ยึดตึกดาวดึงส์ อุปกรณ์แพทย์ ธรรมกายแจง เตียง-ไม่ตบตา ลดกองร้อยปจ.

ดีเอสไอลุยค้นวัดพระธรรมกายวันที่สองไร้เงาพระธัมมชโย พร้อมสั่งอายัดกุฏิดาวดึงส์ห้ามคนเข้าออก-เคลื่อนย้ายสิ่งของ เตรียมประสานแพทย์ตรวจไฮเปอร์แบริคอุปกรณ์แพทย์ที่ใช้รักษาอาการอาพาธ เผยใช้กำลัง 16 ชุดบุกเข้าไปควานหา รวมทั้งจานบินอาคารมหาธรรมกายเจดีย์ชี้เป็น อาคารตัน บรรจุพระพุทธรูปไว้ภายในหลาย แสนองค์ เชื่อไม่มีสิ่งมีชีวิตภายในนั้นแน่ จากนั้นพาสำรวจอุโมงค์รูปตัวยูความยาว 3 กิโลเมตร เข้า-ออกได้เฉพาะภายในเท่านั้น ด้านวัดพระธรรมกายยอมรับเตียงที่ปรากฏตามสื่อเป็นห้องที่พระธัมมชโยพักรักษาตัวจริง แต่ที่คลุมไว้เนื่องจากไม่ให้ฝุ่นจับ ยืนยันไม่รู้พระอาจารย์ไปไหน เพราะไม่ได้เจอกันมาตั้งแต่พ.ค.ปีที่แล้ว

เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 17 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าถนนบางขัน-หนองเสือ หน้าโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 69 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี มีเจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ตั้งด่านตรวจรถที่จะวิ่งผ่านเส้นทางดังกล่าวเพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อน ด้านถนนเลียบคลองสองฝั่งทิศตะวันออก มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ดีเอสไอมาตั้งด่านเพื่อไม่ให้ประชาชนวิ่งผ่านเส้นทางนี้เพราะทางนี้ยังเป็นถนนเลียบกำแพงวัดพระธรรมกายที่จะไปทางประตู 8 แต่จะให้เพียงเจ้าหน้าที่ผ่านไปได้เท่านั้น โดยประชาชนให้ไปใช้เส้นทางเลียบคลองสองฝั่งทิศตะวันตกแทน

ด้านประตู 7 ของวัดพระธรรมกายประตูทั้งสองด้านถูกปิดแล้ว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนกับเจ้าหน้าที่ทหารคอยตั้งด่านตรวจรถเพื่อไม่ให้มีการเข้า-ออก ส่วนประตู 5 และประตู 6 ถนนเลียบคลองแอน 2-3 มีลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกายมาตั้งเต็นท์นอนกันอยู่บนถนน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนคอยสับเปลี่ยนกำลังกันมานั่งเฝ้าเพื่อไม่ให้ประชาชนและลูกศิษย์วัดพระธรรมกายเข้า-ออกประตูทั้งสองประตูนี้โดยเด็ดขาด

สำหรับฝั่งถนนเลียบคลองสามที่จะไปประตู 4 และประตู 1 เจ้าหน้าที่ทหารได้มาตั้งด่านและไม่ให้รถที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องผ่านประตูนี้โดยเด็ดขาดเช่นกัน โดยให้ใช้เส้นทางอื่นเพื่อป้องกันเหตุ ซึ่งผู้สื่อข่าวสังเกตโดยรอบวัดพระธรรมกายพบว่าถนนทุกเส้นทางมีการตั้งด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเพื่อป้องกันเหตุและบุคคลที่สาม

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผบ.สำนักคดีพิเศษภาค และพ.ต.ท.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันประชุมแผนปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ในคดีพิเศษที่ 27/2559 เพื่อจับกุมพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ในคดีสหกรณ์ เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ซึ่งเป็นการตรวจค้นครั้งที่ 2 หลังมีประกาศหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 5/2560 เรื่องมาตรการการใช้อำนาจกำหนดพื้นที่ควบคุมเพื่อประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย

สำหรับการเข้าตรวจค้นในวันนี้วัดพระธรรมกายอนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปร่วมสังเกตการณ์พร้อมกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจด้วย โดยแผนการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้แบ่งพื้นที่เป็น 2 โซน คือ โซนบี พื้นที่ 130 ไร่ และโซนซี พื้นที่ 2,000 ไร่ โดยในพื้นที่โซนบีได้แบ่งเจ้าหน้าที่ออกเป็น 4 ชุด คือ บี 1 เป็นอาคารหอฉันคุณยายอาจารย์, บี 2 อาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์, บี 3 อาคารที่พักสงฆ์ และบี 4 อาคารอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ส่วนพื้นที่โซนซี แบ่งเป็น ซี 1 มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี, ซี 2 มหาวิหารคด และอาคารจอดรถ และที่จัดเก็บอุปกรณ์ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ซี 3 มหาธรรมกายเจดีย์ และซี 4 อาคารพุทธบุตรสงฆ์ และอาคารภาวนา 60 ปี

ต่อมาเวลา 08.30 น. พระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยพ.ต.อ.ไพสิฐ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าหารือกับพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย เพื่อนิมนต์พระเทพรัตนสุธีเข้าร่วมตรวจค้นด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นทางวัดได้เริ่มทยอยพาสื่อมวลชนเริ่มเข้าตรวจค้น โดยให้สื่อมวลชนกับเจ้าหน้าที่แบ่งออกเป็น 2 โซน เพื่อจะได้เข้าตรวจค้นพร้อมกัน โดยโซนบี ที่อาคาร 100 ปี ลักษณะของอาคารเป็นตึกทรงกลม สูง 12 ชั้น เนื้อที่ชั้นในอาคารมีทั้งลานจอดรถ ที่พักอาศัยของอุบาสิกา และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ระหว่างการตรวจค้นเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ภายในอาคารที่บริเวณชั้น 2 ของอาคาร 100 ปีนั้นพบห้องทำงานขนาดใหญ่ และด้านนอกของชั้นยังพบสามเณรกำลังปฏิบัติธรรมอยู่จำนวนหนึ่งด้วย อีกทั้งการเข้าค้นในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำสุนัขตำรวจมาใช้ด้วย

ระหว่างการเข้าตรวจค้นกลุ่มลูกศิษย์วัดพระธรรมกายที่จะคอยทำหน้าที่ดูแลสื่อมวลชนคอยเช็กชื่อและห้ามเดินไปในพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าไป และคอยกำชับให้สื่อรวมกลุ่มกันอยู่ตลอด

เวลา 11.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการร่วมในคดีพิเศษ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกดีเอสไอ พร้อมด้วยพ.ต.อ. กฤษณะ ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ในคดีพิเศษที่ 27/2559 เพื่อจับกุมพระธัมมชโยในช่วงเช้า

พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่าพ.ต.อ.ไพสิฐ พล.ต.ท. ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.1 และพ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะผู้บัญชา การเหตุการณ์ ได้ประชุมชุดปฏิบัติการเพื่อรับทราบการปฏิบัติและกำหนดแผนการดำเนินการ โดยกำหนดเป้าหมายเข้าตรวจค้นในพื้นที่มูลนิธิธรรมกาย โซนบี ซึ่งเมื่อวันที่ 16 ก.พ.ยังไม่ได้เข้าตรวจค้น และพื้นที่โซนซีในส่วน ที่เหลือ โดยจัดกำลังเข้าพื้นที่ พื้นที่ละ 8 ชุดปฏิบัติการ รวม 16 ชุด โดยกำลังประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจ เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนา และสุนัขตำรวจ ซึ่งจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดยังอยู่ระหว่างตรวจค้น และยังไม่ได้รับรายงานเรื่องพบตัวผู้ต้องหาตามหมายจับแล้วหรือไม่

พ.ต.ต.วรณันกล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพว่าพบอุโมงค์ภายในวัดพระธรรมกายนั้น ตนขอเรียนว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่โซนซี บริเวณอาคาร 60 ปี และมีบ่อน้ำพุ ซึ่งจากการตรวจสอบพบด้านใต้ของบ่อน้ำพุมีลักษณะเป็นระบบอุโมงค์ ภายในมีบ่อน้ำเพื่อที่จะทำเป็นน้ำตก และได้รับรายงานว่ามีเส้นทางจากตึกอาคารภาวนาไปทางซ้ายและขวา มีระยะทาง 1.5 กิโลเมตร และเมื่อเดินไปสุดทางพบเป็นทางตันไม่สามารถเดินทะลุออกไปที่ไหนได้ ซึ่งยืนยันว่าสามารถใช้ทางเข้าออกได้เพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น คืออยู่บริเวณอาคารภาวนา 60 ปี ดังนั้น จึงไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถใช้เส้นทางดังกล่าวหลบหนีได้ ทั้งนี้ ข้อมูลทางการข่าวยังเชื่อว่าพระธัมมชโยยังคงอยู่ในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวถามกรณีมีการแชร์ภาพเครื่องสำอาง ห้องฟิตเนส เครื่องประทินผิว อยู่ภายในอาคารหลังหนึ่งของวัดพระธรรมกาย พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า ขณะนี้ทางทีมโฆษกยังไม่ได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์ปกติแล้ว ก็จะสามารถให้ประชาชนเดินทางเข้าออกได้ตามปกติ แต่ถ้ามีข้อมูลสงสัยก็จะขอเข้าตรวจค้นอีกตามกฎหมายมาตรา 44 และประกาศ คสช.ที่ 5/2560

เมื่อถามว่า หากการตรวจสอบแล้วไม่พบพระธัมมชโยจะสามารถดำเนินการเอาผิดกับใครได้บ้าง พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า เบื้องต้นต้องแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ 1.ถ้าเจอตัวพระธัมมชโยก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย และ 2.ถ้าไม่เจอตัวก็จะต้องดำเนินการสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากยังไม่พบตัวพระธัมมชโยก็จะต้องปรับแผนและประเมินสถานการณ์ดูว่าตรงไหนของเจ้าหน้าที่คือจุดอ่อนและจุดแข็ง ซึ่งในการดำเนินการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนมากกว่าเรื่องผลสัมฤทธิ์ซึ่งถือเป็นเรื่องรอง

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้ร่วมในการสนับสนุนร่วมในการปฏิบัติการตรวจค้น และได้สุนัขตำรวจมาร่วมในการตรวจค้นวัดพระธรรมกายในวันนี้ด้วย ทั้งนี้ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงอยู่ 3,000 นาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากตรวจบริเวณจุดวิหารคด แล้วเสร็จ ทางเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมหัวหน้าชุด ดำเนินการเข้าตรวจค้นเพิ่มเติมบริเวณพระมหาธรรมกายเจดีย์ ที่ถูกล้อมด้วยวิหารคด โดยมีทางเจ้าหน้าที่พระสงฆ์ พร้อมพระลูกวัดเดินพาเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 21 นาย เดินทางเข้าตรวจค้น

จากการตรวจสอบพบว่า ในส่วนของพระมหาธรรมกายเจดีย์ ประกอบไปด้วยพระพุทธรูป ปางสมาธิ จำนวนกว่า 3 แสนองค์ และมีเก็บไว้ภายในอีก 7 แสนองค์ ทำด้วยวัตถุที่สามารถทนในสภาวะต่างๆ ได้ถึง 4 ร้อยกว่าปี ซึ่งจากการสอบถามในส่วนของพระพุทธรูปจำนวน 7 แสนองค์ ที่อยู่ภายในเจดีย์ดังกล่าวนั้น ทราบว่ามีไว้สำหรับอีก 3 พันปีข้างหน้าไว้ใช้สำหรับทดแทนเปลี่ยนถ่ายองค์ที่เสียหาย ที่อยู่บนบริเวณเจดีย์ดังกล่าว ทั้งนี้ทาง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโดยรอบพบว่า เจดีย์ ดังกล่าวไม่สามารถเข้าไปข้างในได้ เนื่องจากถูกปิดตาย ซึ่งเป็นการออกแบบจากวิศวกร ที่ต้องการให้เป็นแบบนั้น อย่างไรก็ตามหากจะเข้าไปข้างในเจดีย์ดังกล่าวได้ ต้องใช้รถยกคันใหญ่มารื้อออก แต่จากการตรวจสอบคาดว่าไม่น่ามีสิ่งมีชีวิตสามารถอาศัยภายในนี้ได้ จึงถอนกำลังออกมาตรวจสอบบริเวณด้านนอกแทน

ในส่วนของบริเวณด้านนอกนั้น ที่ด้านบนเจดีย์ประกอบเป็นพระพุทธรูปแล้ว ในส่วนบริเวณฐานของตัวเจดีย์ถูกปูด้วยกระเบื้องหินแกรนิต ที่ทำไว้สำหรับให้พระสงฆ์นั่งนำสวดมนต์ ได้มากถึง 1 หมื่นรูป ในเบื้องต้นจากการตรวจสอบในวันนี้ไม่พบอะไรที่จะสามารถ บงบอกได้ว่า พระธัมมชโย อาศัยอยู่ในวัด ดังกล่าว

ที่บริเวณประตู 7 วัดพระธรรมกาย พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่าวันนี้ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจค้นอีกครั้ง โดยเมื่อช่วงเช้าทางเจ้าหน้าที่ประสานว่าจะตรวจในพื้นที่ต่างๆ ของ วัดและบริเวณข้างเคียงเนื้อที่ 2,000 ไร่ รวมทั้งตรวจอาคารต่างๆ ที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 130 ไร่ อาทิ อาคาร 100 ปี เป็นต้น ส่วนที่เป็นอาคารสำนักงานให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ขอยืนยันว่าการตรวจค้นวานนี้เจ้าหน้าที่ตรวจค้นทุกจุดที่ต้องการ รวมทั้งจุดที่บอกว่าทางวัดทำอุโมงค์เชื่อมต่อไปยังดาวอังคาร หรือถนนมอเตอร์เวย์ เจ้าหน้าที่ก็ได้ไปตรวจ แต่ปรากฏว่าไม่มีอุโมงค์แต่อย่างใด โดยทุกจุดมีการตรวจร่วมกับทางวัด เพื่อแสดงความบริสุทธิ์

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าปรากฏภาพเตียงนอนภายในห้อง มีเพียงหมอนถูกผ้าคลุมทำทีเหมือนมีคนอยู่ และอุปกรณ์การรักษาต่างๆในห้องนั้น ซึ่งไม่พบพระธัมมชโยนั้น พระสนิทวงศ์ ตอบว่า เมื่อวานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นห้องพักของพระธัมมชโย ซึ่งอยู่ที่อาคารดาวดึงส์ ฝั่งพื้นที่ 196 ไร่ เท่าที่ทราบเตียงนั้นมีการเอาผ้าคลุมหมอนเพื่อกันฝุ่น ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ซึ่งขอยืนยันในสิ่งที่เคยเรียนสื่อมวลชนมาตลอดว่า อาตมาพบพระธัมมชโยครั้งสุดท้าย เดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ไม่ยืนยันท่านอยู่ที่ใด แต่ยืนยันได้เพียงว่าห้องดังกล่าวเป็นห้องที่เคยใช้รักษาพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยจริง อย่างไรก็ตามไม่มีใครทราบว่าท่านอยู่ที่ใด หรือติดต่อผู้ติดตามได้ การที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพักรักษาอาการที่ไหนเป็นสิทธิของท่าน คิดง่ายๆ เหมือนเราเป็นนักศึกษา เราเจออธิการบดีสองครั้ง ในชีวิต คือ ปฐมนิเทศ และปัจจิมนิเทศ อย่างไรก็ตามในส่วนของการที่คสช.ประกาศใช้มาตรา 44 นั้นทางวัดมองว่าค่อนข้างรุนแรงทางด้านจิตใจ สะเทือนใจในตัวของพระ และสาธุชน เราให้ความร่วมมือเต็มที่ ขอให้ทางศิษย์วัดพระธรรมกายปลอดกังวัล เอา เวลาไปทำอะไรที่สร้างสรรค์เป็นประโยชน์ นั่งสมาธิ ซึ่งการตรวจค้นทางวัดให้ความ ร่วมมือเต็มที่

ขณะที่พระมหานพพร ปุญญชโย ผู้ช่วย ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ระบุไม่เคยยืนยันว่าพระธัมมชโย อยู่ในวัด ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ ทั้งฝ่ายสื่อสารองค์กรและศิษย์วัดพระธรรมกาย หลายคน เคยระบุเหตุผลที่พระธัมมชโยไม่ไปมอบตัวเป็นเพราะอาพาธหนัก แพทย์ห้ามเคลื่อนย้ายเด็ดขาด ซึ่งขัดกับภาพที่เห็นว่า พระธัมมชโยไม่ได้อยู่บนเตียงผู้ป่วยเดิมที่ ทางวัดเผยแพร่ภาพมาก่อนหน้านี้ พระมหานพพรบอกว่า “อาจเป็นการตีความของ สังคม ที่วิเคราะห์กันไปเอง” ขอให้ข้อเท็จจริงปรากฏเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าค้น

ที่อาคารภาวนา 60 ปี พระราชภาวนาวิสุทธิ์ วัดพระธรรมกาย พ.ต.ต.สุริยา พร้อมด้วยพ.ต.ต.วรณัน ร่วมกับพระสนิทวงศ์ นำสื่อ มวลชนเข้าตรวจสอบพื้นที่ใต้บ่อน้ำพุ สูง 12 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ด้านหลังอาคารภาวนา 60 ปี หลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าอุโมงค์ ดังกล่าว เป็นทางตันจริงหรือไม่ เพื่อประชาชนและสังคมหายสงสัย ทางวัดจึงได้นำสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบอีกครั้ง หลังจากเมื่อวันที่ 16 ก.พ.พื้นที่ดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และตำรวจได้เข้ามาตรวจค้นวัดพระธรรมกาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภายในอุโมงค์ดังกล่าว อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว มีลมผ่านได้เล็กน้อย โดยทางเดินมีไฟติดอยู่ตลอดทาง ความสูงของเพดานประมาณ 5 เมตร มีท่อน้ำขนาดใหญ่ที่ใช้ในการทำน้ำพุอยู่จำนวนมาก ลักษณะทางเดินเป็นรูปตัวอักษร U ระยะทาง 3 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินเท้าจนสุดทางเดินประมาณ 30 นาที ทั้งนี้ จากการเดินเท้าเข้าจนสุดทางเดินพบเป็นผนังปูนทึบไม่สามารถเดินทะลุไปไหนได้ หากจะเดินทางออกมายังด้านนอกจะต้องเดินทางกลับออกมาทางเก่าที่เดินเข้าไป

เมื่อเวลา 17.30 น.ที่สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พ.ต.ต.วรณัน แถลงผลตรวจค้นวัดพระธรรมกายระหว่างวันที่ 16 และ 17 ก.พ. หลังลงพื้นที่ปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกายว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลัง 3 ฝ่ายเพื่อเข้าตรวจค้นโดยใช้เวลานานกว่า 8 ชั่วโมง ชุดปฏิบัติการตรวจค้นได้เข้าตรวจพื้นที่ครบทั้ง 3 โซน ประกอบด้วยโซนเอ บี และซี แล้วทุกพื้นที่ แต่ยังไม่พบพระธัมมชโย จึงได้เตรียมเข้าตรวจค้นพื้นที่ควบคุมบริเวณนอกวัดในวันที่ 18 ก.พ.นี้ต่อไป

“ส่วนกรณีที่มีการตรวจค้นพบอุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเฉพาะตู้อุปกรณ์ทางการแพทย์ตู้ไฮเปอร์แบริค ภายในห้องที่เคยใช้รักษาอาการอาพาธของพระธัมมชโย บริเวณอาคารดาวดึงส์ ดีเอสไอได้อายัดพื้นที่อาคารดังกล่าวเป็นพื้นที่ควบคุมห้ามไม่ให้บุคคลเข้าออก รวมถึงห้ามเคลื่อนย้ายสิ่งของด้วย เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่พบภายในห้องดังกล่าว ซึ่งดีเอสไอเตรียมประสานขอความร่วมมือจากแพทย์ทหารผู้เชี่ยวชาญให้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบ เพื่อดูว่าเครื่องมีการใช้งานล่า สุดเมื่อใด และมีความสอดคล้องกับการรักษาอาการอาพาธหรือไม่” พ.ต.ต.วรณันกล่าว

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ดีเอสไอจะยังคงยึดตามคำสั่งมาตรา 44 ที่ประกาศให้พื้นที่วัดพระธรรมกายและบริเวณโดยรอบเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ โดยจะยังคงกำลังเจ้าหน้าที่ไว้บางส่วนส่วนจะเปิดพื้นที่ในบริเวณใดให้คณะศิษยานุศิษย์สามารถผ่านเข้าออกได้บ้าง เจ้าหน้าที่จะมีการชี้แจงให้ทราบ และดีเอสไอจะยังคงมีการปฏิบัติการทางด้านการข่าวในการติดตามตัวพระธัมมชโยต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลทางการข่าว พร้อมฝากประชาชนหากพบเบาะแสของผู้ต้องหาก็สามารถแจ้งดีเอสไอโดยตรงผ่านสายด่วน 1202 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ส่วนผู้ปิดบังซ่อนเร้นพระธัมมชโย หรือบุคคลที่ถูกออกหมายจับต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงประกอบด้วย ขณะที่ผลการตรวจค้นทั้งหมดอธิบดี ดีเอสไอจะเป็นผู้รายงานกับรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมต่อไป

ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ยังไม่สามารถจับกุมตัวพระธัมมชโย หลังมีคำสั่งมาตรา 44 ออกมาว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการตามกฎหมายอยู่ คือถ้าอยู่ก็เจอ ไม่อยู่ก็ไม่เจอก็แค่นั้น

เมื่อถามว่าแต่ขณะนี้ทั้งลูกศิษย์ และพระสงฆ์ในวัดพระธรรมกาย ยังคงขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ และไม่สนคำสั่งมาตรา 44 ที่ประกาศใช้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ก็ต้องไปบอกพระเหล่านั้น กฎหมายตามคำสั่งมาตรา 44 สามารถใช้ได้ทุกที่ ไม่ใช่จะมายกเว้นพระสงฆ์ คำสั่งมาตรา 44 ประกาศใช้เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าไปทำงานได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหา หากเข้าไปโดยไม่มีอะไรคุ้มครอง เจ้าหน้าที่ก็จะเดือดร้อน แล้วเห็นภาพที่ออกมาหรือไม่ เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรงอะไรบ้างหรือก็ไม่มี แล้วเห็นสมควรหรือไม่ที่พระสงฆ์ควรจะคาดหน้าคาดตาแบบนั้น ก็ต้องดูทั้ง 2 ฝ่าย รัฐบาลมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ต้องได้รับการคุ้มครองในกรณีที่ทำโดยสุจริต แล้วถ้าไม่ทำความผิดเจ้าหน้าที่เขาจะเข้าไปทำอะไรให้เมื่อยทำไม ทุกคนส่วนใหญ่ก็เป็นชาวพุทธ นับถือศาสนาพุทธกันอยู่แล้ว ใครอยากจะไปทำร้าย ทำลายพระสงฆ์ ทำลายพุทธศาสนา”

เมื่อถามว่าการประกาศใช้คำสั่งมาตรา 44 แสดงว่ามั่นใจว่าพระธัมมชโย ยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าอยู่ก็จับ ถ้าไม่อยู่มาตรา 44 จะไปจับได้อย่างไร มาตรา 44 จะไปหาได้จากบนอากาศหรือ ตรงนี้เขาให้อำนาจกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งถือเป็นอำนาจปกติเพียงแต่ให้สามารถเข้าไปในพื้นที่ให้ได้ และคุ้มครองเจ้าหน้าที่ก็แค่นั้น แต่การจับกุมดำเนินคดีก็เป็นเรื่องของกฎหมายปกติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเขาต้องจับกุมอยู่แล้ว เจอผู้ร้ายจะไม่จับได้อย่างไร

เมื่อถามย้ำว่าพระธัมมชโย ยังอยู่ในวัดใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่รู้ อยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่รู้ พวกสื่อก็ไปช่วยผมดู ไปเฝ้าประตูให้ผมบ้าง และพวกคุณให้โอกาสเจ้าหน้าที่ไปทำอะไรได้บ้าง พอเจ้าหน้าที่เข้าไปก็หาว่าใช้กำลังมากเกินไป ก็เป็นปัญหามาโดยตลอด พวกคุณต้องช่วยเจ้าหน้าที่รัฐเขาด้วย พอถึงเวลาจับตัวไม่ได้ก็ด่ารัฐ ด่าเจ้าหน้าที่ของรัฐอีก พอไม่ทำก็เล่นงานเจ้าหน้าที่ สรุปว่า เจ้าหน้าที่ทำอะไรไม่ได้เลยหรือ ถามคำถามแบบนี้ผมไม่ตอบ ยั่วอารมณ์ผมเปล่าๆ อารมณ์เสีย ก็ให้อยู่เน่าๆ กันไป”

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายวันที่ 2 ล่าสุด มีคำสั่งให้ลดกำลังลงเหลือ 5 กองร้อย โดยตรึงไว้ที่ อ.คลองหลวง ซึ่งอาจจะพร้อมปฏิบัติการอีกตลอดเวลา แต่จะไม่ดำเนินการในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้ เนื่องจากคาดว่าจะมีบรรดาศิษยานุศิษย์เดินทางมาที่วัดเป็นจำนวนมาก

เมื่อเวลา 21.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.ไพสิฐเปิดเผยว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอได้เข้าไปตรวจสอบบริเวณด้านหลังวัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นหมู่บ้าน เนื่องจากได้รับแจ้งว่ามีถังน้ำมัน 20,000 ลิตร บรรจุน้ำมันไว้จำนวน 7 ถัง รวมกว่า 100,000 ลิตร เมื่อ เจ้าหน้าที่ไปถึงจึงได้อายัดถังน้ำมันดังกล่าวไว้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ได้ตรวจสอบอีกครั้งว่าขออนุญาตตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร และประสานให้เจ้าหน้าที่กรมเชื้อเพลิงพลังงานตรวจสอบว่าเป็นน้ำมันชนิดใด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน