โอละพ่อ! จนท.มูลนิธิ เล่าอีกมุม ปม สาวโวยแหลก โดยกู้ภัยซิ่งเบียดตกคลองพังยับ เผยห่วงคุยวีดีโอคอล-ไม่ให้ความร่วมมือปฐมพยาบาล ด้าน รปภ. ระบุหลังเกิดเหตุยังนั่งเล่นมือถือ-ได้กลิ่นแอลกอฮอล์

จากกรณีมีสาวรายหนึ่ง โพสต์เฟซบุ๊กสภาพรถที่พังยับเยินไปทั้งคัน พร้อมกันนั้น ยังได้เขียนข้อความว่า โดนรถของเจ้าหน้าที่กู้ภัย เบียดจนตกคลอง พร้อมต่อว่า ว่า ไม่มีคำขอโทษและคู่กรณีอ้างว่า ยังไม่ได้ขับชนหรือเบียด และโวยว่า ตนต้องเป็นฝ่ายซ่อมรถเองใช่หรือไม่ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว : สาวโวยแหลก โดนกู้ภัยซิ่งเบียดตกคลองพังเละ ก่อนโดนขุดยับ ชนิดหนังคนละม้วน!

ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบ นายชาญชัย แสงแจ้ เจ้าหน้าที่มูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร ได้เปิดเผยถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ ว่าหลังรับแจ้งจาก สภ.เมืองสมุทรสาคร และ 1669 แจ้งเหตุ มีรถยนต์ตกข้างทาง พลิกตะแคง และมีคนติดอยู่ภายในรถด้วย จึงรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ โดยมีลูกข่ายจุดท่าจีน เคลื่อนที่เร็ว ไปถึงเป็นทีมแรก และรถของมูลนิธิ กับรถของโรงพยาบาลเจษฎาเวชการ ก็ไปถึงพร้อมกัน

นายชาญชัย กล่าวต่อว่า โดยที่เกิดเหตุพบรถเก๋งสภาพหงายท้องอยู่ ทีมลูกข่ายจุดท่าจีนและทีมโรงพยาบาลเจษฎาฯ จึงได้ช่วยกันนำตัวผู้ประสบภัยออกมา ซึ่งไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก แต่สภาพเลอะเทอะจากน้ำในคู จากนั้นก็ได้ทำการสอบถามพูดคุยเพื่อจะนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ผู้ประสบเหตุไม่ประสงค์เข้ารับการรักษาตัว อีกทั้งยังไม่ให้ความร่วมมือในการปฐมพยาบาลอีกด้วย เนื่องจากบาดเจ็บไม่มากนัก และห่วงคุยวีดีโอคอลตลอดเวลา ทางทีมกู้ภัยจึงยกเลิกภารกิจและเดินทางกลับ

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

“พอหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว พวกผมก็ไม่คิดว่าผู้ประสบเหตุจะไปลงโพสต์แบบนั้น เพราะสิ่งที่โพสต์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ตรงกัน จึงได้มีการแชร์โพสต์ออกไป เพื่อต้องการให้ผู้หญิงคนดังกล่าวมาขอโทษและลบโพสต์ทิ้งไป แต่สาวเจ้าปัญหาก็ยังโทษมูลนิธิอยู่ ซึ่งทางกู้ภัยก็คิดว่าจะไม่เอาเรื่องแล้ว เนื่องจากพอกู้ภัยได้ชี้แจงความเป็นจริงต่อสังคม สาวคนดังกล่าวก็ถูกสังคมลงโทษแทน” นายชาญชัย กล่าว

นายชาญชัย กล่าวอีกว่า แต่ก็ได้แจ้งเรื่องไปให้ทางผู้บริหารมูลนิธิรับทราบและสังคมก็รับรู้แล้วว่าทางกู้ภัยของมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร รวมถึงกู้ภัยของมูลนิธิต่าง ๆ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะในเวลาที่เกิดเหตุนั้นไม่มีรถกู้ภัยของหน่วยงานใดออกไปวิ่งบนถนนพระราม 2 เนื่องจากไม่มีเหตุใด ๆ

นอกจากนี้ ยังมีพยานบุคคลสำคัญที่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย โดยยืนยันว่าสิ่งที่หญิงสาวโพสต์ในโลกโซเชียลนั้นบิดเบือนจากความเป็นจริง ซึ่ง นายสุชาติ ฉิมพาลี อายุ 47 ปี รปภ.ของบริษัทหยั่นหว่อหยุ่น เล่าว่า ในเวลาดังกล่าว ตนพร้อมหัวหน้างานรวม 3 คน ได้ออกมาตรวจความเรียบร้อยตามจุดต่าง ๆ ด้านหน้าโรงงาน

“ซึ่งขณะที่กำลังตรวจความเรียบร้อยนั้น ก็เห็นรถเก๋งสีขาวขับมาคันเดียวในลักษณะส่ายไปส่ายมา โดยไม่มีรถคันอื่นๆ ขับตามมา หรือแซงขึ้นไป จากนั้นคาดว่าน่าจะเสียหลักไปชนกับถุงทรายที่วางอยู่ข้างทาง เนื่องจากกำลังมีการซ่อมแซมทาง แล้วรถก็หมุนหลายตลบก่อนตกลงไปในร่องน้ำกลางถนน ลักษณะหงายท้อง ฝาถังน้ำมันเปิด ผมกับพวกจึงรีบเข้าไปจะช่วยแต่ก็กลัวรถระเบิด พอมองเข้าไปเห็นคนขับยังอยู่ในสภาพปกติ เล่นโทรศัพท์ ครั้นพอเปิดประตูรถฝั่งคนขับได้นั้น ก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์อย่างแรง” นายสุชาติ กล่าว

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า แล้วหญิงสาวคนนั้นยังถามด้วยว่า มาทำอะไรกัน “ตัวเขาไม่เป็นอะไร ทำคางมาเจ็บกว่านี้อีก” ซึ่งพวกตนก็ไม่รู้จะทำอะไรไปได้มากกว่านี้ ไม่กล้าเข้าใกล้ด้วยซ้ำไป เพราะกลัวทรัพย์สินมีค่าของหญิงสาวจะสูญหาย จนกระทั่งตำรวจสายตรวจ และมูลนิธิมาถึงก็ช่วยพาหญิงสาวออกมา ซึ่งเธอก็ยังถามพวกเจ้าหน้าที่เหมือนเดิมว่า “มาทำอะไรกัน” และไม่ต้องการที่จะไปโรงพยาบาล ทุกคนจึงแยกย้ายกันไป

นายสุชาติ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการที่จะติดตามหาความเป็นจริงว่า การที่หญิงสาวคนดังกล่าวให้ข้อมูลโดยบิดเบือนจากความเป็นจริงจนก่อให้เกิดความเสียหายต่อกู้ภัยมูลนิธิการกุศลสมุทรสาครนั้น มีเจตนาอะไรกันแน่ แต่เพื่อความสงบสุขของทุกฝ่าย สังคมก็ควรที่จะยุติการแสดงความคิดเห็นกันก่อน เพื่อรอดูข้อเท็จจริงจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน