเห็นถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานในทุกด้าน โดยในวันที่ 27 ก.พ. นายกรัฐมนตรีจะมาเป็นประธานในพิธียกเสาเอกและบวงสรวงการก่อสร้างพระเมรุมาศ โดยในส่วนความคืบหน้าพระเมรุมาศและสิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ ขณะนี้ได้จัดทำแบบก่อสร้างทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ส่วนอาคารในมณฑลพิธีที่เริ่มดำเนินการไปบ้างแล้ว ได้แก่ พระเมรุมาศ ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการเทคอนกรีต ส่วนโครงสร้างเสาเหล็กพระเมรุมาศอยู่ระหว่างดำเนินการจากโรงงาน ซึ่งพร้อมสำหรับพิธียกเสาเอก พระที่นั่งทรงธรรม ได้วางฐานรากผูกเหล็กเรียบร้อยเกือบทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการเทคอนกรีต อาคารประกอบอื่นๆ ที่เริ่มเข้าดำเนินการแล้ว ได้แก่ ศาลาลูกขุนด้านทิศใต้ อยู่ในขั้นตอนการปรับระดับพื้นเพื่อเตรียมวางแผ่นฐานรากอาคารต่อไป

ทั้งนี้โครงสร้างของพระเมรุมาศและอาคารประกอบ ใช้โครงสร้างเหล็กรูปพรรณ โครงหลังคาใช้ระบบโครงสร้างเหล็ก เสาหลักของพระเมรุมาศ ทั้ง 4 มุม โดยใช้โครงสร้างเหล็กประกอบตามรูปทรงที่กำหนดในงานสถาปัตยกรรม ระบบของโครงสร้างดังกล่าวสามารถก่อสร้างได้อย่างรวดเร็วและง่ายต่อการรื้อถอน และให้สามารถรับน้ำหนักอาคารและแรงกระทำต่างๆ โดยคำนวณอัตราส่วนความปลอดภัยประมาณ 2 เท่า เพื่อความมั่นคงแข็งแรง และรับแรงสั่นสะเทือนจากแรงลม รวมถึงน้ำหนักการต้านลมของยอดพระนพปฎลเศวตฉัตรและพระวิสูตรหรือม่านขนาดใหญ่ได้อย่างปลอดภัย

พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวอีกว่า สำหรับพระโกศ ทองคำลงยาประดับรัตนชาติทรงพระบรมอัฐิ พระโกศทรงพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่ พระโกศทรงพระบรมอัฐิที่จะนำไปประดิษฐาน ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เป็นพระโกศทองคำลงยาประดับเพชร 9 เหลี่ยม ออกแบบโดยนายอำพล สัมมาวุฒธิ

พระโกศทองคำลงยาประดับพลอย 8 เหลี่ยม มีจำนวน 4 องค์ โดยจะนำทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เพื่อไว้บูชา ออกแบบโดย นายณัฐพงศ์ ปิยมาภรณ์

สำหรับพระโกศทองคำลงยาประดับพลอย 8 เหลี่ยม ทูลเกล้าฯถวายสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ออกแบบโดย นายสมชาย ศุภลักษณ์อำไพพร มีกำหนดการเสร็จก่อนวันที่ 30 ก.ย.นี้ ซึ่งอาจเสร็จก่อนก็ได้ แต่เสร็จตามกำหนดการแน่นอน เพราะการก่อ สร้างฐานต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เช่น ฐานพระเมรุ เป็นต้น

ด้านนายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่าสำหรับราชรถปืนใหญ่ที่จะจัดสร้างใหม่นั้นมีการศึกษาและถอดรูปแบบมาจากราชรถปืนใหญ่ที่ทรงพระโกศพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 นำมาผสมผสานกับราชรถปืนใหญ่ที่ทรงสมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ ซึ่งออกแบบโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ตามรูปแบบราชประเพณี ออกแบบเขียนแบบโดย นายชนะโยธิน อุปลักษณ์ สำนักช่างสิบหมู่ และดำเนินการจัดสร้างร่วมกันระหว่างกรมศิลปากรและกรมสรรพาวุธทหารบก คาดว่าทางกรมสรรพาวุธจะส่งโครง สร้างให้ได้ในช่วงสิ้นเดือนเม.ย.นี้ ส่วนพระ ที่นั่งราเชนทรยานน้อย เพื่อใช้เชิญพระสรีรางคาร จากพระเมรุมาศเข้าสู่พระบรมมหาราชวังอยู่ในระหว่างการออกแบบใหม่ด้วย

นายสมควร อุ่มตระกูล ผอ.สำนักช่างสิบหมู่ กล่าวว่า สำหรับการรับอาสาสมัครที่จะเข้าร่วมปฏิบัติงานจัดสร้างพระโกศจันทน์ และงานศิลปกรรมเครื่องประกอบพระเมรุมาศ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชนั้น ขณะนี้ได้ปิดรับสมัครแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.พ. มีผู้มาสมัคร 385 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการคัดแยกประเภทในการสมัครว่ามีจำนวนอย่างละเท่าไหร่ ภายหลังจะทดสอบฝีมืออาสาสมัครในวันที่ 27 ก.พ.นี้

สร้างพระเมรุ- พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกฯ นำคณะตรวจสอบการก่อสร้างพระเมรุมาศ บริเวณท้องสนามหลวง ก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมการบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถและพระยานมาศที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 9 ก.พ.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน