ดีเอสไอรุกหนัก “ธรรมกาย”อาศัยคำสั่งคสช.เรียกตัว”ธัมมชโย” พระสงฆ์รวม14 รูปเข้ามารายงานตัว พร้อม ปรับแผนเข้าตรวจค้นให้เข้มข้นขึ้น ออกคำสั่งขีดเส้นให้พระ และประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากพื้นที่ภายในวัด แล้วให้มารายงานตัว ส่งผลสถานการณ์ตึงเครียดตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงค่ำ ฝ่ายลูกศิษย์สั่งระดมยึดพื้นที่ประตู 5 และ 6 ขณะที่เจ้าหน้าที่เคลื่อนกำลังปราบจลาจลจะเข้าเคลียร์พื้นที่ จนเผชิญหน้า กระทบกระเทือน ปะทะกัน สุดท้ายประเมินสถานการณ์แล้ว ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยอมถอยกำลังออกมา และคาดว่ามีลูกศิษย์อยู่ในพื้นที่วัดประมาณ 10,000 คน

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ บก.ตชด.ภาค 1 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภาค 1 และ พล.ต.พัลลภ เฟื่องฟู ผบ.กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน ร่วมประชุมประเมินสถานการณ์ ปรับแผนการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย และพื้นที่ควบคุมตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามมาตรา 44 เพื่อจับกุมพระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) อดีตเจ้าอาวาสวัด ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฟอกเงินและรับของโจร

พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า จากการตรวจค้นดำเนินมา 3 วันแล้วนั้น ดังนั้นเพื่อให้การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิ ภาพ และสามารถคืนพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว จึง แถลงดังต่อไปนี้ 1.ให้พระภิกษุสามเณรและประชาชนที่มิได้มีที่อยู่ในวัดพระธรรมกายออกจากพื้นที่ภายในเวลา 15.00 น. วันที่ 19 ก.พ.นี้ เดินทางออกได้ทุกประตู จะจัดเจ้าหน้าที่และยานพาหนะอำนวยความสะดวก 2.ให้พระภิกษุสามเณรและประชาชนซึ่งมีที่อยู่ในบริเวณที่ดังกล่าว มารายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เต็นท์ที่พักบริเวณประตู 6 โดยเจ้าหน้าที่สำนัก งานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะตรวจสอบหนังสือสำคัญของพระภิกษุ หรือใบสุทธิ และพนักงานเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบบัตรประจำ ตัวประชาชน และลงทะเบียน

ต่อมาเวลา 13.00 น. ที่ปากทางเข้าคลองแอน 2 ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายหลายพันคนฝ่ากำแพงแนวกั้นของทางเจ้าหน้าที่เข้ามาบริเวณประตู 5 ประตู 6 จากนั้น พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภาค 1 เดินทางมาเจรจา ลูกศิษย์วิ่งออกมาทำเป็นกำแพงมนุษย์กันเจ้าหน้าที่ และกระทบกระทั่งกัน ภายหลังการเจรจากัน ทางวัดยื่นข้อเสนอขอใช้พื้นที่ภายในวัดเท่านั้น ก่อนสถานการณ์เริ่มคลี่ คลาย ทางตำรวจอยู่ระหว่างประสานผู้บังคับบัญชาถึงข้อเรียกร้องดังกล่าว

ถัดมาเวลา 14.00 น. บริเวณประตู 5 และ 6 ตำรวจควบคุมฝูงชน 3 กองร้อยรักษาความสงบเรียบร้อย โดยมีกลุ่มลูกศิษย์และพระสงฆ์จำนวนมากประจันหน้ากัน สถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียด จากนั้นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำป้ายประกาศหมายจับพระธัมมชโยมาติดบริเวณข้างเต็นท์ ส่งผลให้สถานการณ์เคร่งเครียดขึ้นไปอีก กระทั่งเวลา 15.00 น. หลังจากครบกำหนดเวลาที่ดีเอสไอขีดเส้นให้พระสงฆ์และลูกศิษย์ออกจากพื้นที่วัด ปรากฏว่ามีพระสงฆ์กรูกันมาที่บริเวณประตู 5 โดยบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าจะสวดมนต์

พล.ต.ท.ชาญเทพกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจรับคำสั่งจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห้ามทำร้ายประชาชน ส่วนภายในวัดนั้น ยังใช้มาตรการเดิม โดยเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ ทางเจ้าหน้าที่พยายามทำความเข้าใจข้อกฎหมาย ให้ประชาชนและพระภิกษุสงฆ์เข้าใจว่าต้องการอะไร และไม่ต้องการทำร้ายใคร แต่ในเมื่อประชาชนและพระไม่ยอมก็จะมีการกดดัน แต่ต้องรอการตัดสินใจของอธิบดีดีเอสไอก่อน

ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวในเฟซบุ๊กเรารักวัดพระธรรมกาย โพสต์ข้อความว่ายืนยันแล้วคณะสงฆ์ทั้งภาคพื้นเอเชีย และทั่วโลก ประกาศเจตนารมณ์ไม่ยอมรับการประกาศใช้มาตรา 44 หากมีการใช้กำลังกับวัดพระธรรม กาย เบื้องต้นคณะสงฆ์ทุกภาคของประเทศ ไทย รับฎีกาเข้าร่วมปฏิบัติการ ชวนญาติมิตร เข้ากรุงเทพฯ ปทุมธานี ภายใน 48 ชั่วโมง ประชาชนชาวพุทธ 5 แสนคนในเขตภาคกลาง เพื่อกดดันเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 44 กับวัดพระธรรมกาย ภายใน 24 ชั่วโมง ชาวพุทธ ทุกท่าน เวลาที่ท่านรอคอยมาถึงแล้ว

ด้านพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ขอให้ยกเลิกมาตรา 44 และให้ประชาชนพร้อมทั้งลูกศิษย์เข้าออกวัดได้เหมือนเดิม เนื่องจาก 1.ที่ผ่านมา 3 วัน เจ้าหน้าที่ตรวจค้นอย่างละเอียดทุกอาคาร ทุกชั้น ทุกห้อง ทุกจุด และอาคารดาวดึงส์ ทางวัดอำนวยความสะดวก ทุกประการด้วยความเรียบร้อยดี 2.กรณีญาติโยมยังอยู่กันมาก และไม่ได้กลับออกไป ไม่ใช่เพราะประเด็นของหลวงพ่อธัมมชโย แต่เพราะห่วงพระลูกพระหลานในวัด เพราะญาติโยมเหล่านี้เป็นโยมพ่อแม่ ปู่ย่าตายายของพระเณร จึงมาดูแลด้วยความเป็นห่วง และสวดมนต์เจริญสมาธิภาวนา

พระสนิทวงศ์กล่าวว่า รวมทั้งเป็นห่วง วัดและทรัพย์สินของวัด เนื่องจากมีข่าวจากโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กแพร่หลายว่า อาจเข้ามายึดทรัพย์สินของวัด ยึดรูปเหมือนทองคำหลวงปู่วัดปากน้ำ ยึดอาคารสถานที่ของวัดไปทำเป็นที่ทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะวันที่ 2 ของการตรวจค้น เจ้าหน้าที่มาเต็มอัตรา ทั้งรถตู้ รถบัสหลายสิบคัน สร้างความตื่นตระหนกอย่างมากให้กับสาธุชนที่มาปฏิบัติธรรม ทางวัดไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบภายในรถได้ รวมทั้งนำสุนัขตำรวจเข้ามาด้วยก็ยิ่งไม่สบายใจ

ตัวแทนวัดพระธรรมกายกล่าวต่อว่า 3.พระภิกษุสามเณรได้รับความลำบากในการบิณฑบาต และบำเพ็ญสมณกิจอื่นๆ 4.วันที่ 21-23 ก.พ. เป็นการสอบพระบาลีของพระภิกษุสามเณรทั่วประเทศ โดยพระภิกษุสามเณรของวัดหลายร้อยรูปต้องออกไปสอบ ขอความกรุณาอำนวยความสะดวกให้สามารถสอบได้ หรือขอความเมตตาไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดส่งตัวแทนเจ้าหน้าที่ผู้คุมสอบ เข้ามาจัดสนามสอบภายในวัด เพราะสามเณรคือเยาวชนที่ดีของชาติ มาศึกษาเล่าเรียนเพื่อพัฒนาตนเอง ไม่ได้ทำร้ายสังคม ไม่เป็นภาระของชาติ แต่ช่วยให้ การสืบสานวัฒนธรรมไทย และสืบอายุพระ พุทธศาสนาต่อไปในอนาคตอีกด้วย

ขณะที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ (สกสส.) กล่าวแสดงความเห็นเรื่องตรวจค้นวัดพระธรรมกายว่าขอเรียกร้องให้เจ้าพนัก งานของรัฐปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดในการตรวจค้น โดยมีตัวแทนพระ หรือตัวแทนของวัดร่วมตรวจค้นต่อหน้า ไม่ใช้อำนาจในการก่อให้เกิดการละเมิดสิทธิ มนุษยชน ทั้งต้องให้ความเคารพยำเกรงต่อศาสนสถานอย่างเหมาะสม หากเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจและปฏิบัติหน้าที่นอกกรอบนี้ ถือว่าเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุและเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ย่อมไม่อาจได้รับความคุ้มครองยกเว้นความรับผิดใดๆ ได้ แม้จะมีคำสั่งหัวหน้า คสช. ก็ตาม

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพระภิกษุสามเณร และประชาชน ที่ดีเอสไอขอให้ออกจากพื้นที่นั้น หมายถึงเฉพาะกลุ่มที่มาปฏิบัติธรรมชั่วคราว ไม่ใช่พระที่จำวัดในวัดธรรมกาย นายวิญญัติกล่าวว่านั่นคือสภาพการณ์ที่เขียนไว้ แต่ในทางปฏิบัติห่วงว่าอาจไม่เป็นเช่นนั้น และห่วงว่าลักษณะของการใช้มาตรการเช่นนี้ อาจจะเกิดเหตุการณ์คล้ายกับการสลายชุมนุม ปี 2553

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งคสช.ที่ 5/2560 ได้ออกคำสั่งให้บุคคลมารายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นภิกษุจำนวน 14 รูป ดังนี้ 1.พระธัมมชโย หรือพระเทพญาณ มหามุนี (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) 2.พระทัตตชีโว หรือเผด็จ ทัตตชีโว หรือพระราชภาวนาจารย์ 3.พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ 4.พระปลัด สุธรรม สุธัมโม หรือพระวิเทศภาวนาจารย์ 5.พระครูถวัลย์ศักดิ์ ยติสักโก 6.พระครูใบฎีกาอำนวยศักดิ์ มุนิสสโก 7.พระครูสังฆรักษ์ อนุรักษ์ โสตถิโก หรือพระครูแอ

8.พระสนิทวงศ์ วุฑฒวังโส 9.พระมหา นพพร ปุญญชโย 10.พระภาสุระ ทันตมโน (ใจวงศ์) 11.พระนพดล สิริวังโส 12.พระมหาบุญชัย จารุทัตโต 13.พระครูสุวิทย์ สุวิชชาโก 14.พระแสนพล เทพเทพา หรือ ส.อ.แสนพล เทพเทพา ทั้งนี้ กำหนดให้ภิกษุทั้ง 14 รูปเดินทางไปรายงานตัวกับอธิบดีดีเอสไอ ณ บก. ตชด.ภาค 1 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในวันที่ 19 ก.พ.2560 เวลา 18.00 น.

ต่อมาช่วงเย็น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามที่ดีเอสไอขอกำลังสนับสนุนเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย โดยให้จัดกำลังสนับสนุนการปฏิบัติเพิ่มเติมดังนี้ ผบช.ภาค 2 และ ผบช.ภาค 7 จัดกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนจำนวนละ 5 กองร้อย ผบช.น.จัดกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนหญิง 1 กองร้อย ผบช.ตชด.จัดกำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนจำนวน 2 กองร้อย และให้ บก.ตชด.ภาค 1 จัดเตรียมที่พักกำลังและประสานการปฏิบัติในเรื่องการประกอบเลี้ยง หรืออาหารกล่อง สนับสนุนกองร้อยควบคุมฝูงชนที่มาปฏิบัติหน้าที่ และให้กำลังกองร้อยควบคุมฝูงชนไปรายงานตัวกับ พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบช. ภาค 1 ที่ บก.ตชด. ภาค 1 วันที่ 19 ก.พ. ก่อนเวลา 18.00 น.

ต่อมาเวลา 17.00 น. สถานการณ์ที่วัดพระธรรมกายตึงเครียดมากขึ้น เจ้าหน้าที่จัดขบวนกองร้อยควบคุมฝูงชน เตรียมเคลื่อนกำลังเข้าไปภายในบริเวณวัด และเริ่มมีกระทบ กระทั่่งกัน พร้อมทั้งส่งเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจบริเวณภายในวัด

เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน 4 กองร้อย เคลื่อนประชิดปากทางคลองแอน ต.คลองสอง อ.คลองหลวง โดยดีเอสไอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมปรับแผน เพื่อเตรียมขอพื้นที่คืนหลังจากพระสงฆ์และศิษย์ธรรมกายยึดพื้นที่บริเวณหน้าประตู 5 และ 6 ทำแนวกั้นเป็นกำแพง พร้อมนำเต็นท์มาตั้งปิดถนนเลียบคลอง ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นพื้นที่ควบคุมตามมาตรา 44 เมื่อเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนเคลื่อนมาที่บริเวณหน้าประตู 5 และ 6 กลุ่มพระสงฆ์และศิษย์ฆราวาสก็เพิ่มแนวกั้นป้องกันการบุกของทางเจ้าหน้าที่ ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่เข้าเจรจาขอให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องกลับบ้าน แต่ไม่สำเร็จ ส่งผลให้สถานการณ์ตึง เครียด และเผชิญหน้ากัน

ต่อมา 18.00 น. พ.ต.อ.ไพสิฐ อธิบดีดีเอสไอ พล.ต.ท.ชาญเทพ ผบช.ภาค 1 พล.ต.พัลลภ ผบ.ปตอ. นายมนต์สิทธิ์ รอง ผวจ.ปทุมธานี ร่วมประชุมประเมินสถานการณ์อีกครั้ง เนื่อง จากลูกศิษย์วัดระดมกันมาสมทบเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน พ.ต.ตวรณัน ศรีล้ำ รองโฆษกดีเอสไอ แจ้งว่าระหว่างเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เกิดเหตุกระทบกระทั่งกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชน ที่ประตู 5 และ 6 เพื่อไม่ให้วุ่น วายและบานปลาย เจ้าหน้าที่จึงยอมถอยกำลังออกมา และให้ประชาชนเข้าไปในวัดได้

รองโฆษกดีเอสไอกล่าวว่า จากเหตุการณ์ในวันนี้ ดีเอสไอร่วมประชุมหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงมีคำสั่งให้เรียกพระสงฆ์ 14 รูป เข้ามารายงานตัว เพื่อรับข้อมูลข่าวสารไปเผยแพร่ให้ประชาชนทราบเจตนาของทางเจ้าหน้าที่ เนื่องจากพระทั้ง 14 รูป เป็นพระที่ประชาชนให้ความนับถือ แต่ก็ยังไม่มีพระเข้ามารายงานตัวแม้แต่รูปเดียว ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะออกหมายเรียกใหม่ให้เข้ามารายงานตัวอีกครั้ง

กระทั่งเวลา 21.00 น. หลังจากเจ้าหน้าที่ปักหลักกว่า 4 ชั่วโมงบริเวณประตู 5 และ 6 ต่อมา ผบช.ภาค 1 เดินทางมาประเมินสถาน การณ์ ก่อนสั่งการให้เจ้าหน้าที่ถอยกำลังออกมา เนื่องจากไม่สามารถเข้ายึดพื้นที่ได้ เพราะกลุ่มพระและลูกศิษย์ปักหลักยึดมั่นพื้นที่ไว้อย่างไม่ถอย และสั่งเจ้าหน้าที่รวมตัวอีกครั้งในเวลา 08.00 น. วันที่ 20 ก.พ.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน