ป.ป.ช.ยอมรับเองคดีบริษัทลูกบิ๊กติ๊กสะดุด อ้างเหตุประกาศใช้พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ต้องรอแก้ระเบียบให้สอดคล้อง ชี้คดีอยู่ในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริงยังไม่ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน “เรืองไกร”ตามบี้”อผศ.”ขุดลอกคลอง กล่าวหาทำนิติกรรมอำพราง 14 ก.พ.ยื่นสตง.สอบขยายผล รัฐบาลถกป.ย.ป.อีกวันที่ 17 ก.พ. พรี-เวิร์กช็อปก่อนเปิดคอร์สระยะสั้นอบรมปลัดกระทรวง-ผู้ว่าฯ-อธิบดี 3 มี.ค. ด้านเพื่อไทยซัดขึ้นภาษีเชื้อเพลิงเครื่องบิน-ภาษีน้ำตาล-ภาษีที่ดิน ชี้เป็นสาเหตุให้รัฐถังแตกของจริง

โฆษกรบ.แจงยึดทรัพย์ทำตามกม.

วันที่ 12 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีกรมการค้าต่างประเทศเตรียมส่งเรื่องให้กรมบังคับคดี ดำเนินการยึดทรัพย์เรียกค่าเสียหายคดีทุจริตการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 6 ราย ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้มาโดยตลอดและระบุว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งแต่ละหน่วยงานรู้หน้าที่ของตนและทำงานอย่างเต็มที่อยู่แล้ว หลังจากวันที่ 14 ก.พ.นี้ กรมการค้าต่างประเทศจะส่งเรื่องให้กรมบังคับคดีดำเนินการต่อไป จึงเชื่อมั่นว่าการทำงานจะไม่ล่าช้าทั้งเรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินและการยึดทรัพย์ ที่ผ่านมาทั้ง 2 หน่วยงานประสานงานกันอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องแต่อาจใช้เวลาบ้างเพราะต้องดำเนินการให้รอบคอบ

โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า นายกฯในฐานะหัวหน้ารัฐบาล มีหน้าที่กำกับติดตามงานของทุกส่วนราชการ พร้อมให้นโยบายแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงความคืบหน้าแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันหน่วยงานที่รับผิดชอบก็มีวิธีการนำทรัพย์สินมาได้ ไม่ว่าจะถูกยักย้ายถ่ายเทไปที่ใด ภายใต้อายุความถึง 10 ปี จึงขอให้สังคมหรือผู้ที่ออกมาแสดงความเป็นห่วงในเรื่องดังกล่าวเกิดความสบายใจว่า รัฐบาลจะดำเนินการทุกอย่างด้วยความถูกต้อง เป็นธรรมและโปร่งใสอย่างแน่นอน

ชี้บ.ลูกบิ๊กติ๊กยังไม่โยงบิ๊กขรก.

แหล่งข่าวกล่าวว่า จากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แสวงหาข้อเท็จจริง กรณีร้องเรียนให้ตรวจสอบ หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ที่มีนายปฐมพล จันทร์โอชา บุตรชาย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นคู่สัญญากับภาครัฐหลายแห่ง รวมถึงกองทัพภาคที่ 3 ด้วย รวมวงเงินกว่า 155 ล้านบาท โดยคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงส่งเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ลงตรวจสอบที่ตั้งของ หจก.คอนเทมโพรารีฯ ที่ตั้งอยู่ในค่ายสมเด็จพระเอกาทศรถ จ.พิษณุโลก แล้วพบข้อมูลเบื้องต้นว่าหจก.ดังกล่าวอาจเข้าข่ายไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะรับงานในฐานะคู่สัญญากับภาครัฐได้นั้น

แหล่งข่าวระบุ เป็นการลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องของส่วนราชการที่ไปจ้างบริษัทที่ไม่เคยมีผลงาน ไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์เพียงพอ ยังไม่สามารถเจาะจงว่าเกี่ยวโยงกับอดีตข้าราชการหรือบุตรได้แต่อย่างใด ชี้ชัดไม่ได้ว่าใครผิด จะต้องไปตรวจสอบข้อมูลในรายละเอียดของบริษัทนั้นก่อน

คดีส่อสะดุด-รอแก้ระเบียบ

แหล่งข่าวระบุ ยอมรับว่าการแสวงหา ข้อเท็จจริงในกรณีนี้เกิดความล่าช้าและต้องสะดุดลงเล็กน้อย เนื่องจากเมื่อพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 ที่ประกาศใช้แล้ว (ประกาศในราชกิจจาฯ 30 ธ.ค. 2559) กำหนดว่าการทำงานในชั้นของการแสวงหาข้อเท็จจริงอำนาจขึ้นอยู่กับคณะกรรมการป.ป.ช. แต่เดิมขึ้นอยู่กับเลขาป.ป.ช. ดังนั้นสำนักกฎหมายจึงต้องดำเนินการปรับปรุงระเบียบ ป.ป.ช.ให้สอดคล้องเสียก่อน ทราบว่าสำนักกฎหมายเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมกรรมการป.ป.ช.ในสัปดาห์หน้า จากนั้นสามารถเดินหน้าแสวงหาข้อเท็จจริงต่อไปได้ทันที อย่างไรก็ตามขอย้ำว่ากรณีนี้ยังอยู่ในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริงเท่านั้น ยังไม่ถึงชั้นของการตั้งอนุกรรมการไต่สวนแต่อย่างใด

มทภ. 3 ยันมีกก.ตรวจรับงาน

พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรพ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวกรณีป.ป.ช.ตรวจสอบเบื้องต้น หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น อาจเข้าข่ายไม่มีคุณสมบัติที่รับงานของรัฐว่า ตนยังไม่ทราบในรายละเอียดในเรื่องนี้ แต่ที่เห็นปัจจุบันนี้ก็เป็นตัวบริษัทเดิม ซึ่งรายละเอียดต่างๆ ไม่ยังไม่ทราบเพราะเพิ่งมารับตำแหน่งที่หลัง แต่ช่วงหลังบริษัทนี้ยังไม่เห็นรับงานอะไรต่อคงจะทำงานที่ประมูลมาให้แล้วเสร็จ ซึ่งงานที่ทำอยู่ขณะนี้ก็ไม่ได้สะดุดหรือหยุดชะงักอะไร ทางบริษัทก็ยังทำทำงานต่อ

“เราก็มีคณะกรรมการตรวจรับงานอยู่แล้ว ซึ่งทางบริษัทก็ได้จัดสร้างตามแบบและมาตรฐานที่กำหนดไว้ทุกขั้นตอนให้เป็นไปตามมาตรฐานทางการช่าง คณะกรรมการทุกคนมีการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่แล้วในเรื่องนี้” พล.ท.วิจักขฐ์กล่าว

ปชป.หนุนอสส.สอบสินบนข้ามชาติ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเชื่อมโยงทุกหน่วยงานเพื่อติดตามการให้สินบนข้ามชาติของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่มีรมว.ยุติธรรมเป็นเจ้าภาพ ว่า นับเป็นเรื่องดีที่รัฐบาลโดดลงมาบูรณาการการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เนื่องจากมีสินบนข้ามชาติถูกเปิดเผยจากต่างประเทศออกมาอยู่เรื่อยๆ ทั้งคดีสินบนโรลส์รอยซ์ คดีสินบนจัดซื้อสายไฟฟ้าเคเบิล คดีสินบนสุราข้ามชาติ คดีสินบนจัดซื้อกล้องวงจรปิด คดีสินบนยา และเครื่องมือแพทย์ เพราะนับตั้งแต่มีการเปิดเผยสินบนข้ามชาติออกมา หน่วยงานด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่างทำงานซ้ำซ้อน ต่างคนต่างทำ ไม่มีเอกภาพ

นายองอาจกล่าวว่า การที่รัฐบาลเข้ามาช่วยบูรณาการการทำงานของหน่วยงานต่างๆ จะช่วยทำให้การทำงานคดีสินบนข้ามชาติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นดังนี้ 1.ป้องกันปัญหาแต่ละองค์กรทำงานซ้ำซ้อนกัน 2.ช่วยให้เกิดการบูรณาการข้อมูล เพื่อนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 3.ร่วมกันหาวิธีการที่ดีที่สุด เพื่อให้แต่ละหน่วยงาน สามารถเปิดโปงผู้กระทำผิดคดีสินบนข้ามชาติในไทยได้

นายองอาจกล่าวว่า เห็นด้วยกับข้อเสนอของการประชุมเพื่อทำงานเชิงบูรณาการครั้งนี้ที่เห็นชอบให้สำนักงานอัยการสูงสุดใช้อำนาจหน้าที่ผ่านพ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา พ.ศ.2535 เพื่อประสานขอข้อมูลกับผู้ประสานงานกลางของสหรัฐอเมริกา และอังกฤษ เพื่อใช้เป็นข้อมูลสืบสวนคดีซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลที่เป็นทางการ ที่สามารถใช้ดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ทันที ในโอกาสที่มีการเปิดเผยคดีสินบน ข้ามชาติที่เกี่ยวพันกับส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจในไทยอย่างมากมายขณะนี้ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลทำงานเชิงรุกมากขึ้น นำประสบการณ์การทำงานของหน่วยงานต่างๆ มาหาวิธีการป้องกันปราบปรามการทุจริตภาครัฐและรัฐวิสาหกิจให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เรืองไกรย้ำแผล”อผศ.”ขุดลอกคลอง

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีผู้จัดการบริษัทเอกชนรายหนึ่งยื่นเรื่องร้องเรียนถึงพล.อ.ประยุทธ์ เมื่อต้นก.พ.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ได้รับเงินค่ารับงานจากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก(อผศ.) หลังจากส่งมอบงานเรียบร้อยแล้ว ว่า ตัวแทนเอกชนรายดังกล่าวได้นำพยานหลักฐานมาให้ตรวจสอบอีกเมื่อตรวจสอบและซักถามทราบว่ากรณีดังกล่าวเป็นตัวอย่างหนึ่งที่มีการกระทำในลักษณะทุจริตเงินแผ่นดินที่ชัดเจน คือหลังปฏิวัติไม่กี่วัน คสช.อนุมัติสิทธิพิเศษให้อผศ.รับสิทธิรับงานขุดลอกคูคลองได้โดยวิธีกรณีพิเศษ แต่มีเงื่อนไขบังคับให้ อผศ.ต้องทำงานเอง ห้ามจ้างช่วงต่อ แต่กรณีร้องเรียนที่พบ อผศ.รับงานมาจากกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.)ขุดลอกกุดชีเฒ่า และกุดเชียงสา จ.ร้อยเอ็ด กลับไปจ้างช่วงให้เอกชนรับงานต่อ

นายเรืองไกรกล่าวว่า เมื่อเอกชนทำงานจนแล้วเสร็จโดยวางหนังสือค้ำประกัน และถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 1 เปอร์เซ็นต์จากเงินบางส่วนที่ได้รับแล้ว แต่อผศ.ยังไม่จ่ายเงินส่วนที่เหลือ ทำให้เอกชนถูกประเมินภาษีและถูกธนาคารฟ้องร้องได้รับความเดือดร้อน ซึ่งหลักฐานที่ได้ตรวจสอบทำให้เห็นว่าอผศ.ทำบันทึกข้อตกลงในลักษณะแบบนิติกรรมอำพราง คือ มีการจ้างช่วงงานให้เอกชนรับขุดลอกคูคลอง โดยมีเงื่อนไขการตรวจรับงานก่อนจ่ายเงิน เข้าลักษณะการจ้างทำของที่มุ่งผลสำเร็จของงานและเลี่ยงไปทำนิติกรรมเป็นสัญญาเช่าทรัพย์ ขณะที่เอกชนผู้ให้เช่าทรัพย์ต้องทำงานตามแบบรูปที่เจ้าหน้าที่ปภ.กำหนด แสดงให้เห็นว่าอผศ.และ ปภ.รับรู้ว่างานดังกล่าวเป็นการจ้างช่วงไม่ใช่การเช่า แต่ยังไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มีหลักฐานใบกำกับภาษี

นายเรืองไกรกล่าวว่า หลักฐานสำเนาบันทึกข้อตกลง ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษีและใบหักภาษี ณ ที่จ่าย และเมื่อพิจารณาจากเลขที่สัญญา เลขที่ใบหักภาษี ณ ที่จ่าย เห็นว่าเอกชนรายดังกล่าวไม่ใช่รายเดียวที่รับงานช่วงจาก อผศ.แต่ยังมีงานอื่นที่ทำในลักษณะเดียวกันอีกมาก สามารถตรวจสอบได้จากสำเนาทะเบียนสัญญา หรือสำเนาใบหักภาษี ณ ที่จ่าย รวมไปถึงสำเนารายงานภาษีซื้อ-ภาษีขายตามระบบภาษีมูลค่าเพิ่มของ อผศ.

นายเรืองไกรกล่าวว่า รายการขุดลอกกุดชีเฒ่าที่จ้างช่วงในราคา 16,098,800 บาท และรายการขุดลอกกุดเชียงสาที่จ้างช่วงในราคา 14,278,600 บาท ไปเปรียบเทียบกับรายงานงบกลางปี 2558 จะพบว่าทั้งสองโครงการเป็นส่วนหนึ่งจากงบกลางตามแผนยุทธศาสตร์น้ำทั้งหมด 1,838 รายการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 16,278,000,000 บาท โดยเป็นส่วนของปภ.เป็นผู้จ้าง จำนวน 1,457 รายการ จำนวนเงิน 5,213,027,500 บาท ซึ่งงานขุดลอกกุดเวียงสาอยู่ในรายการที่ 868 วงเงินงบประมาณ 16,000,000 บาท และงานขุดลอกกุดชีเฒ่าอยู่ในรายการที่ 972 วงเงินงบประมาณ 18,650,000 บาท

14 กพ.ยื่นร้องสตง.ตรวจสอบ

นายเรืองไกรกล่าวว่า ทำให้เห็นกระบวนการตั้งเรื่องงบประมาณ หน่วยงานเจ้าของโครงการ หน่วยงานที่ได้รับสิทธิพิเศษ รับรู้กันมาก่อนแล้ว เมื่อจัดสรรแบ่งวงเงินงบประมาณเสร็จจึงนำงานไปจ้างช่วงโดยทำเป็นสัญญาเช่าที่สูงกว่าราคาที่ควรจะเป็นอีกทอดหนึ่ง ซึ่งในกรณีที่พบทั้ง 2 โครงการ เกิดความแตกเมื่องานเสร็จแล้วไม่มีการจ่ายเงินให้เอกชนจนมาถูกร้องเรียน และมีข้อมูลที่ฟังมาว่ามีการยกเลิกสัญญาไปแล้ว และมีบุคคลอื่นมารับเงินที่เหลือไป ซึ่งเป็นลักษณะที่เคยเป็นข่าวเกี่ยวกับมีการจ่ายหัวคิวให้คนกลาง เช่น คุณนาย อ. มาก่อนแล้ว

นายเรืองไกรกล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้นจริงเท่ากับเป็นกระบวนการทุจริตที่ชัดเจนมาก ตนจะเดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในวันที่ 14 ก.พ.เวลา 09.30 น. เพื่อตรวจสอบขยายผลตามแนวทางของพยานหลักฐานที่พบมาโดยเร็ว การทุจริตนี้เกิดขึ้นในไทย เมื่อมีหลักฐานที่ชัดเจนและสามารถตรวจสอบได้ง่ายกว่ากรณีการบินไทย และเข้าข่ายการกระทำเป็นกระบวนการแบบไม่เกรงกลัวกฎหมายเพราะถือว่าไม่มีใครกล้าตรวจสอบ จึงหวังว่าสตง.จะทำงานตามอำนาจหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาได้ดีกว่าหน่วยงานอื่น

ถกพรี-เวิร์กช็อปบิ๊กขรก. 17 กพ.

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) กล่าวกรณีนายกฯ สั่งการให้จัดอบรมหลักสูตรระยะสั้นสำหรับข้าราชการระดับปลัดกระทรวง อธิบดีกรม และหลักสูตรการเตรียมข้าราชการเพื่อสร้างวิสัยทัศน์ตามการทำงานเพื่อให้เข้าใจกลไกการทำงานของ ป.ย.ป.ว่า ในวันที่ 17 ก.พ.นี้ เวลา 09.00- 12.00 น. จะจัดประชุมป.ย.ป.เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการอบรมดังกล่าว หรือพรี- เวิร์กช็อป สำหรับกลุ่มปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการและอธิบดี ตนจะเข้าร่วม ประชุมด้วย

นายสุวิทย์กล่าวว่า ส่วนการอบรมหลักสูตรระยะสั้นตามที่นายกฯ มอบหมายนั้นเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการ แบ่งการอบรมเป็น 3 กลุ่ม 1.กลุ่มปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการและเทียบเท่า 2.กลุ่มผู้ว่าราชการจังหวัด และ3.กลุ่มข้าราชการระดับอธิบดี ใช้เวลาอบรมกลุ่มละ 5 วัน เริ่มมี.ค.นี้ โดยแต่ละกลุ่มจะแยกกัน เนื้อหาการอบรมจะเป็นเรื่องเชิงยุทธศาสตร์และการปรับเปลี่ยนมุมมองภาพการทำงานร่วมกันในลักษณะของยุทธศาสตร์หรือการลงพื้นที่ ตามที่รัฐบาลเน้นเรื่องยุทธศาสตร์ภาค ยุทธศาสตร์กลุ่มจังหวัด และยุทธศาสตร์รายจังหวัด ซึ่งทุกกระทรวงจะมาทำโจทย์ร่วมกัน และต้องปรับเปลี่ยน ต้องปฏิรูปตัวเอง และบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวง ภาคเอกชนและ ภาคประชาสังคม ในนามประชารัฐ เพื่อทำยุทธศาสตร์กระทรวงให้มาช่วยงานยุทธศาสตร์ชาติ

3 มี.ค.ประชุมกก.เตรียมปฏิรูป

นายสุวิทย์กล่าวความคืบหน้าการประชุมของคณะกรรมการเตรียมการปฏิรูปประเทศ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน และมีพล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร กับพล.ร.อ. ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธาน จะจัดประชุมในวันที่ 3 มี.ค.นี้ เพื่อเริ่มขับเคลื่อนงานส่วนนี้อย่างเป็นทางการ โดย 2 สัปดาห์ก่อนถึงวันประชุม สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ที่เกี่ยวข้องในแต่ละเรื่องของการปฏิรูป ในฐานะกรรมการของคณะทำงานชุดดังกล่าว จะหารือกับรองนายกรัฐมนตรีแต่ละคน ที่รับผิดชอบดูแลงานด้านนั้นๆ เพื่อนำข้อมูลมา เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมต่อไป

ประชุมโต๊ะกลม-อบรมบิ๊กขรก.

นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.)กล่าวกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการให้จัดอบรมหลักสูตรระยะสั้นสำหรับข้าราชการระดับปลัดกระทรวง อธิบดีกรม และหลักสูตรการเตรียมข้าราชการเพื่อสร้างวิสัยทัศน์ ซึ่งจะอบรมข้าราชการระดับรองปลัดกระทรวงและรองอธิบดี เพื่อจะได้เข้าใจกลไกการขับเคลื่อนของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) เพื่อสามารถถ่ายทอดให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าใจ ว่า การจัดอบรมดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ดีเพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงานของราชการที่จะขับเคลื่อนงานในอนาคตต่อไป เชื่อว่าหัวหน้าส่วนราชการมีความพร้อมที่จะมาทำความเข้าใจในการทำงานร่วมกัน ที่ผ่านมาภาครัฐอาจไม่ได้อยู่ในกรอบการทำงานที่ควรจะดำเนินการ นายกฯ จึงอยากให้ส่วนราชการได้ทำงาน ตามหน้าที่ที่กฎหมายได้กำหนดอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและถ่ายทอดนโยบายให้บุคลากรในหน่วยงานได้เข้าใจทิศทางการขับเคลื่อนงานของรัฐบาลได้ชัดเจนขึ้น ส่วนรูปแบบของหลักสูตรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับไปดำเนินการคิดว่าจะเป็นไปในลักษณะนั่งโต๊ะกลมมาพูดคุยประชุมเชิงปฏิบัติการของแต่ละส่วนเพื่อรับฟังและแลกเปลี่ยน ความคิดเห็นของแต่ละหน่วยงานคงไม่ใช่การไปนั่งอบรมเป็นเดือนๆ หรือใช้เวลานานเหมือนที่ผ่านมา

อนุสปท.เร่งสรุปปรองดอง

พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ เลขาอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษา รวบรวมความเห็น วิเคราะห์และสังเคราะห์ประเด็นการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและการสร้างความปรองดองทางการเมือง ของกมธ.การเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึง ความคืบหน้าการทำงาน ว่า ประชุมไปแล้ว 2 ครั้ง ที่ผ่านมาเชิญ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผบ.ทบ. และนายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า มาให้ข้อมูล โดยการประชุมครั้งถัดไปจะเชิญนายดิเรก ถึงฝั่ง อดีตส.ว.นนทบุรี ที่เคยผลักดันแนวทางการสร้างความปรองดองเมื่อครั้งเป็นวุฒิสมาชิกมาชี้แจง จากนั้นอนุกมธ.ก็จะประชุมพิจารณานำความเห็นของผู้มาชี้แจง และรายงานผลการศึกษาที่เกี่ยวข้อง เช่น ของ คอป.ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน รวมถึงรายงานผลการศึกษาของนายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตสปช. มาสรุปจัดทำเป็นข้อเสนอแนะสำหรับการสร้างความปรองดองในสังคมไทย ภายในสิ้นเดือนก.พ.นี้ ก่อนส่งให้กมธ.การเมือง ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธาน พิจารณาอีกครั้ง เพื่อส่งตรงไปยังป.ย.ป. ทันที ไม่ต้องผ่านการขอความเห็นชอบจากสปท. เนื่องจากเวลามีค่อนข้างจำกัด

ศปป.ขยายเครือข่ายปรองดอง

ที่โรงแรมราชศุภมิตร R.S. จ.กาญจนบุรี พล.ท.ณัฐ อินทรเจริญ รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปรองดองสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูป (ศปป.) เป็นประธานพิธีปิดกิจกรรมสร้างพัฒนาบุคลากรอาสาสมัครรักประเทศไทยด้วยทุนทางปัญญาไทย รุ่นที่ 3 พื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 เพื่อตอบสนองนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดแก่สังคมอย่างยั่งยืน โดยมีผู้แทนจากส่วนราชการในพื้นที่ ครูกำกับนักศึกษาวิชาทหาร ตัวแทนนักศึกษาวิชาทหาร สัสดีจังหวัด เข้าร่วมอบรม

พล.ท.ณัฐกล่าวตอนหนึ่งว่า นอกจากอาสาสมัครดังกล่าวแล้ว การขยายเครือข่ายยังใช้สื่อสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ในขณะที่ผู้เข้ารับการอบรมจะมีการขยายเครือข่ายทางกายภาพเช่นกัน ขณะนี้ยังไม่เจอปัญหาที่จะกลายเป็นจุดบอดและขัดขวางการสร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ ซึ่งในระดับพื้นที่มีความสงบ ไม่มีปัญหาอะไร ตลอดจนถึงความร่วมมือของนักการเมืองในทุกๆ พื้นที่ให้การตอบรับเป็นอย่างดี แม้จะมีบางคนบางส่วนที่เป็นคนกลุ่มน้อยยังคอยสร้างความวุ่นวายความสับสนให้เกิดขึ้น ก็อยากขอร้องให้หันหน้ามาร่วมมือกัน ขณะนี้ก็มีความสงบดีเพียงแต่เราจะทำให้เกิดความยั่งยืนก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง

พท.อัดรัฐบาลขึ้นภาษีทำถังแตก

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการปรับขึ้นภาษีของรัฐบาลว่า การเก็บทั้งภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินภายในประเทศ ภาษีน้ำตาล ภาษีที่ดิน เกิดจากรัฐบาลใช้งบประมาณจำนวนมากในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดี เมื่อรัฐบาลหาเงินไม่ได้จึงขึ้นภาษีในทุกทาง เพื่อนำเงินมาแก้ปัญหาที่รัฐบาลไม่สามารถหาเงินได้ แต่รัฐบาลอาจเข้าใจกลับกันเพราะในภาวะที่เศรษฐกิจแย่รัฐบาลต้องหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีในทุกด้านหรือต้องลดภาษีด้วยซ้ำเพื่อให้เศรษฐกิจเดินต่อไปได้

นายพิชัยกล่าวว่า การขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันรัฐบาลอาจเข้าใจผิดคิดว่าเครื่องบินเป็นสิ่งฟุ่มเฟือย ทั้งที่สายการบินโลว์คอสมีราคาถูกใกล้เคียงกับรถบัสและรถไฟ ทำให้มีคนมาใช้บริการมากขึ้น การขึ้นภาษีจึงกระทบเป็นวงกว้างเพราะประเทศไทยโครงสร้างพื้นฐานยังไม่ดี ยังไม่มีรถไฟฟ้าความเร็วสูง รถไฟรางคู่ที่จะมาทดแทนเครื่องบิน ส่วนการเก็บภาษีน้ำตาลที่รัฐบาลอ้างว่าเพื่ออยากให้ประชาชนลดการบริโภคน้ำตาลเพื่อให้มีสุขภาพดีแต่ควรเป็นหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ แถมรัฐจะต้องเก็บภาษีอื่นๆ ที่จะทำให้ประชาชนสุขภาพไม่ดีด้วยหรือไม่ ขณะที่การเก็บภาษีที่ดินที่ราคาเพิ่มขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าและสถานีรถไฟฟ้า เป็นเรื่องยากที่จะคำนวณว่าบริเวณไหนมีราคาเพิ่มขึ้นและจะเก็บให้เกิดความยุติธรรมได้อย่างไร

นายพิชัยกล่าวว่า การเก็บภาษีเพิ่มหลายอย่างทำให้ดูเหมือนว่ารัฐบาลกำลังถังแตกและสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนที่ถังแตกอยู่แล้ว และหากประชาชนถังแตกกันมากหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของภาคธนาคาร โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีที่เจ๊งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และหนี้เสียจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปรัฐบาลคงจะถังแตกจริงๆ เพราะประชาชนจะไม่สามารถจ่ายภาษีได้ รัฐก็ไม่มีรายได้ คราวนี้คงได้ถังแตกกันจริงๆ

ยกเคสคืนหนี้ไอเอ็มเอฟบลัฟรบ.

นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุ ว่า ก.พ.2544 นายทักษิณ ชินวัตร ชนะเลือกตั้งเป็นนายกฯ โดยก่อนหน้านั้นประเทศไทยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง เหลือภาระหนี้อีก 500,000 ล้านบาท รัฐบาลต้องดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากวิกฤตทำให้รายได้ประชาชาติถดถอย งบประมาณจึงถูกนำมาใช้เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนมากกว่าสร้างความเข้มแข็งให้รัฐบาล ก.ค.2546 รัฐบาลคืนหนี้ที่เหลือ 500,000 ล้านบาท หรือ 98 เปอร์เซ็นต์ให้กับไอเอ็มเอฟก่อนกำหนด

นายวัฒนาระบุว่า พ.ค.2557 คสช.เข้าบริหารประเทศมีอำนาจเบ็ดเสร็จและไม่มีฝ่ายค้าน จัดทำงบประมาณแบบขาดดุลตั้งแต่แรก จนกระทั่งปี 2560 ต้องกู้เงินเพื่อการขาดดุลสูงถึง 5.5 แสนล้านบาท ใช้เงินคงคลังจาก 500,000 ล้านบาทเหลือเพียง 75,000 ล้านบาท ผลที่ออกมาคือเศรษฐกิจแย่ประชาชนทุกข์ยาก แต่รัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างความเข้มแข็งให้ตัวเองมากกว่าความอยู่ดีของประชาชน เช่น ละเมิดสิทธิมนุษยชน อนุมัติวันเวลาทวีคูณและสองขั้นให้พรรคพวก หรือจัดซื้อเรือดำน้ำ แล้วเลือกขึ้นภาษีผลักภาระให้ประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน