กลิ่นไม่ค่อยดี เกรงสูญ52ล้าน แห่ร้องปอท. ตรวจบริษัท ลงทุนขุดบิทคอยน์

ขุดบิทคอยน์ / เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายวุฒิไกร ผิวขาว ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากกลุ่มผู้เสียหาย ที่ถูกหลอกให้ร่วมลงทุนเงินบิทคอยน์ 7 ราย

นำเอกสารหลักฐานวิธีการโฆษณาและวิธีการร่วมลงทุน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.นิติพัฒน์ วุฒิบุณยสิทธิ์ ผกก.(สอบสวน) บก.ปอท. และร.ต.อ.คมสัน ทุติยานนท์ รอง สว.(สอบสวน)กก.2 บก.ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัทเอกชนรายหนึ่ง หลังผู้เสียหายเกิดความไม่เชื่อมั่นว่าบริษัทดังกล่าวจะมีการหลอกลวงหรือไม่

นายวุฒิไกร กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้เสียหายในขณะนี้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกมี 7 ราย ซึ่งได้ร่วมลงทุนกับบริษัทดังกล่าว ซึ่งมีที่ตั้งอยู่จริงในย่านรัชดาภิเษก หลังพบเห็นโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กมาตั้งแต่ปี 2560

โดยเงื่อนไขการลงทุนมีลักษณะแบบตลอดชีพ ได้ผลตอบแทนร้อยละ 2-30% ต่อวัน แต่เมื่อลงทุนไปแล้ว กลับพบว่าได้รับผลตอบแทนไม่สมเหตุสมผล เช่น ลงทุน 30 ล้านบาท แต่ได้กลับมาเพียง 3 หมื่นถึงหลักแสนบาทเท่านั้น

นอกจากนี้ บริษัทดังกล่าวยังอ้างว่า การลงทุนดังกล่าวเป็นการลงทุนระยะยาว มีลักษณะเหมือนมรดกมอบให้กับทายาทที่สามารถทำการซื้อขายเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นได้ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ และลงทุนจนได้รับความเสียหาย รวมมูลค่าแล้วจำนวนทั้งสิ้น 52,434,260 บาท

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นายวุฒิไกร กล่าวว่า ทั้งนี้ จึงต้องการร้องขอให้พนักงานสอบสวนช่วยตรวจสอบว่า บริษัทดังกล่าวมีการประกอบกิจการตามที่โฆษณา และเป็นไปตามที่โฆษณาหรือไม่ แต่ที่ผ่านมาไม่มีการชี้แจง หรือไม่มีการนำส่งเอกสารหลักฐานใดๆ ที่แสดงความเป็นผู้ถือหุ้นดังกล่าวให้กับผู้เสียหายเลยแม้แต่น้อย

และต่อจากนี้จะประสานผู้เสียหายอีก 9 รายเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป พร้อมประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. เพื่อตรวจสอบการประกอบกิจการของบริษัทดังกล่าวร่วมด้วย

เบื้องต้น พ.ต.อ.นิติพัฒน์ ได้รับเรื่องร้องทุกข์ของผู้เสียหายไว้ลงในบันทึกประจำวัน พร้อมนำพยานหลักฐานที่ผู้เสียหายมารวบรวม และทำการตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายใดที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ก่อนนำรายงานผู้บังคับบัญชาเพื่อเสนอพิจารณาต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับดังกล่าวมีการโฆษณาชวนเชื่อในการลงทุนซื้อแรงขุดบิทคอยน์ ผ่านทางเว็บไซด์และมีการโฆษณาผ่านช่องทางในโซเชียลมีเดียต่างๆ ทั้งทางเฟซบุ๊ก แอปพลิเคชั่นไลน์ มีการถ่ายทอดสดบนแอพพลิเคชั่นไลน์

โดยการโฆษณาชวนเชื่อว่า เป็นการลงทุนเพียงครั้งแรกและครั้งเดียว ซึ่งจะจ่ายผลตอบแทนในอัตราร้อยละ 2-30 ต่อวัน บรรดาผู้เสียหายเห็นว่าผลประโยชน์ดังกล่าวดีกว่าการเองเงินไปฝากธนาคาร และการลงทุนดังกล่าวเป็นสัญญาตลอดชีวิต

นอกจากนี้ทางบริษัทยังโฆษณาและสร้างความน่าเชื่อถือต่อมาว่า การลงทุนครั้งเดียวเก็บเกี่ยวตลอดชีวิต ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อพากันมาร่วมลงทุนจำนวนมาก ซึ่งในช่วงระยะแรกๆ จะได้รับผลตอบแทนจริง แต่ต่อมาทางบริษัทฯ ไม่จ่ายเงินผลตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้

ทั้งนี้พบว่าบริษัทดังกล่าว โฆษณาชวนเชื่อว่าแรงขุดบิทคอยน์ของบริษัท เป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ผู้ร่วมลงทุนสามารถเริ่มต้นการลงทุนเพื่อซื้อแรงงานขุดบิทคอยน์ได้ตั้งแต่ 300 บาท ผู้ลงทุนได้กำไรร้อยละ 2-30 ต่อวัน ผู้ลงทุนได้โบนัสพิเศษต่างๆ ร้อยละ 2-10 ต่อวัน

ผู้ร่วมลงทุนจะได้ผลตอบแทนทุกวัน สามารถถอนเงินได้ตลอด 7 วัน และตลอดเวลา 24 ช.ม. ผู้ร่วมลงทุนจะได้กรรมสิทธิ์แรงขุดบิดคอยน์ตลอดชีวิต และจะมีการลงทุนในระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อนำมาลดต้นทุนค่าไฟฟ้า

บรรดาผู้เสียหายทั้งหมดร่วมลงทุนแรงขุดบิทคอยน์มาตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. 2560 สะสมมาจนถึงเดือน ก.พ. 2561 ต่อมาทางบริษัทฯ มีการเปลี่ยนนโยบายเรื่อยมา ทำให้ผู้เสียหายเริ่มรู้สึกว่ากำลังถูกบริษัทฯ หลอกลวงให้ลงทุน

เช่น ไม่สามรถโอนบิทคอยน์ออกจาก เว็บไซด์ได้ มีการจ่ายผลตอบแทนระยะแรกๆ ก่อนจะเลิกจ่ายในเวลาต่อมา แม้มูลค่าของแรงขุดบิทคอยน์ของทางบริษัทฯ ตามราคาที่ทางบริษัทตั้งไว้บนหน้าเว็บฯ จะมีมูลค่าปัจจุบัน (ณ วันที่ 10 ก.พ.62) อยู่ที่ 660 CRD 2 ต่อแรงขุด แต่เป็นมูลค่าที่ไม่สามารถหาผู้ซื้อได้

ทั้งนี้ผู้เสียหายเห็นว่าการโฆษณาของทางบริษัทฯ เกินความจริงเป็นการหลอกลวงโดยนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนตาม ม.14 ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน