บิดข้อมือกับกุญแจ-หิ้วสงรพ. เร่งพิสูจน์หาตัวเหยื่อถูกหั่น คุม 3ฝรั่งฝากขัง-แจ้ง5ข้อหา

แฉศพฝรั่งถูกหั่นแช่ตู้เย็นนานนับปี เผย “ปีเตอร์” หัวหน้าแก๊ง พยายามฆ่าตัวตาย โดยบิดข้อมือตัวเองจนเป็นแผล ต้องหิ้วส่งโรงพยาบาล “ศานิตย์” ระบุสงสัย “ปีเตอร์” จะเป็นคนฆาตกรรมหั่นศพแช่ตู้เย็น แต่ยังพูดไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ชี้ตู้แช่ถูกย้ายมาจากซอยเอกมัย 12 และสั่งห้ามแม่บ้านยุ่งกับตู้เย็น พร้อมส่งศพตรวจเอกลักษณ์บุคคล ผู้การท่องเที่ยวระบุแก๊งดังกล่าวทำพาสปอร์ตปลอมข้ามชาติรายใหญ่ อยู่ไทยมา 8-9 ปี ใช้ทั้งพาสปอร์ตปลอมและจริงเดินทาง

จากกรณีตำรวจท่องเที่ยวบุกเข้าจับกุมแก๊งชาวต่างชาติปลอมพาสปอร์ต ที่อาคารพาณิชย์เลขที่ 18/1 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. ระหว่างจับกุมหนึ่งในแก๊งได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่ตำรวจจนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไว้ได้ทั้งสิ้น 3 คน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบตู้เย็นขนาดใหญ่ บริเวณชั้นที่ 1 ของอาคารก็พบว่าภายในมีศพชายต่างชาติถูกหั่นแยกเป็น 6 ชิ้น แช่แข็งอยู่ในตู้เย็น ขณะที่กลุ่มผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ อ้างมีเพื่อนเอามาฝากไว้ ขณะที่ตำรวจเร่งสืบสวนขยายผล ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 ก.ย. ที่ บช.น. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เปิดเผยว่า ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ แต่ได้ให้ชุดสืบสวนเร่งตรวจสอบประเด็นที่อาจจะเชื่อมโยงกัน จากข้อมูลสันนิษฐานว่านายปีเตอร์ วิลเลียม จอห์นสัน อายุ 63 ปี สัญชาติอเมริกัน เป็นผู้ใช้อาวุธยิงตำรวจน่าจะเป็นผู้ลงมือฆาตกรรมศพที่ถูกแช่แข็ง แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถพูดได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 2 คน คือ นายอารอน โทมัส กาเบล อายุ 33 ปี และนายเจมส์ ดักกลาส อีเกอร์ อายุ 66 ปี สัญชาติอเมริกัน ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม แต่ร่วมขบวนการปลอมพาสปอร์ต โดยจะประชุมความคืบหน้าในวันที่ 25 ก.ย. เวลา 10.00 น. ที่สน.พระโขนง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจได้สอบปากคำนายปีเตอร์ถึงเรื่องศพที่ถูกหั่นแต่ก็ได้รับการปฏิเสธ บอกเพียงแต่ว่าตู้เย็นดังกล่าวเป็นของบุคคลอื่นเท่านั้น ส่วนศพนั้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน กำลังตรวจสอบเอกลักษณ์บุคคลจากหลักฐานศพ เช่น ฟัน กะโหลกศีรษะ การพิมพ์มือ ดีเอ็นเอ รอยสัก ส่วนตู้เย็นพบถูกย้ายมาจากอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในซอยเอกมัย 12

ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. ที่ บก.น.5 พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.5 เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้นำตัวนายปีเตอร์ไปรักษาตัวที่ ร.พ.ตำรวจ เนื่องจากระหว่างสอบปากคำ นายปีเตอร์พยายามฆ่าตัวตาย โดยใช้วิธีการบิดข้อมือตัวจนเกิดบาดแผล และทราบว่านาย ปีเตอร์เป็นนักเคมีอยู่ที่อเมริกา แต่เดินทางมาทำธุรกิจที่ประเทศมาเลเซีย และได้ภรรยาเป็นคนมาเลเซีย แต่มีปัญหาฟ้องร้องกัน จึงเดินทางมาประเทศไทย ก่อนที่จะรู้จักผู้ต้องหาอีก 2 คน จึงขอให้มาร่วมทำธุรกิจขายแบตเตอรี่ ส่วนศพยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด และนายปีเตอร์พูดอย่างเดียวว่า ตู้ดังกล่าวเป็นของเพื่อนที่ตายไป แต่ไม่สามารถบอกรายละเอียดได้ สำหรับอาวุธปืนที่ใช้ยิงตำรวจนั้น ตั้งใจจะฆ่าตัวตายแต่ตำรวจเข้ามาแย่งปืนทำให้ลั่นใส่ แต่ทางตำรวจยืนยันว่านายปีเตอร์ใช้อาวุธปืนเล็งมาที่ตนเอง ขณะที่ได้ส่งหลักฐานส่งไปสหรัฐอเมริกาตรวจสอบ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์

ที่สน.พระโขนง พ.ต.อ.ชนิน วชิรปาณีกูล ผกก.สน.พระโขนง เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายกาเบล และนายอีเกอร์ ไปขออำนาจฝากขังที่ศาลจังหวัดพระโขนง ส่วนนาย ปีเตอร์ได้ทำเรื่องฝากขังด้วย แต่ขณะนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ที่ร.พ.ตำรวจ ในส่วนของสามีภรรยาชาวเมียนมานั้นได้กันตัวไว้เป็นพยาน เนื่องจากรู้ข้อมูลความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ผู้ต้องหา ส่วนการแจ้งข้อหานั้นเบื้องต้นแจ้งจำนวน 5 ข้อหา คือ “พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน, ซ่อนเร้นหรืออำพรางศพ, ขัดขวางการจับกุมเจ้าหน้าที่, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1-2 และ 5 ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย ความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อหาเกี่ยวกับคดีความมั่นคง หลังจากนี้หากมีหลักฐานเข้าข่ายความผิดใดเพิ่มเติม ก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มต่อไป

ขณะที่พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ทท.กล่าวว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำผู้ต้องหาจนทราบว่า นายปีเตอร์เป็นหัวหน้าแก๊ง โดยแก๊งนี้เป็นแก๊งปลอม พาสปอร์ตข้ามชาติรายใหญ่ ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทยนาน 8-9 ปี มีการเดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง ด้วยหนังสือเดินทางจริงและปลอม ขณะที่ฐานลูกค้าที่สั่งทำพาสปอร์ตอยู่ระหว่างตรวจสอบ นอกจากนี้ตำรวจชุดสืบสวนได้แกะรอยการใช้โทรศัพท์มือถือ ว่าได้มีการโทร.ไปยังจุดใดบ้าง และเมื่อคืนที่ผ่านมาเวลา 02.00 น. ตำรวจได้ลงตรวจค้นบ้านพักกลุ่มผู้ต้องหา 2 จุด ที่ย่านอ่อนนุช แต่ยังไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ

ต่อมาพล.ต.ท.ศานิตย์เดินทางมาร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าที่ สน.พระโขนง พร้อมกล่าวว่า สำหรับศพชายชาวต่างชาติได้แจ้งไปยังศูนย์ข้อมูลคนหาย รวมทั้งให้ตรวจสอบตู้แช่แข็งและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ว่าซื้อมาจากที่ไหน การสอบสวนได้แยกออกเป็น 2 คดี คดีฆ่าอำพรางศพ และคดีปลอมแปลงเอกสาร โดยคดีฆ่าอำพรางศพนั้นแม่บ้านชาวเมียนมาให้การว่า ได้เคลื่อนย้ายตู้แช่แข็งมาจากที่พักในซอยปรีดีพนมยงค์ 37 เมื่อ 4 เดือนที่แล้ว และผู้ต้องหาสั่งไม่ให้ยุ่งกับตู้แช่ ส่วนคดีปลอมแปลงเอกสารนั้นได้ตรวจค้นในห้องเกิดเหตุพบอุปกรณ์ สารเคมี และยาเสพติดต่างๆ จำนวนมาก นอกจากนี้ในกรณีพาสปอร์ตอยู่ระหว่างประสานเจ้าหน้าที่สถานทูตทั้งประเทศอเมริกา และประเทศอังกฤษ เพื่อช่วยตรวจสอบฐานข้อมูลของกลุ่มผู้ต้องหา เนื่องจากยังไม่ชัดเจนและกลัวพาดพิงประเทศอื่น

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ทราบว่านายอีเกอร์เคยทำบริษัทน้ำมันที่อเมริกา แต่มาได้ภรรยาเป็นคนไทย มีลูกสาว อายุ 17 ปี ส่วนภรรยาคนไทย ได้เลิกกันแล้ว ส่วนนายกาเบลเคยทำงานบริษัทที่เมืองนอก มีภรรยาเป็นนักศึกษาที่ย่านหัวหมาก เชื่อได้ว่าน่าจะมาทำพาสปอร์ตปลอม โดยให้นายปีเตอร์ ซึ่งเป็นนักเคมีช่วยทำการลบข้อมูลจากพาสปอร์ตดังกล่าว

ส่วนอาคารพาณิชย์ที่เกิดเหตุพบว่า กลุ่ม ผู้ต้องหาได้มาอาศัยอยู่ประมาณ 4 เดือน ส่วนตู้เย็นพบว่าอยู่ภายในซอยเอกมัย 12 เชื่อว่าน่าจะอยู่ได้ประมาณ 8 ปี และเพิ่งขนย้ายมาพร้อมกับกลุ่มผู้ต้องหา โดยทั้งหมดให้การว่าตู้แช่มีคนฝากไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ แต่ทราบว่านายปีเตอร์ให้ช่วยขนย้ายบ้านมาจากซอยเอกมัย 12 ซึ่งภรรยาของหนึ่งใน ผู้ต้องหา ก็ถามว่าเอามาทำไม พอเปิดบริษัทแบตเตอรี่ก็ถามว่าทำไมไม่เห็นได้เงินอะไรเลย จึงคาดว่าน่าจะเปิดบริษัทบังหน้าไว้เพื่อทำพาสปอร์ตปลอม ส่วนตู้เย็นก็ถูกเสียบปลั๊กไว้ พอภรรยาผู้ต้องหามาทำความสะอาดก็ได้กลิ่นเหม็น เชื่อได้ว่าศพดังกล่าวถูกแช่มานานแล้วหลายปี

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์จุดเกิดเหตุอีกครั้ง พบกุญแจตู้แช่ศพ ในห้องนอนของนายปีเตอร์ บริเวณชั้น 5 จึงได้รวบรวมไว้เป็นพยานหลักฐาน ด้านน.ส.เอ (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน กล่าวว่า พบเห็นชาวต่างชาติเข้าออกอาคารพาณิชย์แห่งนี้ตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมาสังเกตเห็นว่าบริเวณชั้น 4 เปิดไฟตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนตู้แช่ขนาดใหญ่ ไม่ทราบว่าเคลื่อนย้ายมาตั้งแต่เมื่อไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน