ปะทะอีกหน้าวัด เจ้าหน้าที่เจ็บ 3 พระ-ศิษย์เจ็บ 7 คน เผยเหตุพระเคลื่อนขบวนมารับญาติโยมหน้าวัดจนเกิดชุลมุนกับ เจ้าหน้าที่ที่ตั้งด่าน ดีเอสไอโวยพระทำร้าย เจ้าหน้าที่แจ้งความเอาผิด บิ๊กป้อมฮึ่มหมายจับ 14 พระที่ไม่มารายงานตัว ยันต้องค้นไม่งั้นจะผิด ม.157 ไก่อู ระบุนายกฯสั่งให้จบโดยเร็ว สังฆราชประชุมมส.นัดแรก ที่ประชุมเป็นห่วงกรณีธรรมกาย ให้เจ้าคณะใหญ่หนกลางติดตามสถานการณ์ ฮือฮาส่งตชด.หญิงร่วม ศรีวราห์จี้คดี เผยพุ่งถึง 313 คดีแล้ว ดีเอสไอสรุปแผนปฏิบัติการลั่นจะอยู่จนจับธัมมชโยได้ ระบุคนในวัดธรรมกายเหลือแค่ 6 พันคน ตั้งด่านสกัด ออกได้ห้ามเข้า

บิ๊กป้อมยันต้องค้นธรรมกาย

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ก.พ. ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม หลักสูตรผู้นำพอเพียงเพื่อความมั่นคงรุ่น 1 ว่า กรณีของวัดพระธรรมกาย เราต้องการให้อยู่ในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล และคสช. ไม่ใช่เป็นเอกเทศ อยากจะทำอะไรก็ทำ เมื่อพระธัมมชโยมีหมายจับ และศาลอนุญาตออกหมายค้นให้

“ผมค้นได้ผมก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำผิดตาม ม.157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อผมใช้กำลังทหาร ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็ต้องทำตามกฎหมายทั้งสิ้น ไม่ใช่วัดธรรมกายจะปกครองตนเอง เป็นเอกเทศของตนเอง เอาลูกศิษย์ลูกหามาปกป้อง ซึ่งมันไม่ได้ เราต้องเข้าไปให้ได้หมด เราไม่ได้สนใจว่าจะจับพระธัมมชโยได้หรือไม่ได้ แต่เราสนใจคือต้องปฏิบัติการที่ศาลสั่งให้ได้ และเอาเจ้าหน้าที่เข้าไปอยู่ในวัดธรรมกายให้ได้ ไปตรวจทุกมุมทุกแห่งให้ได้ มาปิดกั้นตรงไหนไม่ได้ ตรงนี้ถือเป็นประการสำคัญ ดังนั้นต้องเข้าใจว่ารัฐบาลไม่ได้กดขี่หรือใช้ความรุนแรง เมื่อมี สองพวก คือพวกหนึ่งบอกว่าทำไมจับไม่ได้ ทำอะไรก็ทำไม่ได้ อีกพวกหนึ่งก็มองว่าไปรังแกพระ ก็ทำตามกฎหมาย” รองนายกฯ กล่าว

จ่อหมายจับ 14 พระไม่รายงานตัว

พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า หาก พระลูกวัดไม่ให้ความร่วมมือ เราต้องชี้แจงทำความเข้าใจ เพราะศาลมีหมายออกมาแล้ว เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ ย้ำว่าไม่ได้ไปรังแกใคร ดังนั้น อยากให้ลูกศิษย์และพระลูกวัดต้องเข้าใจด้วยในการบังคับใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไปตัวเปล่า ไม่พกพาอาวุธ ไม่มีกระบองและโล่ อย่างไรก็ตาม ตนกำชับไปยังนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม ว่าต้องสร้างความเข้าใจกับพระในวัด รวมทั้ง ลูกศิษย์ ซึ่งขณะนี้สามารถเข้าได้ทั้งหมดแล้ว มีเพียงประตู 5 ประตู 6 ที่ยังติดค้างอยู่

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การปะทะกันไม่มี คนจะเข้าก็ต้องผลักกันนิดหน่อย เป็นธรรมดา ไม่ได้ตีกันจนหัวร้างข้างแตก ส่วนที่เครือข่ายวัดธรรมกายทั่วโลก เรียกร้องอย่าทำร้ายพระและอย่าเข้าไปในวัดนั้น เราไม่ได้ทำอะไรรุนแรง แล้วตอบได้หรือไม่ว่าพระธัมมชโยอยู่ที่ไหน เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ตรวจค้น แม้ทางวัดจะประกาศว่าพระธัมมชโยไม่อยู่ในวัด ก็ไม่เป็นไร ขอเราดูเท่านั้นเอง จะเสียหายตรงไหน

เมื่อถามว่าจะมีมาตรการป้องกันการแทรกซึมหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ดำเนินการอยู่แล้ว ใช้กำลังตำรวจและทหารป้องกันไม่ให้คนภายนอกเข้าไปข้างในวัด ส่วนพื้นที่ในวัดมีความอันตรายหรือไม่ เท่าที่ตรวจดูยังไม่เจอและคิดว่าไม่อันตราย เราเพียงไปดูทุกที่ว่าพวกที่มีหมายจับอยู่หรือไม่ ถ้าไม่อยู่ก็จบ

เมื่อถามถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกหมายเรียกพระ 14 รูปมารายงานตัว ถ้าไม่มาจะดำเนินการอย่างไร รองนายกฯ กล่าวว่า ดีเอสไอ ต้องทำตามขั้นตอน และทำตามกระบวนการ หากไม่มารายงานตัว 2 ครั้งก็ออกหมายจับตามกฎหมาย

เผย”บิ๊กตู่”อยากให้จบเร็ว

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ติดตามทุกกรณีในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนภายใต้หลักการที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย มิเช่นนั้นจะเป็นจุดที่เป็นลัทธิตัวอย่างที่มีพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งที่กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้ ซึ่งจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ ทุกพื้นที่ต้องบังคับใช้กฎหมายได้

“นายกฯปรารภว่าหลายคนบอกว่าเข้าใจว่าประเด็นธรรมกายเกิดอะไรขึ้น และอยากให้บังคับใช้กฎหมายให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว แต่เมื่อเจ้าหน้าที่เริ่มปฏิบัติ คนพูดคนเดิมก็บอกว่าต้องระวังเพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว ซึ่งในคำพูดดูเข้าใจ แต่ในทางปฏิบัติไม่สอดคล้องกัน เจ้าหน้าที่ก็ต้องทำตามหน้าที่ ใครที่มีหมายจับเจ้าหน้าที่ต้องเชิญเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ปัญหาคือเจ้าหน้าที่เข้าไปลำบาก เพราะกลุ่มที่ประพฤติผิดกฎหมายใช้ศรัทธาของประชา ชนมาเป็นโล่มนุษย์” พล.ท.สรรเสริญกล่าว

สอบธัมมชโยออกจากวัด

นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า มั่นใจว่าพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร ในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ยังอยู่ภายในบริเวณวัดพระธรรมกาย เมื่อช่วงวันที่ 16 ก.พ. แต่หลังจากนั้น ไม่แน่ใจว่าจะมีการหลบไปอาศัยอยู่จุดหรือบริเวณใดหรือไม่

วิษณุยันไม่ยกเลิกม.44

นายสุวพันธุ์กล่าวต่อว่า ส่วนการปฏิบัติกับมวลชนและศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการตามคำสั่งมาตรา 44 และคงปฏิบัติตามแผนเดิม ไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปภาย ในวัด แต่สามารถออกมาได้ ส่วนการที่วัด พระธรรมกายออกมาปลุกระดมลูกศิษย์ผ่านโซเชี่ยลมีเดียให้เข้ามาภายในวัดเพื่อปกป้องวัดพระธรรมกายนั้น ขอชี้แจงข่าวลือว่าเจ้าหน้าที่จะเข้ายึดวัดพระธรรมกาย ควบคุมพระสงฆ์และจับสึกพระ รวมถึงห้ามเดินทางไปสอบบาลีที่วัดเขียนเขตที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 21-23 ก.พ.นี้ ไม่เป็นความจริง ทั้งพระและสามเณรสามารถเดินทางไปสอบได้ตามปกติ ยกเว้นพระสงฆ์ซึ่งมาจากวัดอื่นและเข้ามาอยู่ที่วัดพระธรรมกายขอให้เดินทางออกจากวัด

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกระแสข่าวที่รัฐบาลเตรียมยกเลิกคำสั่งคสช.ที่ 5/2560 เรื่องมาตรการ กําหนดพื้นที่ควบคุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการบังคับใช้กฎหมาย โดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 ว่า ไม่จริง ไม่เคยได้ยินว่าจะมีการยกเลิกมาตรา 44 ในเรื่องดังกล่าว เมื่อถามว่าทางวัดจะยกระดับการเคลื่อนไหวของพระหากรัฐบาลไม่ยกเลิก นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องถามพล.อ. ประวิตร

บิ๊กแป๊ะโต้อมค่าข้าวลูกน้อง

ที่ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีในโลกโซเชี่ยลมีการวิพากษ์วิจารณ์ กรณีข้าวกล่องที่จัดเลี้ยงตำรวจควบคุมฝูงชนปฏิบัติการปิดล้อมวัดพระธรรมกายเพื่อค้นหาตัว พระธัมมชโย อดีต เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย โดยอ้างจากการสอบถามตำรวจรายหนึ่ง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายจะได้รับเบี้ยเลี้ยงต่อคนวันละ 440 บาท แต่ในเงินจำนวนนี้ได้มีการหักค่าอาหาร เช้า กลางวัน เย็น ทำให้มีเงินที่เหลือ กลับบ้าน 200 บาท ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดค่าอาหารในแต่ละมื้อซึ่งมีเพียงข้าวและกับข้าววอย่างเดียวจึงมีราคาสูงถึงกล่องละ 80 บาท ว่า ข้าวกล่องที่จัดเลี้ยงตำรวจควบคุมฝูงชน มีราคาแพงเกินจริงและหักค่าเบี้ยเลี้ยงตำรวจจำนวนมากนั้น คงไม่ใช่อย่างนั้น พร้อมยืนยันว่าคนอย่างตนจะไปอมค่าข้าวลูกน้อง ได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนี้ พล.ต.ท. ชาญเทพ เสสะเวส ผบช.ภ.1 เป็นผู้รับผิดชอบดูแลอยู่แล้ว คาดว่าเป็นเรื่องของการบริหารจัดการ และคงไม่มีใครไปเอาเปรียบลูกน้องหรอก ซึ่งหากใครคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็มีกระบวนการตรวจสอบอยู่

ปะทะวุ่นพระ-จนท.เจ็บ

เวลา 08.00 น. พระกว่า 50 รูป ที่เดินตั้งแถวนำกลุ่มลูกศิษย์กว่า 200 คน เข้ามาหาเจ้าหน้าที่ตั้งแถวอยู่ปากทางคลองแอน เพื่อเจรจาให้กลุ่มศิษยานุศิษย์ที่อยู่ข้างนอกเข้ามาที่ประตู 6 แต่เจ้าหน้าไม่อนุญาต สร้างความไม่พอใจให้มวลชน ก่อนวิ่งกรูกันมาผลัดดันแถวเจ้าหน้าที่ จนมีเหตุการปะทะชุลมุนกันกว่า 20 นาที ทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนพักยกตั้งแถวดูเชิงกันห่าง 50 เมตร ให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาช่วยปฐมพยาบาลทั้ง 2 ฝ่าย

พ.ต.ท.วิโรจน์ ตัดโส ผู้บังคับกองควบคุมฝูงชนที่ 1 รายงานว่า พระจะเข้ามายึดด่านคัดกรองบุคคลไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า บริเวณปากทางคลองแอน โดยกลุ่มพระอ้างว่า จะออกไปรับศิษยานุศิษย์ แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตจึงเกิดการปะทะกัน เบื้องต้นทางศิษย์วัดผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 1 เป็นผู้หญิง แต่ประสานส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์รังสิตเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้พบว่ามีพระภิกษุบาดเจ็บเล็กน้อย 2 รูป

โวยพระตบกล้องหัวรุนแรง

ที่บริเวณประตู 7 วัดพระธรรมกาย พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ เดินทางเข้าตรวจสอบความเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่บริเวณประตู 7 เพื่อเตรียมปฏิบัติภารกิจการตรวจค้นหา วัดพระธรรมกาย เพื่อจับกุมตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย

พ.ต.ต.สุริยากล่าวว่า กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพพระมีพฤติการณ์ขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้วนการพยายามห้ามให้เจ้าหน้าที่บันทึกภาพและใช้มือปัดกล้องนั้น พระดังกล่าวเป็นพระที่อยู่ภายในวัดพระธรรมกายจริง พบว่าเป็นกลุ่มที่ใช้ความรุนแรง

ดีเอสไอแจ้งความพระทำร้าย

ต่อมาเวลา 09.00 น. ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (ตชด.ภ.1) พระเทพรัตนสุธี เจ้าอาวาสวัดเขียนเขต ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.ภ.1 พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดี ดีเอสไอ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ ผู้แทนจากสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์และวางแนวทางการปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ขณะที่เจ้าหน้าที่ประมาณ 16 กองร้อยยังรอรับคำสั่ง

หลังการประชุม พ.ต.อ.ไพสิฐกล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ 5 ของปฏิบัติการ ช่วงเช้ามี เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 3 นาย จากการถูกพระทำร้ายร่างกาย ในเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณประตู 5 และ 6 ซึ่งเราให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความดำเนินคดีกับพระภิกษุที่ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่แล้ว ยืนยันว่าจำเป็นต้องปิดล้อม วัดพระธรรมกาย ใครฝ่าฝืนมีความผิด แม้ เจ้าหน้าที่จะยังไม่มีการจับกุมใคร แต่ก็ได้บันทึกหลักฐานไว้หมดแล้ว

ถอยห่าง10ม.เลี่ยงปะทะ

ต่อมาเวลา 13.00 น. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพระมหานพพร ปุญฺญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ร่วมให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่เฝ้าติดตาม ความคืบหน้าที่วัดพระธรรมกาย ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี หลังจากที่เจรจากันเพื่อขอคืนพื้นที่

ด้านพ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า ไม่อยากให้มีการเผชิญหน้า จึงให้เว้นระยะห่างจากกัน ฝ่ายละ 10 เมตร โดยทางเจ้าหน้าที่เจรจา ให้ทางวัดพระธรรมกายปิดเครื่องขยายเสียง แต่ทางวัดขออนุญาตเปิดเป็นเสียงสวดมนต์แทนโดยจะไม่มีการขึ้นปราศรัยด้วยการพูดยุยงส่งเสริมปลุกระดมโดยบุคคลใดๆ ทั้งสิ้น

ด้าน พระมหานพพร กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้แสดงให้เห็นถึงความจริงใจ ที่ปฏิบัติกับวัดพระธรรมกายและสาธุชนที่เข้ามาในบริเวณวัดด้วยความละมุนละม่อมและไม่ใช้ความรุนแรงโดยเชื่อมั่นว่าทุกคนมีความเข้าใจตรงกันว่าความรุนแรงไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหา จึงต้องมีการพูดคุยและทำงานร่วมกัน ในวันนี้โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่าทางสาธุชนของวัดและเจ้าหน้าที่จะมีระยะห่างที่เหมาะสมต่อกัน เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งหรือว่าความเข้าใจผิดในครั้งต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่ากลุ่มพระภิกษุ และลูกศิษย์ ยังตรึงกำลังสวดมนต์ โดยบางส่วนสวมหน้ากากคลุมหน้า และเสื้อกันฝน เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำ หรือใช้แก๊สน้ำตา

พระระบุยังไม่ได้หมายเรียก

ด้านพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย เปิดเผยภายหลังเกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างพระสงฆ์ ศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ไม่ใช่เป็นการขอยึดพื้นที่ของทางวัด แต่เป็นเพียงการขอใช้พื้นที่ร่วมกัน เพราะทางกลุ่มลูกศิษย์และพระมีความจำเป็นต้องเข้าออกไปทำธุระ และไปรับประทานอาหารบริเวณนี้ เนื่องจากอาหารภายในวัดมีจำนวนจำกัด ส่วนหมายเรียกที่ให้พระ 14 รูปของวัดพระธรรมกายเข้าไปรายงานตัวนั้น ตนยังไม่ได้รับทราบทางเอกสาร โดยเห็นแต่ที่ปรากฏเป็นข่าวในโซเชี่ยลเท่านั้น ส่วนที่ทำลายกำแพงวัดเพื่อที่จะเข้าไปภายในวัดนั้น เป็นความตื่นตระหนกของกลุ่มลูกศิษย์วัด ที่มีข่าวว่าเจ้าหน้าที่จะยึดพื้นที่วัด รวมถึงมีการใช้เครื่องปล่อยสัญญาณความถี่คลื่นเสียงสูง อีกทั้ง ยังมีภาพเฮลิคอปเตอร์บินวนเวียนอยู่บริเวณรอบวัดตลอดเวลา จึงทำให้ลูกศิษย์ยิ่งเกิดความตื่นตระหนกตกใจว่าเจ้าหน้าที่จะเข้ายึดวัด ทำให้ลูกศิษย์กลัวว่าจะไม่สามารถเข้ามาภายในวัดได้อีก และขอให้ยกเลิก ม.44

ฮ.บินตรวจเหนือวัด

พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักคดีพิเศษภาค กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยภายหลังเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ พร้อมด้วยพล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาสบ 10 และเจ้าหน้าที่ทหาร เพื่อตรวจสถานการณ์บริเวณพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกาย ว่า สำหรับการบินสำรวจ เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยบริเวณโดยรอบวัดพระธรรมกาย ได้นำข้อมูลกลับมาใช้ในการประเมินสถานการณ์ให้กับเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติการอยู่บริเวณวัดต่อไป ทั้งนี้จากการ บินสำรวจยังไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด ทุกอย่างยังอยู่ในความสงบเรียบร้อย โดย เจ้าหน้าที่ยังคงตรึงกำลังอยู่โดยรอบบริเวณวัด

ตร.หญิงร่วมปฏิบัติการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน สับเปลี่ยนกำลัง มีตำรวจตระเวนชายแดนหญิง กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน 1 กองร้อยเข้ามาร่วมปฏิบัติการด้วย

ทั้งนี้พระสงฆ์และศิษย์วัดพระธรรมกาย ตั้งเต็นท์กันแสงแดดยึดถนนบริเวณถนนเลียบ คลองแอน 2-3 ด้านประตู 5 วัดพระธรรมกาย ซึ่งบางคนใส่ชุดป้องกันการปะทะ พร้อมสวมหน้ากากแว่นตาปกปิดใบหน้า ส่วนชุดควบคุมฝูงชน สับเปลี่ยนกำลังเป็นระยะ นอกจากนี้ยังเตรียมรถกู้ชีพ ปฐมพยาบาล เพื่อป้องกันหากมีการปะทะและมีผู้บาดเจ็บ จะสามารถช่วยเหลือปฐมพยาบาลได้ทันที

อีกด้านของฝากถนนหนองเสือ-บางขันธ์ พบว่ามีคณะลูกศิษย์วัดพระธรรมกาย ที่เดินทางมา ไม่สามารถเข้าภายในวัดได้ ยืนถือป้ายริมถนน พร้อมเขียนป้ายและถือ มีทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น โดยระบุ ให้หยุดทำร้ายประชาชนหยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา หยุดทำร้ายพระ หยุดสร้างความรุนแรง หยุด ม.44 อย่าทำร้ายชาวพุทธ เราต่อสู้เพื่อศาสนา

ซัดมือที่ 3 ปลุกกระแส

เมื่อเวลา 16.30 น. พ.ต.ต.สุริยา รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินทางมาที่สภ. คลองหลวง พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า เหตุการณ์ชุลมุนเมื่อเช้าซึ่งมีกลุ่มผู้ไม่หวังดี ปลุกกระแสและมีการโฆษณาชวนเชื่อว่าทางฝ่ายเจ้าหน้าที่จะใช้กำลังการเข้าดำเนินการกับพระสงฆ์ที่อยู่ในวัดรวมถึง ประชาชนศิษย์ยานุศิษย์ที่อยู่ภายในวัด ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นความผิดทางกฎหมาย ถือว่าไม่ได้เป็นความจริงซึ่งเป็นการใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ กลุ่มดังกล่าวตนไม่ทราบว่าเป็นใครแต่ทราบคงมีเจตนาไม่ดีเป็นแน่ซึ่งเป็นการยั่วยุทั้งสองฝ่ายให้เกิดการกระทบกระทั่ง ทั้งนี้ก็ยังคงติดตามข้อมูลข่าวสารในโซเชี่ยลก็จะทราบว่า มีข้อมูลข่าวสารที่ไม่เป็นจริงเกือบจะทั้งนั้น ที่พยายามใส่ร้ายการกระทำของเจ้าหน้าที่

มส.เป็นห่วงกรณีธรรมกาย

วันเดียวกันสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อัมพร อัมพรมหาเถร) เสด็จเป็นองค์ประธานการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 4/2560 เป็นครั้งแรกภายหลังจากได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม

ด้านนายพนม ศรศิลป์ ผอ.สำนักพุทธฯ กล่าวว่า มหาเถรฯ มีความห่วงใยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับกรณีของวัดพระธรรมกาย ซึ่งพระพรหมมุนี เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช มีบัญชาให้เจ้าคณะปกครองที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายทั้งหมดประชุมหารือถึงการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมีสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เป็นประธานการประชุมเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี ร่วมกับผู้แทนกระทรวงยุติธรรม และผู้แทนมหาเถรฯ เข้าสังเกตการณ์ในวันนี้ โดยยังไม่มีขอเปิดเผยสถานที่ประชุมแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ สมเด็จพระสังฆราช ไม่ได้มีรับสั่งอะไรโดยตรงในเรื่องนี้กับสำนักพุทธฯ ส่วนทีมที่สำนักพุทธฯ ส่งเข้าไปประสานกับดีเอสไอนั้น ไม่ได้มีหน้าที่ในการจับกุม มีหน้าที่เพียงแค่การประสานงานเท่านั้น สำหรับที่มีกระแสข่าวว่าจะมีพระภิกษุเข้ามาเพิ่มเติมที่วัดพระธรรมกายนั้น ได้ประสานงานไปยังเจ้าคณะปกครองทุกจังหวัดให้กำชับคณะสงฆ์ หากเข้ามาจะมีความผิดตามมาตรา 44 เนื่องจากเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษของ คสช. นอกจากนี้ คณะสงฆ์จะร่วมมือกับฝ่ายบ้านเมืองให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติและไม่กระทบต่อภาพรวมของพระพุทธศาสนา

พระแจงไม่ได้เป็นเอกเทศ

ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวังโส เปิดเผยว่า ยืนยันวัดไม่ได้เป็นเอกเทศ ไม่ได้ปกครองตัวเอง ให้ความร่วมมือทางราชการอย่างดี เมื่อมีม.44 แม้จะรู้สึกไม่เห็นด้วย ไม่ชอบธรรม แต่ก็ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่นำตรวจวัด จนปัจจุบันวัดและผู้เกี่ยวข้องถูกข้อกล่าวหา 3 หมายจับ 308 คดี ยึด 6 ประตู ซีลอายัด 15 อาคาร ในเวลากลางคืนจนท.นำกำลังเข้าออกพื้นที่ 2 พันไร่ได้ตลอดเวลา วัดอยู่ภายในกฎหมายตลอด

“3วันที่ผ่านมา ดีเอสไอ ตำรวจ ทหาร เข้าตรวจค้นทุกพื้นที่ทุกอาคาร ทุกชั้น ทุกห้อง อย่างละเอียด แต่ไม่พบพระธัมมชโย ทุกภารกิจเป็นไปด้วยความเข้าใจอันดี แต่พอวันที่ 4 กลับใช้มาตรการรุนแรง คัดแยกพระกับประชาชน สร้างความตื่นตระหนกให้ลูกศิษย์ พระ-เณร และประชาชนทั่วประเทศ ประกาศให้พระ 14 รูปไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ ทั้งที่เคยไปรายงานตัวแล้ว ถือเป็นการคุกคามสิทธิมนุษยชน การบีบคั้นของรัฐบาลเป็นการเร่งเร้าให้คนทั่วประเทศเข้ามาวัดพระธรรมกายเอง”

พระสนิทวงศ์กล่าวว่า เหตุปะทะช่วงสายที่ผ่านมา เกิดจากเหตุเพียงแค่ทางพระขอให้เจ้าหน้าที่เปิดทางให้สาธุชนที่ออกไปทานข้าว ได้กลับเข้ามาปฏิบัติธรรม แต่เจ้าหน้าที่ซึ่งมีกำลังมากกว่า 2-3 เท่า กำลังใช้ความรุนแรงจนเป็นเหตุให้มีบาดเจ็บหลายราย พบผู้ป่วยดังนี้

1.ผู้หญิง อายุ 63 ปี โดนล้มทับและโดนเหยียบ บาดเจ็บสาหัส กระดูกซี่โครงซ้าย 1 ถึง 6 หัก กระดูกไหปลาร้าข้างซ้ายหัก รอยฟกช้ำที่ใบหน้าและจมูก และมีคราบเลือดที่ หูขวา ส่งร.พ.ประชาธิปัตย์ 2.ผู้หญิง อายุ 70 ปี มีอาการเจ็บหน้าอก ทั้งสองข้าง มีแผลถลอกข้อศอกซ้าย 2 เซนติเมตร ร.พ.ประชา ธิปัตย์เอกซเรย์ปอดแล้วปกติ แจ้งว่าเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ ให้กลับได้

3.ผู้ชายอายุ 55 ปี โดนเหยียบทั้งตัว มีเลือดออกในนัยน์ตาขาว 4.ผู้หญิง 1 ราย โดนเหยียบเท้า 5.ผู้ชาย อายุ 55 ปี โดนเครื่องชอร์ตไฟฟ้าบริเวณหน้าอกล้มลง รู้ตัว เจ็บข้อนิ้วเท้าขวา จากการกระแทก 6.ผู้ชาย อายุ 37 ปี เจ็บเอวซ้ายจากการกระแทกไม่มีรอยบาดแผล 7.พระ 1 รูป อายุ 41 ปี บาดเจ็บจากการกระแทก เจ็บขาทั้ง 2 ข้าง แขนบวมช้ำ มีบาดแผลถลอกที่หลัง

คดีธรรมกายพุ่ง 313 คดี

เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ศปก.ส่วนหน้า จ.ปทุมธานี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อเร่งรัดสำนวนคดีตามคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมระบุว่า เร่งรัดสำนวนทั้งหมดตาม ป.วิอาญา และ 419 ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคดีเพิ่มขึ้นอีก 5 คดี รวมทั้งหมดเป็น 313 คดี นอกจากนี้จะมีการตรวจสอบที่ดินของวัดพระธรรมกายเพิ่มเติม แต่จะที่ไหนก็ต้องแล้วแต่ทางกองทัพ ซึ่งจะต้องประสานอีกครั้ง ส่วนเหตุการณ์เมื่อเช้ายังไม่พบว่าทางวัดธรรมกายเข้ามาแจ้งความแต่อย่างใด

ดีเอสไอยันอยู่จนจับได้

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะโฆษก ดีเอสไอ พร้อมด้วยพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ ในฐานะ รองโฆษก ดีเอสไอ ร่วมกันแถลงสรุปผลปฏิบัติการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์กล่าวว่า จากการพูดคุยกันของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีประเด็นในที่ประชุมหลายประเด็น คือ 1.เรื่องนี้จะยืดเยื้อไปอีกเท่าใด ก็การดำเนินการกับผู้กระทำความผิดตามหมายจับซึ่งมีอยู่เพียงคนเดียว เราต้องดำเนินการตามกฎหมายจนกว่าจะสามารถจับกุมตัวได้ และแผนดำเนินการจะปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ในแต่ละวัน หากทางวัดต้องการพูดคุยเพื่อประนีประนอมยอมความ เจ้าหน้าที่พร้อมที่จะพูดคุยอยู่แล้ว หากผู้ต้องหาคนเดียวมามอบตัวเรื่องก็จบ

ในวัดมีพระ-ศิษย์4พันคน

ด้านพ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า จากการตรวจสอบจำนวนมวลชนที่อยู่ภายในวัดพระธรรมกายนั้น พบว่าเป็นพระสงฆ์และสามเณร 2,000 รูป และประชาชน 4,000 คน ยังไม่รวมมวลชนที่อยู่ภายนอกวัด ส่วนกรณีที่ทางวัดออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้กฎหมายมาตรา 44 นั้น ในส่วนของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามกฎหมายทุกขั้นตอน ไม่ว่าการจับ การค้น การควบคุมตัว เบื้องต้นจากการตรวจค้นพื้นที่วัดพระธรรมกายในช่วง 2 วันแรก ได้มีการตรวจค้นอาคาร แต่ยังมีพื้นที่บางส่วนที่ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ครบถ้วน ซึ่งการตรวจสอบเบื้องต้นได้มีการตรวจสอบห้องและอาคาร แต่ในทางการข่าวที่มีข้อมูลในจุดนั้นๆ ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้

ดันต่อกม.คุมสื่อ-เล็งลดโควตาปลัด

วันที่ 20 ก.พ. ที่รัฐสภา พล.อ.อ.คณิต สุวรรณเนตร ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) แถลงหลังประชุมถึงการปรับปรุงร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนว่า ที่ประชุมทบทวนเนื้อหาร่างกฎหมายดังกล่าวตามที่วิป สปท.เป็นห่วง โดยเฉพาะโครงสร้างคณะกรรมการสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติที่มีปลัดกระทรวง 4 คน ร่วมเป็นกรรมการ กมธ.เห็นควรให้คงสัดส่วนกรรมการไว้ที่ 13 คนตามเดิม แต่เสนอให้ลดโควตาตัวแทนภาครัฐลง ซึ่งมีแนวทางเสนอ 1.ลดโควตาปลัดกระทรวงจาก 4 เหลือ 2 คน เพิ่มตัวแทนสื่อและตัวแทนผู้ทรงคุณวุฒิอย่างละ 1 คน 2.การลดโควตาปลัดเหลือ 2 คน เพิ่มตัวแทนสื่อ 2 คน ทำให้ภาคสื่อมีตัวแทนในสภาวิชาชีพเพิ่มเป็น 7 คน 3.ให้มีปลัดเป็นตัวแทนภาครัฐ 4 คนเท่าเดิม แต่ให้เขียนบทเฉพาะกาลว่าเมื่อมีรัฐบาลจากการเลือกตั้งปลัด ทั้ง 4 ต้องพ้นหน้าที่ไปแล้วนำโควตาไปเพิ่มให้ตัวแทนภาคอื่นๆ

พล.อ.อ.คณิตกล่าวว่า กมธ.ยังไม่ได้ข้อสรุปจะประชุมกมธ.อีกครั้งวันที่ 21 ก.พ.เพื่อหา ข้อสรุป ข้อเสนอครั้งนี้เป็นการแสดงเจตนาบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้เสนอโครงสร้างสภาวิชาชีพสื่อมวลชนเพื่อไปแทรกแซงการทำงานสื่อ เหตุผลที่ยังให้มีตัวแทนภาครัฐเนื่องจากภาคราชการกับภาคเอกชนต้องเดินไปด้วยกัน ไม่มีประเทศใดในโลกที่ให้ภาคเอกชนหรือภาคราชการเดินไปเดี่ยวๆ เหมือนทำอาหารต้องใส่หลายๆ อย่างให้อาหารอร่อยขึ้น

พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ รองประธานกมธ.สื่อสารมวลชน กล่าวว่า แนวโน้มผลการประชุมวันที่ 21 ก.พ. คงปรับลดโควตาปลัดกระทรวง โดยเฉพาะปลัดกระทรวงการคลังที่หลายฝ่ายเกรงกัน จะไม่ให้อยู่ในโครงสร้างดังกล่าว จะให้มีสัดส่วนของภาครัฐในกรรมการสภาวิชาชีพให้น้อยที่สุดเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย

ถึงเจ็บ – เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นหญิงสูงวัย ได้รับบาดเจ็บจากเหตุพระสงฆ์และศิษย์วัดพระธรรมกายเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน บริเวณระหว่างประตู 5-6 วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 20 ก.พ.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน