‘ผศ.ดร.พิชญ์’ เผย ‘กสทช.’ เดินเกมผิดสั่งจอดำ ลั่น! 15 วันต่อจากนี้ จัดรายการมันกว่าเดิม
จัดรายการมันกว่าเดิม – วันที่ 13 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผศ.ดร.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์ภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นักวิชาการ และนักจัดรายการโทรทัศน์ เปิดเผยหลัง กสทช. สั่งวอยซ์ ทีวีงดออกอากาศ 15 วันว่า
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
ในฐานะหนึ่งในผู้จัดรายการในช่องทีวีที่ถูกปิดสิบห้าวัน ขอย้ำว่า ตั้งแต่พรุ่งนี้ทีวีช่องนี้จะย้ายไปอยู่ในเฟซบุ๊กไลฟ์ ทั้งช่องทั้งวัน อย่างน้อยสิบห้าวัน และจะสนุกกว่าเดิม เพราะผู้ชมจะช่วยจัดรายการด้วยตลอดรายการ เนื่องจาก เดิมเราเป็นช่องเดียวที่โดนเซ็น เอ็มโอยู ห้ามอ่านความเห็นผู้ชมออกอากาศ และหนักเข้าไปอีก แค่อ่านพวก กูเกิ้ลเทรนก็ไม่ได้ อ่านคำที่เจอใน social listening ก็ไม่ได้ ทีนี้หล่ะครับสองชั่วโมงเต็มของรายการเราสามารถอ่านได้
ระบบการทำงาน กสทช. นั้น เขาเหมือนผู้ตัดสิน เขาไม่ได้เล่นเอง เขาเริ่มกระบวนการตัดสินตามที่มีคนร้อง ต้องถามครับว่าเวลามีการร้องนั้นใครร้อง ร้องบ่อยขนาดนั้น ร้องเป็นระบบ ติดตามร้องกันทั้งวันทั้งคืน จากนั้นเขาจะเรียกเราไปซักถามชี้แจง ก่อนจะตัดสิน
การตัดสินอยู่ที่ กสทช. แน่นอน เขาจะรับแรงกดดันอย่างไร เขาจะบอกเราได้มากน้อยแค่ไหน เขามีหลักวิชาอะไร อันนี้เราไม่ก้าวล่วง ต้องให้เกียรติกับคำตัดสินของเขา เขาไม่ได้เล่นเราตลอดเวลาหรือทุกกรณี เราเองมีช่องทางร้องขอความเป็นธรรมต่างๆ ก็ต้องว่ากันไป เราต้องสู้ในระบบ
เราไม่ได้สู้กับกสทช. เราสู้กับหลักการ สู้กับความจริง เราต้องชี้แจงหลักการและความจริงให้กสทช. และองค์กรยุติธรรมอื่นๆรับรู้ ที่สำคัญก็คือ ประชาชนจะต้องรับรู้ ทั้งคนที่ชอบเรา และไม่ชอบเรา
ในทุกๆ วัน ความเห็นที่เข้ามาในรายการมีทั้งที่เห็นด้วย เห็นต่าง หรือไม่พอใจ แต่เราก็สนุกกับทุกความเห็น อย่างน้อยคนไม่ชอบเราเขาก็ดูเรา ส่วนคนที่ชอบเรา ดูเราก็ช่วยให้ข้อมูลอีกหลายอย่าง ขอบคุณทุกคนครับ จากนี้สิบห้าวันจะเป็นการจัดรายการที่ท้าทาย เพราะพิธีกรจะไม่ได้มีสามหรือสี่คน แต่จะมีเป็นพันๆ คน เป็นหมื่นๆ คน นี่คือสิ่งที่พวกเขายังไม่เคยเจอ
อีกเรื่องหนึ่ง ผมเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ผมเห็นว่า เวลาที่อำนาจเขาจัดการกับเรา มันไม่ได้แปลว่าเขากลัวเรา แต่อาจหมายความได้ว่าเขารู้สึกว่าเขาทำได้ เพราะถ้าเขากลัวเราจริงเขาคงจัดเราหนักกว่านี้ครับ หรือเขาจะไม่กล้าทำอะไรเรา ขอโทษที่มองโลกในแง่ร้ายนะครับ แต่การมองโลกในแง่ร้ายทำให้เรามีสติและทำงานหนักขึ้น อย่าปลอบใจตัวเองบ่อยนัก เพราะเราจะไม่เรียนรู้อะไรมากนัก
